เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่43 ปากพาซวย

ตอนที่43 ปากพาซวย

ราชวังหลวงทวีปจรัสแจง เป็นที่พำนักขององค์จักรพรรดิ์….

” อะไรนะ!! เป็นความจริงอย่างงั้นรึ พวกมันต้องการจะเปิดศึกกับทวีปจรัสแสงแบบเต็มอัตตราศึกอย่างงั้นรึ ”

” บัดซบ!! เห็นทีว่าเราต้องขอความร่วมมือจากทุกสำนักและสถาบันซะแล้ว ถ้าไม่อย่างงั้นมีหวัง ทวีปแห่งนี้ จะต้องล่มสลายแน่ ”

” ข้าก็คิดอย่างงั้น…เราจะทำอย่างไรดี องค์จักรพรรดิ์ ”

เสียงของผู้อาวุโสต่างๆกำลังเคร่งเครียดเป็นอย่างมากหลังจากได้รับข่าวสารนี้มาจากสายลับที่คอยสอดแนมอยู่ หลังจากนั้นสายลับ คนนั้นก็ขาดการติดต่อทันทีเป็นไปได้ว่าอาจจะโดนจัดการไปแล้ว ทำให้ เกิดความวิตกกังวลขึ้น

เงียบบบ!!

เสียงที่ทรงพลังดังขึ้นทำให้ทั้งห้องโถงถึงกับทรุดเข่าลงกับพื้น คนที่ระดับ ต่ำกว่าราชันนักรบ ทรุดเข่าลงกับพื้นจนหมด

” ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง…เราก็ต้องตระเตรียมกำลังพลไว้ให้พร้อมตลอดเวลา ในเวลาแบบนี้พวกเจ้า ที่เป็นถึงผู้อาวุโส ยังแสดงท่าทางแบบนี้ออกมาเห็นทีคงจะไม่เหมาะสมกระมัง ” องค์จักรพรรดิ์ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง ผู้อาวุโสที่ได้ยิน ก็ต่างก้มหน้า จนในที่สุดก็มี ผู้อาวุโสคนนึงกล่าวขึ้น

” ระ..เรียนท่านองค์จักรพรรดิ์ ข่าวอีกอย่างนึงที่เราได้รับมานั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ”

องค์จักรพรรดิ์ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดเข้าหากันทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น

” มีอะไรรึ ท่าน ผู้อาวุโสอี้ ”

เมื่อผู้อาวุโสอี้ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรน

” ข่าวอีกอย่างที่เราได้รับมาคือ พวกมันจะถล่มป่าอสูร ก่อนแล้ว หลังจากนั้นพวกมันก็จะบุกมายึดวังหลวง เพราะป่าอสูรนั้น เป็นทางผ่านในการมาที่วังหลวง อีกอย่างนึงรู้สึกว่า เทพอสูรไป๋หยางนั้นเคยมีเรื่องบาดหมางกับทางนั้นมาก่อน… ”

องค์จักรพรรดิ์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบสั่งการบางอย่างออกมาทันที

” รีบให้คนของเรา ไปแจ้ง เทพอสูรไป๋หยาง!! ว่าพวกมันกำลังจะเปิดศึกกับเราในอีกสองปีข้างหน้า ”

เมื่อทั้งห้องโถงได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงในทันที ไม่คิดว่าองค์จักรพรรดิ์จะรับสั่งอะไรแบบนี้ออกมา ทันใดนั้นก็มีผู้อาวุโสคนนึงกล่าวขึ้น

” ทะ..ท่านองค์จักรพรรดิ์โปรดไตร่ตรองอีกครั้ง ถ้าทางเรา ติดต่อ กับ ป่าอสูร แล้วทางโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นปรปักษ์ ทางป่าอสูรจะไม่หันเขี้ยวเล็บใส่ทางเราอย่างงั้นเหรอขอรับ ”

สิ่งที่ผู้อาวุโส นั้นกล่าวออกมา คล้ายสร้างทิศทางทำให้ผู้อาวุโสบางส่วนเริ่มคล้อยตาม

” หืม? ชั่งพวกมันสิ ครั้งก่อนทางเราเดือดร้อน ไปขอร้องพวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยขายสินค้าที่พวกนั้นกักตุนไว้ ให้เราในช่วงหน้าหนาว แล้วผลเป็นอย่างไรเล่า พวกโบสถ์ มันขึ้นราคาแล้วขายให้กับทางเราเกือบเท่าตัว!! เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปสนใจพวกมันอีกต่อไป ”

องค์จักรพรรดิ์กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

” แล้วถ้าพวก โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ หันเขี้ยวเล็บมาใส่ทางเราละ องค์จักรพรรดิ์จะทำอย่างไร”

ผู้อาวุโสคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็ต้องสั่นสะเทือน

ตึง!!

จักรพรรดิ์ ขั้นที่9 !!

” ลองพวกมันหันเขี้ยวเล็บมาดูสิ ข้าจะไปถล่ม!! พวกมันด้วยตัวข้างเอง…และอีกอย่างห้ามบอก ถังเทียน และ ถังอวี้ ถึงเรื่องนี้ เด็ดขาด… ”

ตอนนี้ทั้งห้องโถงต้องตกตะลึง!! กับระดับพลังที่องค์จักรพรรดิ์ ปลดปล่อยออกมา อีกครึ่งก้าว เข้าสู่จักรพรรดิ์ที่แท้จริง ที่ยากราวกับปีนป่ายสวรรค์ก็ไม่ปาน

” อีกเหตุผลนึงคือ ข้าสนใจในตัวเด็กที่ชื่อไป๋หลง ถือว่าเป็นเด็กที่ไม่เลวเลย ข้าอยากจะรับเขาเป็นศิษย์ เรื่องมันก็มีแค่นี้ อีกอย่างถ้าให้เลือกระหว่างป่าอสูร และ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอเลือกป่าอสูร เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้ รีบดำเนินการตามที่ข้าบอกได้แล้ว ”

” รับบัญชา ”

หลังจากนั้นห้องโถงก็กลับมาเงียบอีกครั้ง ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างเร่งคิดแผนการ รับมือเรื่องที่เกิดขึ้น และทยอยออกจากห้องโถงไปเรื่อยๆจนหมด

” เฮ้อ…ไม่ว่ายังไงข้าก็อยากให้ไป๋หลง มาเป็นเขย แล้วมาตบแต่งกับถังอวี้ จริงๆนั้นแหละ ทั้งความสามารถ พรสวรรค์แถมยังครอบครอง สัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกแถม หน้าตาถ้าโตไปแล้วต้องเป็นชายงามล่มเมืองแน่นอนเพราะแบบนี้แหละ ข้าจะต้อง นำไป๋หลง มาเป็น เขยให้ได้… ”

องค์จักรพรรดิ์ได้กล่าวความต้องการจริงๆออกมาอย่างหน้าไม่อาย แต่ยังมีอีกคนที่องค์จักรพรรดิ์ ลืมไป

” นี้สินะ..เหตุผลที่แท้จริง ที่ต้องการช่วยเจ้าเด็กที่ชื่อไป๋หลงที่อยู่ในป่าอสูร ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนท่านก็ยังเจ้าเล่ห์ไม่มีเปลี่ยน ” เสียงลึกลับที่อยู่ในมุมมืดของห้องโถงกล่าวขึ้น

” หึ มันเรื่องข้า เจ้าทำตัวลับล่อๆแอบฟังคนอื่นคิดว่ามันสมควรหรืออย่างไรกัน ” องค์จักรพรรดิ์กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อย

” แล้วท่านละ คิดจะคลุมถุงชนเด็กอย่างงั้นรึท่านนี้มัน… ” เสียงลึกลับกล่าวออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย องค์จักรพรรดิ์ได้ยินเช่นนั้นก็ สถบออกมาด้วยความไม่พอใจทันที

” นี้เจ้า…ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อยู่ในเงามืดเสมอเลยน่ะ กวนเหอ ”

” ถ้าข้าไม่อยู่ในเงามืด จะเรียกว่า องค์รักษ์เงา ที่คอยปกป้องเชื้อพระวงศ์ ได้อย่างไร ” องค์จักรพรรดิ์ได้แต่ส่ายหัว ให้กับ การแสดงออกของ กวนเหอ

” แล้วเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ..ที่ท่านจะไปถล่มพวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงจะเป็นท่านก็เถอะฝืนเกินไปแล้วนะ ” กวนเหอกล่าวออกมาด้วยความกังวล เมื่อองค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย

” ถ้าข้าไม่มีไพ่ที่เหนือกว่าข้าคงไม่พูดแบบนั้นออกไปหรอก..อีกอย่างอย่าลืมสิว่า ข้ายังมี1ในสัตว์เทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่เคียงข้างราชวงศ์นี้มาช้านาน พวกโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ มันคงไม่โง่พอ ที่จะเปิดศึกกับเราเพราะเรื่องแค่นี้ เป็นแน่ ข้าคิดเช่นนั้น ” องค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงกล่าวอธิบาย

” ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ข้าขอตัว… ”

กวนเหอกล่าวจบก็หายไปในความมืดในทันที

” เฮ้อ…ข้าคงต้องเตรียมแผนการสำหรับศึกในอีก2ปีข้างหน้าสินะ ” องค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงกล่าวจบก็เริ่มคิดแผนการรบในทันที

ป่าอสูร…

” ทำไมต้องเป็นข้าด้วย คนอื่นมีตั้งเยอะ ตั้งแยะดันมาเลือกข้าให้นำ ข่าวมาบอกเทพอสูร เนี้ยนะ ท่านผู้อาวุโสท่านต้อง บ้าไปแล้วแน่ๆ!! พลังข้าก็แค่ นักรบที่แท้จริงขั้น1 เท่านั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ข้า คงต้องบอกลาโลกแน่…”

เสียงทหารนายนึงบ่นออกมาด้วยความสลด ตอนนี้ทหารคนนั้นกำลังเดินลึกเข้าไปในป่าอสูรเรื่อยๆ จนกระทั่ง…

” หยุดเจ้ามนุษย์!! ที่นี้ไม่ใช่ที่สำหรับเจ้า กลับออกไปเดี๋ยวนี้ ” เสียงที่ทรงพลังกล่าวขึ้นในเงามืดของป่าทำให้ทหารนายนี้ถึงกับเข่าอ่อนเลยทีเดียว ก่อนจะทำเป็นกินดีหมีหัวใจเสือ

” ข้า…ได้รับคำสั่งจากองค์จักรพรรดิ์ถังหนานเหิงแห่งทวีปจรัสแสง ให้นำข่าวสารบางอย่างมาแจ้งให้เทพอสูรไป๋หยางทราบ เนื้อหาสารทั้งหมดอยู่ในนี้ ”

ทหารนายนั้นกล่าวจบก็หยิบสารที่ได้มาแล้วชูขึ้น… เมื่ออสูรตนนั้นเห็นเช่นนั้นก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

” หืม?..ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเหตุใดเจ้าถึงมาเพียงผู้เดียวสารที่องค์จักรพรรดิ์เป็นผู้เขียนขึ้น จะต้องสำคัญเป็นแน่แท้ เหตุใด จึงให้คนดูท่าทางอ่อนแอเช่นเจ้า เป็นผู้สงสารกัน ”

ทหารนายนั้นได้ยินเช่นนั้นก็แทบจะร้องไห้ออกมา เหตุผลนั้นมันก็คือ….

ย้อนกลับไปก่อนที่ทหารนายนั้นจะมาที่ป่าอสูร….

” นี้…เจ้า ซูหลัว ข้าไหว้วานเจ้าเรื่องนึงได้หรือไม่ เป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมากข้ามั่นใจในฝีมือเจ้า ”

ซูหลัวเป็น ทหารที่คอยตรวจตราและเป็นคนคอยรักษาความปลอดภัยในยามวิกาลนั้น เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์จักรพรรดิ์ ตัว ซูหลัวนั้น ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะหวังว่าถ้าทำสำเร็จอาจจะได้รับรางวัล จากองค์จักรพรรดิ์ จึงตอบ กลับไปอย่างกระตือรือร้นในทันที

” ท่าน ผู้อาวุโส มีอะไรโปรดสั่งข้ามาได้เลยข้ายินดีช่วยท่านดูแลข้ามาหลายปี ไม่ว่าจะเป็นบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็พร้อมลุย!! ” ซูหลัวกล่าวขึ้นด้วยความมาดมั่น

” ดีเยี่ยม!! ข้าดูคนไม่ผิด เจ้าจงนำสารนี้ไปมอบให้กับเทพอสูรไป๋หยาง แห่งป่าอสูร… ”

” ได้อยู่แล้วท่านผู้อาวุโส ก็แค่ไปที่….. ” ซูหลัวกล่าวค้างไว้ก่อนจะถามผู้อาวุโสอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นผิดหรือไม่

” มะ..เมื่อกี้ท่านว่าให้ข้าไปที่ป่าอสูร!! ข้าคงฟังผิดใช่หรือไม่ขอรับ ” ซูหลัวกล่าวออกมาด้วยความกังวิตกกังวล

” ไม่ผิดหรอก ข้าเชื่อ ในฝีมือ การหนีของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าในกองทัพนั้นเจ้าเป็นคนที่หนีเก่งที่สุด เรื่องนี้้เลยต้องไหว้วานเจ้าแล้ว ข้าก็งานล้นมือจนไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหน ข้าฝากเจ้าด้วยละ ” ผู้อาวุโสกล่าวจบก็นำสารยื่นให้กับซูหลัวในทันที ก่อนที่จะกล่าวทิ้งท้ายไว้

” ซูหลัว การหนีก็เป็นความสามารถอีกอย่างนึงที่สำคัญในการสู้รบ อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจเลย ” ผู้อาวุโส กล่าวจบก็ใช้วิชาตัวเบาเหาะหายไปในทันที ทิ้งให็ซูหลัว อึ้งอยู่นานกว่าจะได้สติ

” ฮ่าๆๆ..สวรรค์ ท่านชั่งเล่นตลกกับข้ายิ่งนัก ข้ายังโสดยังไม่ได้สละซิงแท้ๆ ไม่เคยมีคนรักเหมือนกับชาวบ้านเขาจน อายุ27ปี ข้าก็ยังไม่มี ” ซูหลัวกล่าวออกมาด้วยความท้อใจและหัวเราะราวกับคนวิกลจริต

ฮ่าๆๆๆๆๆ!! ปากพาซวยจริงๆ

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท