เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่48 เทพมารตกสวรรค์ ภาค 2 กำเนิดจอมราชันย์

ตอนที่48 เทพมารตกสวรรค์ ภาค 2 กำเนิดจอมราชันย์

ยอดฝีมือที่โดนปิดผนึก 1

ลึกเข้าไปในหุบเขาแห่งหนึ่งในทวีปมังกร เป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและอสูรมากมาย ทำให้ไม่มีผู้คนเข้ามาในในหุบเขาแห่งนี้ แต่ก็มักจะมีพวกมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากเกินไปสุดท้ายก็ไม่มีใครได้ออกมาจากหุบเขาแห่งนี้….

” ท่านลุง…เป็นความจริงอย่างงั้นหรือที่ว่าเมื่อพันปี!! ก่อนมีคนมียอดฝีมือคนหนึ่งโดนผนึกไว้ในหุบเขาแห่งนี้ ” เด็กหนุึ่มรูปร่างสูงสง่า ผิวพรรณขาวดุจหิมะ กล้ามเนื้ออันอุดมสมบูรณ์ กับดวงตาสีเลือดคู่งาม กล่าวออกมา

” ฮ่าๆๆๆ!! เจ้าเชื่อเรื่องที่เล่าต่อกันมาด้วยเหรอพ่อหนุ่ม เด็กรุ่นเจ้าไม่มีใครเขาคิดว่าเรื่องที่เล่าต่อกันมาเป็นความจริงหรอก…เรื่องเล่านี้ก็ผ่านมาเกือบพันปีแล้ว ”

” ถึงเป็นเรื่องเล่าข้าก็อยากฟังอยู่ดี..แล้วท่านลุงพอรู้ไหมว่าเหตุใดยอดฝีมือคนนั้นถึงโดนผนึกทั้งๆที่เขาเก่งถึงเพียงนั้น… ” เด็กหนุ่มกล่าวถามซึ่งก็คือไป๋หลงนั้นเอง

” เท่าที่ข้าจำได้ว่ากันว่า..เขานั้นได้ฝ่าฝืนลิขิตฟ้า..จึงโดนลงโทษโดยการถูกผนึกอยู่ในที่แห่งนี้ ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ผสานมือขอบคุณ ที่ไป๋หลงได้ออกสืบหาข่าสารเกี่ยวกับเรื่องยอดฝีมือที่โดนผนึกนั้น ต้องย้อนกลับไปตอนที่ไป๋หลงแยกกับอู้เฉียงและสองพี่น้องมู่…..

” เอาละในอีก1เดือนหลังจากนี้เราจะมาเจอกันตรงนี้ที่เดิม ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่อู้เฉียงที่กำลังสีหน้าไม่สู้ดีนัก

” เจ้าคิดดีแล้วใช่ไหมเรื่องนี้มันเสี่ยงมากนะ…เจ้าอาจจะตาย!!ก็ได้ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงไป๋หลง

ไป๋หลงไดยินเช่นนั้นก็เข้ามาตบบ่าของอู้เฉียง..

” ปากเจ้านี้..มีไว้แช่งข้าหรืออย่างไร ข้าไม่มีทางตายหรอกน่า เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเลยเอาละนี้มันก็ผ่านมานานแล้ว เราแยกกันไปทำหน้าที่เถอะก่อนที่ท่านพ่อจะมาถึงเรื่องทุกอย่างที่นี้จะต้องจบลงทั้งหมด!! ”

ไป๋หลงแค่นเสียงเย็นยะเยือกออกมา..อู้เฉียงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ต้องทำตามที่ไป๋หลงได้บอกเอาไว้..

” ข้าเข้าใจแล้ว ดูแลตัวเองด้วยถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเจ้าต้องรีบหนีทันทีเข้าใจไหมไป๋หลง ”

” ข้าเข้าใจแล้ว…อู้เฉียงเจ้าทำตัวอย่างกับเป็นภรรยาข้าเลยนะ ” ไป๋หลงกล่าวติดตลกเล็กน้อย

หึ!!

อู้เฉียงเพียงส่งเสียงออกมาก่อนจะใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนยอดไม้แล้วหายไปในทันที…

” เอาละ…ข้าก็ต้องทำเรื่องของข้าเช่นกัน ก่อนอื่นก็ไปที่หมู่บ้านข้างหน้าก่อนดีกว่า.. ”

ไป่หลงใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงหน้าหมู่บ้านซึ่งไม่มีการตรวจคนเข้าหมู่บ้านมีเพียงแค่กำแพงที่ทำจากไม้และอักขระที่ลงทับไว้ที่เห็นด้วยตาเปล่าซึ่งอาจจะเป็น อักรขระป้องกันระดับต่ำเพียงเท่านั้น…

หลังไป๋หลงเข้ามาในหมู่บ้านก็ต้องตกเป็นเป้าสายตามากมายเพราะด้วยรูปลักษณ์ที่สง่างามราวกับองค์ชายที่ไหนสักแห่งหนีออกมาเที่ยวเล่นเสพสุข ความหล่อเหลานั้นได้ตราตรึงลงไปในสายตาของสตรีทั้งหลายที่มองด้วยสายตาเป็นมัน

แตกต่างจากฝ่ายชายที่มีแต่สายตาอาฆาตแค้นส่งมาไป๋หลงก็ไม่ได้สนใจอะไรเพียงเดินตรงไปที่ร้ายน้ำชาที่ตั้งอยู่ตรงตรอกซอยสุดหัวมุม

หืม?…ร้านน้ำชายอดฝีมือ

ไป๋หลงเดินเข้ามาอ่านป้ายร้านใกล้ๆก็รู้สึกสงสัยแต่ทันยังไม่ทันได้เข้าร้านก็มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากร้านน้ำชา

ตึงง!!

เป็นร่างของชายอ้วนท้วมใบหน้าดุดันแผลเป็นที่ด้านตาซ้ายสร้างความน่ากลัวของชายผู้นี้…

” จะ..เจ้ากล้าเตะข้าก็มาจากร้านอย่างงั้นรึ..เจ้าไม่รู้เหรอว่าเป็นลูกใคร ” ชายร่างท้วมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองสี่ส่วนและหวาดกลัวหกส่วน

” กับพวกที่กล้ามาฉวยโอกาศกับพนักงานของร้านข้า ยังคิดจะพูดอีกเหรอ..ไสหัวออกไป!! เด็กๆจัดการโยนเจ้าหมูอ้วนอัปลักษ์ตัวนี้ออกไปไกลๆร้านข้า ”

” ขอรับเจ๋ใหญ่ ”

ชายร่างอ้วนยังไม่ทันได้กล่าวอะไรออกมาจากปากก็โดนจับโยนทิ้งใกล้กองขยะสร้างความอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก..

” บัดซบ!! แค่ร้านน้ำชากระจอกๆคอยดูเถอะข้าจะไปขอให้ท่านพ่อส่งยอดฝีมือมาให้ข้าแล้วถล่มร้านเจ้าซะ ทีนี้ข้าจะจับเจ้าทำเมียซะ ลองดูว่ายังปากกล้าแบบนี้ได้อีกรึเปล่า ฮ่าๆๆๆ ”

ไป๋หลงที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เพียงมองด้วยสายตาเรียบๆเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าร้านน้ำชาแห่งนี้….

ภายในร้านตกแต่งได้เรียบง่ายมีใบชาวางเรียงรายสองทางเดินบรรยากาศสดชื่นราวกับอยู่ในสวนสมุนไพรชั้นเลิศก็ไม่ปานโคมไฟละย้า สวยงานสร้างบรรยากาศให้ร้านน่าดึงดูดไป๋หลงเห็นก็อดชมเชยไม่ได้…

พนักงานในร้านเมื่อเห็นไป๋หลงเข้ามาก็เข้ามาถามไป๋หลงทันทีด้วยท่าทีเขิลอายเพราะไป๋หลงในตอนนี้ด้วยเสื้อผ้าที่เผยให้เห็นถึงช่วงอกเผยให้เห็นถึงกล้าวอกอันหนักแน่นบวกกับใบหน้าอันหล่อเหลา ทำให้พนักงานในร้านหลายคนหันมามองไป๋หลงเป็นตาเดียวกัน…

” คะ..คือว่าไม่ทราบว่าคุณชายต้องการสั่งอะไรหรือไม่เจ้าค่ะ ” พนักงานสาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม กล่าวด้วยท่าทีเขิลอาย ลูกข้าชายคนอื่นในร้านถึงกับพากันสาปแช่งไป๋หลงเลยทีเดียว

” พี่สาว…ข้าขอชาที่ดีที่สุดในร้านก็แล้วกัน ” ไป๋หลงกล่าวพลางส่งยิ้มให้พอเป็นมารยาท แต่กลับทำให้หญิงสาวนางนั้นหน้าแดงระเรื่อทันที

” ดะ..ได้เจ้าค่ะโปรดรอสักครู่เดี๋ยวข้าจะนำมาให้ ” พนักงานสาวกล่าวเสร็จกำลังจะเดินไปด้วยความเขิลอาย…

” ช้าก่อนพี่สาวข้าอยาก…จะรู้เรื่องเล่าเกี่ยวกับยอดฝีมือที่โดนผนึกเมื่อพันปีที่แล้ว ที่หุบเขาแห่งนั้น ”

ไป๋หลงจับมือพนักงานสาวไว้แต่ด้วยไป๋หลงไปจับมือกระทันหันทำให้พนักงานสาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะชักมือกลับมา

” ระ.เรื่องนั้น คือว่า.. ” พนักงาวยังกล่าวไม่ทันจบก็มีเสียงนึงดังขึ้น

” นี้เจ้าคิดจะฉวยโอกาสกับพนักงานข้าอีกคนอย่างงั้นรึ…เจ้าชั่งกล้าเพียงหน้าตาดีหน่อยอย่าคิดว่าผู้หญิงเขาจะหลงกลเจ้า…เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างข้าจะโยนเจ้าออกจากร้านเช่นเดียวกับเจ้าหมูอัปลักษ์นั้น ” หญิงสาวที่ดูสง่าและแผ่ออร่าความแข็งแกร่งออกมาไป๋หลง เข้าใจได้ทันที ว่าชื่อร้านน้ำชาน แห่งนี้มาจากบุคคลตรงหน้านี้แน่นอน

” ช้าก่อน..เขาไม่ได้ฉวยโอกาศข้าเขาแค่อย่ากทราบข่าวแค่นั้นเอง.. ” พนักงานสาวช่วยแก้ต่างให้ไป๋หลง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เป็นผล

” แต่มันก็จับมือเจ้าโดยที่เจ้าไม่รู้ตัวนั้นแหละเขาเรียกว่าฉวยโอกาสใช่ไหมหรือข้าพูดผิด…”

” เรื่องนั้นมัน… ” พนักงานสาวมองหน้าไป๋หลง แต่ก็ต้องหลบสายตาเพราะความหล่อเหลาของไป๋หลง ทำให้พนักงานสาวไม่กล้าสู้หน้า

ไป๋หลงเพียงนั่งอยู่กับที่เท่านั้นไม่ได้แสดงท่าทีเดือดร้อนอะไรออกมา สร้างความเดือดดาลให้กับผู้จัดการร้านยิ่งขึ้นไปอีก

” นี้เจ้า..ขนาดนางยังช่วยเจ้าแล้วเจ้ายังมีหน้ามานั่งเฉยแบบนี้อีกอย่างงั้นรึ สาวเลว!!ที่สุด ” ผู้จัดการร้ากล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล

” ข้าทำอะไรผิดเล่าข้าไม่ได้ฉวยโอกาสข้าเพียงนึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องจะถามเลยจับมือพี่สาวคนนั้นไว้ ข้ายอมรับผิดว่าข้าไปจับมือพี่สาวคนนั้นโดยนางไม่รู้ตัว แต่ก็เพื่อจะถามหาข่าวเท่านั้น..ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง ”

ไป๋หลงกล่าวอธิบายด้วยความสุขุม…

” ข้าไม่สนจะออกไปดีๆหรือให้ข้าเตะเจ้าออกไป ”

ไป๋หลงได้แต่เหนื่อยหน่ายใจไป๋หลงยอมรับว่าร้านชานี้เป็นร้านที่ดี แต่ เรื่องอารมณ์และการใช้เหตุผลควรปรับปรุงอย่างยิ่ง…

” ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าข้าจะได้กินน้ำชาและข่าวสารที่ข้าต้องการ และจะออกไปทันทีเมื่อข้าเสร็จธุระ โปรดเข้าใจด้วยข้ามีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องทำจริงๆ ”

ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความนอบโน้มและเคารพแต่ดูเหมือนแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ทำให้ไป๋หลงเริ่มเคืองขึ้นมา…

” เอาแต่ใจตัวเองหาข้ออ้างไปเรื่อยไม่มีใครสั่งสอนเจ้าหรืออย่างไรพ่อกับแม่เจ้าละ เลี้ยงยังไงถึงได้ ทำให้ลูกเห็นแก่ตัวเช่นนี้… ”

ไป๋หลงทีได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนเชือกฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง บรรยากาศภายในร้านเริ่มหนาวเย็นขึ้น รอบผนังเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ขณะนั้นเองไป๋หลงลุกขึ้นยืนและกล่าวน้ำเสียงอันเเสนเย็นชากับดวงตาสีแดงฉานกำลังจ้องมองผู้จัดการสาวคนนั้น ทำให้ผู้จัดการคนนั้นสั่นสะท้าน!!ไปทั้งตัวในทันที…

” ในเมื่อพูดดีๆกันไม่เข้าใจ ยังรามปามมาถึงพ่อกับแม่ข้าอีกเห็นทีข้าคงจะอยู่เฉยๆไม่ได้แล้วท่านจะเสียใจที่พูดแบบนี้ออกมา!! ”

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท