เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่33 เหรียญตราแห่งราชันย์

ตอนที่33 เหรียญตราแห่งราชันย์

ณ.ราชสำนักทวีปจรัสแสง

” เมื่อกี้มันเสียงอะไร ข้าสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลทางด้านทิศใต้ใกล้กับโรงประมูล ” เสียงขององค์จักรพรรดิถังหน่านเหิงกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก

” ข้าน้อยได้ส่งแม่ทัพเหมยซานไปตรวจสอบแล้วขอรับ อีกไม่นานเกินรอทางเราจะได้รับรายงานแน่นอนขอรับ!! ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ใส่เกราะสีทองเด่นสง่าราวกับเทพสงครามกล่าวบอกแก่องค์จักรพรรดิที่กำลังกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

” ออกไปได้แล้ว ได้ข่าวอะไรรีบแจ้งข้าทันที ” องค์จักรพรรดิกล่าวแก่ทหารนายนั้น

” ขอรับ ”

ทางฝั่งโรงประมูล

” นี้มันพลังอะไรกันถึงทำให้อักขระของโรงประมูลเสียหายได้เช่นนี้ ”

” ข้าเกรงว่าถ้าไม่อักขระที่ป้องกันความเสียหายภายในโรงประมูลได้ตายกันหมดแน่ ”

” เรื่องนั้นชั่งมันก่อน…ผลการต่อสู้ เป็นเช่นไร ”

ตอนนี้ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่กำลังรอให้หมอกควัน ที่เกิดจากการปะทะกันของมหาวิชา จางหายไป ภายใต้กลุ่มควันนั้นมีร่างที่ยืนอยู่ในสภาพเสื้อผ้าที่ใส่ปกปิดนั้น ฉีกขาด แต่น่าแปลกส่วนที่ฉีกขาดนั้นเป็นเพียงฮู้ดที่ใส่ปกปิดใบหน้าเท่านั้นที่ฉีกขาด แต่เสื้อที่ใส่อยู่ไม่ได้เสียหายแม้แต่น้อย ทำให้เห็นถึงเสื้อผ้าชั้นดี ที่มีวิธีการทำเสื้อนี้ขึ้นมาต้องไม่ธรรมดา เสื้อปักด้วยเส้นด้ายสีทอง รูปพระจันร์และพระอาทิตย์ ทำให้ดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างมากบวกกับเส้นผมสีดำดวงตาสีแดงราวกับอัญมณี ซึงคนผู้นี้ก็คือไป๋หลงนั้นเอง เบื้องหน้าของไป๋หลงนั้นคือ เอลฟ์สาวที่นอนหมดสติอยู่ แต่ร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

” เฮ้อ..เกือบไปแล้วไหมล่ะ ” ไป๋หลงบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เพราะเมื่อกี้ไป๋หลงใช้ แอบเรียก หลิงหลุนออกมา แล้วพาหลบออกนอกพลังโจมตี ซึ่งเอลฟ์สาวนั้น หมดสติก่อนจะโดนหลิงหลุนช่วยไว้ ขณะนั้นเอง เอลฟ์สาวก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา

” นะ..นี้ข้าแพ้แล้วอย่างงั้นรึ ไม่มีทาง ” เอลฟ์สาวกล่าวพลางข่มน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมา

” ใช่เจ้าแพ้แล้ว ตาม สัณญาเจ้าจะต้องเป็นคนรับใช้ของข้า ” ไป๋หลงกล่าวพลางแอบอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

” ได้ข้าเป็นคนรักษาสัณญา ข้าจะต้องหาคนที่สังหารพ่อและแม่ข้าให้ได้ ข้าสาบานด้วยชีวิต!! ฮือๆๆ ” เอลฟ์สาวกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น และร้องไห้ออกมา เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวออกมาทันที

” งั้นข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงก็แล้วกันในเมื่อเจ้าเป็นของข้าแล้วนิ ฮ่าๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาพลางหัวเราะขบขัน ซึ่งเอลฟ์สาวเมื่อได้ยินไป๋หลงพูดเช่นนั้นก็หน้าแดงขึ้นทันทีซึ่งน่าแปลกที่ตนนั้นไม่รู้สึกโกรธไป๋หลงแม้แต่น้อยพร้อมหันมามองไป๋หลง เมื่อนางมองดูชัดๆ ก็ต้องตกตะลึงในความหล่อเหลา ผมสีดำยาวสลวย ดวงตาสีแดงราวกับสีเลือด ผิวที่เนียลดุจสตรี แต่ที่นางตกตะลึงมากกว่านั้นคือ..

“ผะ..ผู้เยาว์!! ?” เอลฟ์สาวกล่าวออกด้วยความตกตะลึง

” ข้าใช้วิชาที่ร้ายกาจที่สุดของข้าเพียงเพื่อ ล้ม ผู้เยาว์คนเดียวเนี้ยหนะ!! ”

” เรื่องนั้นชั่งมัน แล้วจะให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่ละ ” ไป๋หลงถามซ้ำอีกรอบ เอลฟ์สาวได้แต่ ตกตะลึงกับการที่เห็นรูปร่างของไป๋หลงนั้นอายุต้องไม่เกิน แปดปี เป็นแน่แท้

” นั้น ฝุ่นควันหายไปแล้ว ใครกันที่เป็นผู้ชนะ ”

” ไหนๆ ”

” อะ นั้นมัน… ”

เสียงคนที่เฝ้ามองดูผลที่เกิดขึ้น ภาพที่ ทุกคนนะที่นี้คือ เอลฟ์สาวได้นั่งคุกเข่าลงต่อหน้าไป๋หลง ซึ่งตอนนี้ไป๋หลงนั้นไม่ได้ใส่ฮู้ดปกปิดอีกต่อไปเพราะมันโดนทำลายจากการระเบิดพลังเมื่อครู่เป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี้ต่างเห็นใบหน้าของไป๋หลงชัดเจน ก่อนที่ทุกครจะกล่าวออกมาพร้อมกัน

” ผะ..ผู้เยาว์อย่างงั้นรึ? ”

” บะ..บ้าน่า ไม่น่าเป็นไปได้ ”

” เจ้าก็ลองมองดูด้วยตาของเจ้าสิว่ามันคือความจริง เป็นคนจากตระกูลไหนกัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ดูจากเสื้อผ้าจะต้องไม่ใช่เสื้อผ้าธรรมดาๆแน่ ข้าสัมผัส พลังอ่อนๆที่แผ่ออกมาได้ หรือจะ คนของตระกูลใหญ่จากทวีปอื่น ” เสียงของผู้อาวุโสที่นั่งมองดูอยู่กล่าวขึ้น ตอนนี้ซานอี้ ที่ได้เห็นไป๋หลง ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อพิธีกรสาวเห็นเช่นนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้เพราะตนนั้นแอบใช้อาวุธอักขระ แบบพิเศษ ในการเฝ้ามองหารต่อสู้ ทำให้เห็นเหตุการณ์เกือบทั้งหมด แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มีอยู่ช่วงนึง อาวุธอักขระที่ตนใช้นั้นเกิดใช้ขึ้นมาไม่ได้ในตอนที่หลิงหลุนออกมา จึงทำให้ไม่รู้ว่าไป๋หลงนั้นมีสัตว์ระดับเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ไว้ในครอบครอง เมื่อเห็นไป๋หลงกำลังเดินลงจากลานประลองพร้อมกับเอลฟ์สาวพิธีกรสาวก็ตรงไปที่ไป๋หลงทันที

” หนุ่มน้อยเจ้าชื่ออะไร? ” พิธีกรสาวกล่าวถามแก่ไป๋หลง เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวตอบตามมารยาททันที

” ข้าชื่อไป๋หลง ”

เมื่อพิธีกรสาว ได้ยินเช่นนั้นก็ประกาศชื่อผู้ชนะทันที

” ไป๋หลงคือผู้ชนะ!! ”

เสียงของพิธีกรสาวดังก้องไปทั่วโรงประมูล ก่อนจะมีเสียงโห่ร้องออกมาแสดงความยินดีกับไป๋หลง

เฮฮฮฮฮฮ!!!

” ข้ายินดีกับเจ้าด้วย นี้ไข่มังกรที่เจ้าประมูล ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะสนใจแค่ไข่มังธรรมดาๆแบบนี้ทำไม ” พิธีกรสาวกล่าวพลางนำไข่มังกรที่ไป๋หลงประมูลได้ออกมามอบให้ไป๋หลง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบออกมาแบบมีเลศนัยในทันที

” นั้นสิ…ใครจะไปรู้ละ รับนี้ไป ” ไป๋หลงกล่าวจบก็นำเงินออกมาจากแหวนมิติทันที เพื่อมอบให้แก่พิธีกรสาว

” ลองนับดูก็ได้ ” ไป๋หลงกล่าวบอกแก่ พิธีกรสาว เมื่อพิธีกรสาวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตอบกลับมา

ขณะนั้นเองก็มีเสียงๆนึงดังขึ้นเป็นเสียงที่ทรงพลังและแฝงไปด้วยความเย็นชาเป็นอย่างมาก

” หยุดห้ามใครไปไหนทั้งนั้น ถ้าข้ายังไม่อณุญาติใครขัดขืนตาย!! ”

เมื่อคนที่เหลืออยู่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วร่างราวกับมีเข็มนับพันอยู่บนร่างกาย ไป๋หลงเมื่อได้ยินก็หันไปมองทางต้นเสียงก็พบกับชายร่างสูงใหญ่ ใส่เกราะสีเงินยรูปสิงโต และทหารอีกนับร้อยที่อยู่ด้านหลัง ขณะนั้นเองก็มีเสียงของคนในโรงประมูบที่เหลืออยู่กล่าวขึ้น ด้วยความหวาดผวา

” นะ..นั้นแม่ทัพเหมยซานผู้บ้าเลือด!! แห่งทิศใต้ ” เมื่อมีเสียงนึงดังขึ้นก็จะมีเสียงต่อๆไปตามมา

” อะไรนะ บัดซบซวยอะไรเช่นนี้ ”

” ข้าว่าเราอยู่เฉยๆเถอะ จะเป็นการดีกับตัวเอง ”

เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นและลอบสังเกตุพลังของชายใส่เกราะเงินก็คิ้วขมวดก่อนจะบึมพำออกมา ระดับจักรพรรดิขั้นที่7 แข็งแกร่ง ลำพังตอนนี้พลังยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าหากมาดีละก็ว่าไปอย่าง แต่ฟังจากน้ำเสียงข้าไม่ค่อยชอบใจเลย เมื่อไป๋หลงคิดได้เช่นนั้นก็กล่าวถาม พิธีกรสาวที่กำลังตกตะลึงไม่ต่างกัน

” นี้พี่สาว เขาคนนั้นคือผู้ใดกันเหตุใด ทุกคนที่นี้ล้วนเกรงกลัวเขา ” ไป๋หลงกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย แต่คำพูดที่ไป๋หลงถามมานั้นมีหรือ ระดับชนชั้น จักรพรรดิขั้นที่7 จะไม่ได้ยิน เมื่อแม่ทัพเหมยซานได้ยินสิ่งที่ไป๋หลงถามแก่พิธีกรสาวก็กล่าวออกมาทันที

” ข้าจะบอกให้ ข้าคือ เหมยซานแม่ทัพทิศใต้แต่คนส่วนใหญ่เขาชอบเรียกข้าว่าแม่ทัพบ้าเลือดเพราะข้าเวลาโกรธใครก็ห้ามไม่อยู่ ” เหมยซานกล่าวพลางสำรวจไป๋หลงแต่น่าแปลกที่ตนนั้นมิอาจตรวจดูพลังได้ของไป๋หลงได้ จึงคิดว่าไป๋หลงนั้นมีอุปกรณ์ ที่ป้องกันการตรวจสอบระดับพลัง

” อ้อ..เป็นเช่นนี้ นี้เองว่าแต่ข้าไปได้รึยัง ” ไป๋หลงกล่าวอยู่ขระอุ้มไข่มังกรไว้ในมือสร้างความดึงดูดแก่ทหารโดยรอบอย่างมาก ซึ่งแน่นอย เหมยซานนั้นไม่ใช่คนที่อยากได้ของใครที่มีเจ้าของอยู่แล้วแต่กับคนที่ติดตามมาด้วยนั้นไม่ใช่

” บังอาจ..ถ้าจะไปก็ทิ้งไข่มังกรใบนั้นไว้แล้วก็ใส่หัวไปซะ!!! ฮ่าๆ ” เสียงของทหารนายหนึ่ง ที่ติดตามเหมยซานมา ซึ่งขณะนั้นเองเหมยซานกำลังจะกล่าวห้ามก็มีเสียงๆนึงดังขึ้น

” เรื่องเจ้าสิ ข้าเป็นคนประมูลมาได้เหตุใดข้าต้องมอบให้กับคนชั่วช้าเช่นเจ้า ” ไป๋หลงกล่าว ออกมาด้วยความไม่ชอบใจ ซึ่งตอนนี้เอลฟ์สาวก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของทหารที่ได้พบเห็นเช่นกัน

” ดูนางซิหน้าอกเข้ารูปแบบนั้น ถึงสภาพจะดูไม่ได้แต่ก็ยังงดงาม ถ้าข้าได้นางมาละก็ข้าจะขย้ำหน้าอกของนางและย้ำ… ” ทหารนายหนึ่งที่ติดตาม เหมยซานกล่าวไม่ทันจบก็เหมือนมีอะไรมาฟาดลงที่หัวจนรู้สึกชาและหน้ากระแทกกับพื้นในที่สุดไปในที่สุด

ตู้ม!!!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความตกตะลึงกับคนที่ได้เห็นเป็นอย่างมากมากรวมถึง เหมยซาน เช่นกัน เอลฟ์สาวที่เห็นนายของตนทำเช่นนั้นก็รู้สึกใจเต้นแบบไม่เป็นจังหวะ ขณะนั้นเองไป๋หลงก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเย็นชาและเกรี้ยวกราด

พวกเจ้าที่นี่ทุกคนลองพูดแบบนั้นกับคนของข้าแบบนั้นอีกสักครั้งดูสิ ข้าจะไม่ปราณีพวกเจ้าแม้แต่คนเดียว!!!

เหมยซานที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตกตะลึงในความเร็วที่ไป๋หลงแสดงออกมาเป็นอย่างมาก ถึงจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของไป๋หลงได้ทันแต่ก็ไม่อาจจะยื่นมือเข้าไปขวางได้ทันด้วยระยะความห่าง สิ่งที่ไป๋หลงทำเมื่อครู่สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าทหารเป็นอย่างมากราวกับโดนตบหน้าจังๆ ด้วยผู้เยาว์ที่อยู่ตรงหน้า

” บัดซบเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ข้าจะสั่งสอนเจ้า ”

” อย่าอวดดีให้มากเจ้าหนู เพียงเก่งนิดหน่อย อย่าเหิมเกริมให้มากนัก ”

เสียงทหารที่ติดตามเหมยซานกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ ไป๋หลงเพียงนิ่งเงียบไม่กล่าวตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น

” ข้าว่าพวกท่านใจเย็นก่อนดีหรือไม่ ” เสียงที่กล่าวออกมานี้ก็คือ ซานอี้ ที่อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้น

” แม่หนูน้อยตระกูลซาน ข้าว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้เพราะ เราได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ ให้มาตรวจสอบ บริเวณแถวนี้เพราะได้มีการระเบิดพลังระดับที่มหาศาลพวกข้าเลยต้องรีบมาเช่นนี้ อีกอย่างคนของข้าโดนทำร้ายถึงเพียงนั้นข้าจะต้องลงโทษเขาเล็กน้อย เพื่อที่จะเป็นเยี่ยงอย่างแก่คนที่อยู่ที่นี้ ” เหมยซานกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ซานอี้ได้ยินเช่นนั้นก็เตรียมจะบอกกล่าวแก่ เหมยซานทันทีแต่ทันใดนั้นไป๋หลงก็กล่าวบางอย่างขึ้น สร้างความแปลกใจแก่ผู้คนที่ได้ยินเป็นอย่างมาก

” นี้ๆ เรื่องนี้เอาเป็นว่าข้าขอโทษก็แล้วกัน แต่คนของท่านมันปากปีจอเอง ที่มาพูดกับคนของข้าเช่นนี้ นี้ก็ใกล้จะค่ำแล้วเดี๋ยวข้าจะสายเอานะ เดี๋ยวงานเลี้ยงจะเริ่มซะก่อน ”

” อึก..บะ..บัดซบข้าจะฆ่าเจ้าเด็กเวรนั้น!! ” เสียงของทหารที่โดนไป๋หลงใช้กำังกายล้วนๆโดยไม่ได้ใส่พลังไปแม้แต่น้อย ไป๋หลงเองก็ไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก เพราะไม่ได้กะจะเอาให้ตายอยู่แล้ว เดี๋ยวมันจะน่ารำคาญ

” เห๋..ยังพูดแบบนั้นได้อีกครั้งต่อไปถ้าเจ้ากล้าพูดแบบนี้ให้ข้าได้ยินเจ้าตายแน่!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาแฝงไปด้วยความเย็นชา

เหมยซานที่กำลังขบคิดเรื่องที่ไป๋หลงนั้นกล่าวบอกไว้ว่างานเลี้ยง ตัวมันนั้นเริ่มจะรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลย ก่อนจะกล่าวถามแก่ไป๋หลงด้วยความสงสัยและกังวล ถ้าเป็นอย่างที่มันคิดไว้ วันนี้ตัวมันนั้นจะต้องเจองานใหญแน่ๆ

” นี้ เจ้าบอกว่างานเลี้ยงใครเป็นคนเชิญเจ้า ” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบออกมาทันที ด้วยความไม่ใส่ใจ

” องค์จักรพรรดิเป็นคนเชิญข้าเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาทั้งโรงประมูลต่างตกอยู่ในความเงียบสงัด ตอนนี้เหมยซานนั้น หน้าซีดราวกับไร้โลหิต ขญะนั้นเองก็มีเสียงจากทหารนายหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาล

” เหลวไหลสิ้นดี บัดซบอย่ามาโกหก ”

” ใช่ๆ เป็นแค่เด็กริอาจมาโกหกพวกข้ามันเร็วไปเจ้าหนู ”

” ไหนหละหลักฐานข้าขอดูหน่อยสิ เจ้า คน โก หก ”

พวกทหารต่างด่าว่าไป๋หลงตอนนี้ เหมยซานแทบจะกลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่ ไม่ใช่โกรธไป๋หลง แต่ โกรธทหารที่โง่เง่า ที่ติดตามมาด้วย ตัวมันนั้นกำจะกล่าวบางอย่างกับไป๋หลง ทันใดนั้นไป๋หลงก็กล่าวบางอย่างขึ้น

” หลักฐานงั้นรึ ใช่สิ่งนี้หรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ รับหยิบเหรียญตราที่ได้จากองค์จักรพรรดิ ขึ้นมาทันที เป็นเหรียญตราสีทอง สลักรูปมังกรทองเอาไว้

เมื่อเหล่าทหารนับร้อย รวมถึงเหมยซาน ได้เห็นสิ่งนั้นหน้าซีดเผือกก็คุกเข่าลงทันที รวมถึงทุกคนในโรงประมูล ก่อนที่ทุกคนจะอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง

เหรียญตราแห่งราชันย์!!!

จบ……

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท