เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่44 ฉางเฉินจักรพรรดิแห่งความตาย

ตอนที่44 ฉางเฉินจักรพรรดิแห่งความตาย

ณ บัจจุบัน……

ซูหลัวที่ได้ยินอสูรกล่าวถามขึ้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

” ถ้าจะคุยละก็แสดงตัวออกมาไม่ดีกว่าหรือไงหรือว่าเจ้ากลัวกันที่ต้องหลบๆซ่อนๆตอนพูด ” ซูหลัวกล่าวออกมาทำให้ อสูรที่ได้ยินแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าซูหลัวจะกล้าต่อปากต่อคำ แบบนี้

” ถ้าเจ้าต้องการแบบนั้น ย่อมได้ ”

ปรากฏร่างของอสูร4มือที่มีออร่าสีดำคลุมรอบตัวตลอดเวลา นั้นก็คือ ไท่ซู่ ( จากตอนที่ 22 ) ไท่ซู่ คือ อสูรที่ทดสอบและฝึกฝนอู้เฉียงนั้นเอง ซูหลัวเมื่อได้เห็นร่างที่ใหญ่มหึมา พวกกับ ระดับพลังที่ แผ่ ออกมาอยู่ระดับ ราชัน อสูรเป็นแน่แท้ ซูหลัวเมื่อเห็นดังนั้นก็แทบอยากจะรีบวิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยทีเดียว แต่ก็ต้องกัดฟันฝืนทนไว้

” น่าแปลก ยิ่งนักเจ้ามนุษย์ ข้าไม่คิดว่าคนเช่นเจ้า จะกล้าต่อปากต่อคำกับข้าเช่นนี้ เห็นทีข้าจะต้องพิสูจน์ ด้วยตัวเองสะแล้วว่า เจ้าจะมีฝีมือ เหมือนฝีปากรึเปล่า ถ้าเจ้าผ่าน ก็ถือว่า สามารถเข้าพบท่านเทพอสูรได้ ถ้าไม่เจ้าก็น่าจะรู้นะ..ว่ามันจะเป็นยังไง ”

ไท่ซู่กล่าวพลางสังเกตุท่าทางของซูหลัวเล็กน้อยซึ่งเมื่อกี้ ไท่ซู่ แค่ต้องการทดสอบเท่านั้นไม่ได้กะจะเอาชีวิต เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องทำถึงขั้นนั้น แค่รู้สึกสงสัยว่าซูหลัวจะมีฝีมือขนาดไหน

ซูหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู ก่อนจะเต้นแรงขึ้น จนแทบจะระเบิดออกมา “อ้ากกกกกกกกข้าทำอะไรลงไปเนี้ย!! ให้ฝั่งนั้นคุยแบบไม่เห็นตัวสะยังดีกว่าซูหลัวนะซูหลัว เจ้าทำอะไรลงไป รนหาที่ชัดๆ” ซูหลัวได้แต่ตะโกนในใจก่อนจะตอบกลับไท่ซู่อีกครั้ง

” ย่อมได้ เชิญเข้ามาได้เลย ” ซูหลัวกล่าวออกมาแต่ในใจนั้น คิดว่ามีโอกาสเมื่อไหร่จะต้องหนีทันที

” ข้านับถือ ในความ เชื่อมั่นของเจ้า เอาละ ถ้าเจ้าพูดแบบนั้น ข้าก็จะสนองให้ ” ไท่ซู่กล่าวจบก็พุ่งใส่ ซูหลัว ในทันที ด้วยพลังและความเร็วเต็มกำลัง

ไท่ซู่ง้างหมัดขวา ก่อนจะรวบรวมพลังไว้ เมื่อซูหลัวเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงในทันที ความเร็วแบบนี้ ซูหลัวไม่สามารถมองตามได้ทัน คิดได้ดังนั้น ซูหลัวจึงทำบางอย่าง..

” ถึงข้าจะไม่มั่นใจ ในการต่อสู้แต่ถ้าเรื่องหนีมัน คนละเรื่อง ตอนนี้ละ.. ” ซูหลัวกล่าวออกมาก่อนที่จะเตรียม วิ่งหนี ทันใดนั้นเหมือนโชคชะตาเล่นตลกมีรากไม้แห้ง เกี่ยวขาซูหลัวไว้ทำให้ซูหลัว นั้นเอนตัว ลมล้ง และส่งเสียงหลงออกมา

เอ้ะ!!

ประจวบเหมาะกับที่ไท่ซู่ ง้างหมัดจะถึงตัว แต่ ซูหลัวนั้นสามารถเอนตัวหลบได้ ซึ่งในสายตาของไท่ซู่เป็นแบบนั้น สร้างความตกตะลึงให้กับไท่ซู่ เป็นอย่างมาก ไม่คิดว่า มนุษย์ผู้นี้ จะหลบการโจมตีของตนแบบใช้พลังเต็มสิบส่วน เมื่อหมัดที่ต่อยไปนั้นพลาด พลังทั้งหมด จึงถูกอัดกระแทกเข้ากับต้นไม้แถวนั้น

ตู้มมมม!!

ต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณที่ ไท่ซู่ปล่อยพลังไปนั้นหายไปเป็นทางยาว ซูหลัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หน้า ขาวซีดในทันที ซูหลัวเมื่อตั้งสติได้ก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดิม

” ข้าว่าแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว รีบนำสารฉบับนี้ ไปให้เทพอสูรของพวกเจ้าเถอะ ”

ไท่ซู่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นับถือ

” เจ้าเก่งมากที่สามารถหลบการโจมตีของข้าได้ เเถมยังไม่ใช้พลัง ในการต้านรับอีกด้วย ถือว่าเจ้าแน่และกล้าหาญมาก ข้าไท่ซู่ ขอทราบชื่อเจ้าได้หรือไม่? ”

ซูหลัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คลี่ยิ้นในทันที

” ซูหลัว นั้น คือชื่อของข้า ” ไท่ซู่ได้ยินเช่นนั้น พยักหน้าเชิงเป็นการขอบคุณ

” เอาล่ะ…ตามข้ามา ข้าจะนำทางเจ้า ไปหาท่านเทพอสูรไป๋หยาง ” ไท่ซูกล่าวจบก็ เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ทันที ซูกลัวเมื่อเห็นดังนั้นก็เบิกตากว้างทันที

อสูร ระดับราชัน!!

ซูหลัวเมื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ทันที ว่าอสูรที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น จะต้องอยู่ ขั้นระดับราชัน ส่วนอสูรที่แท้จริง นั้นสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้

” ท่านไท่ซู่…ข้าว่าท่านนำสารนี้ไปให้ท่านเทพอสูรดีกว่า เพราะตัวข้านั้น ต้องรีบกลับไปรายงานยังวังหลวงว่า ข้าทำภารกิจลุล่วงแล้ว ” ซูหลัวพยามหาเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากล่าว

” ไม่ต้องพูดสุภาพกับข้าก็ได้เรียกข้าว่า ไท่ซู่ ก็พอ….ถ้าท่านต้องการแบบนั้นข้าก็ไม่ขัดข้าจะนำสารนี้ไปมอบให้เทพอสูรไป๋หยางเอง ” ไท่ซู่กล่าวตอบซูหลัวทันที เมื่อซูหลัวได้ยินเช่นนั้น ราวกับเสียงสวรรค์มาโปรด “อ้าาาาข้ารอดแล้วววว ” ซูหลัวกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

” ข้าต้องฝากท่านแล้ว…ข้าขอตัวละ ไว้เจอกันใหม่ท่านไท่ซู่ ” ซูหลัวยื่นสาร ให้กับไท่ซู่เสร็จ ซูหลัวก็หายไปในทันที เป็นความเร็วที่น่าสะพรึงเป็นอย่างมาก ไท่ซู่เห็นเช่นนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้

” สมกับเป็นยอดฝีมือ ความเร็วระดับนั้นต่อให้เป็นข้าก็คงตามไม่ทัน ถ้าสู้กันจริงๆข้าต้องเป็นฝ่ายลำบากแน่ ” ไท่ซู่กล่าวจบ ก็เดินหายเข้าไปในป่าทันที

หลังจากซูหลัวส่งสารถึงมือไท่ซู่แล้ว ก็ระเบิดความเร็วออกมาทันที ตอนนี้ซูหลัวกำลังวิ่งอยู่บนยอดไม้ ก่อนจะกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ

” ฮ่าๆๆๆ!! ข้ารอดแล้ว ต้องรีบกลับไปรายงานท่านผู้อาวุโส ” ซูหลัวกล่าวจบก็เร่งความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว มุ่งหน้ากลับวังหลวง…

หลังจากไป๋หยางได้รับสารที่ไท่ซู่เป็นเข้าเอามาให้ก็เปิดออกอ่านในทันที ก่อนที่จะขมวดคิ้วแนบแน่น

” ไม่คิดเลยว่ามันจะมาเร็วถึงเพียงนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากัน ฉางเฉิน เจ้าต้องการแบบนี้จริงๆอย่างงั้นรึ ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ ไท่ซูที่ได้ยินชื่อ ฉางเฉินถึงกับขนลุก และสั่นสะท้านกับชื่อนั้นทันที

ฉางเฉินจักรพรรดิ์แห่งความตาย!!

” ท่านไป๋หยางอย่าบอกนะว่า…ท่านฉางเฉินนั้นหายจากอาการบาดเจ็บเจียนตายเมื่อครั้งตอนสู้กับท่านแล้วกำลังจะเปิดมหาสงคราม!! อีกรอบอย่างงั้นรึ ” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยความวิตกกังวล

” อาจจะเป็นเช่นนั้น..หรือไม่ก็อาจจะร้ายแรงกว่านั้นเป็นสิบเท่า เพราะตอนนี้นั้น ฉางเฉินเรียกรวมพล พวกที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาของมันทั่วยุทธภพ ซึ่งในอีก2ปีข้างหน้านี้จะเกิดศึกขึ้นแน่นอน ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย

” ไท่ซู่เจ้ารู้หรือไม่..ทำไมฉางเฉินถึงได้ชื่อว่า จักรพรรดิ์แห่งความตาย… ” ไป๋หยางกล่าวถามแก่ไท่ซู่ทำให้ไท่ซู่แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบ

” ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่…รู้สึกได้ข่าวมาว่าท่านฉางเฉินได้ใช้วิชาอะไรสักอย่างโดยนำหัวใจออกจากร่างซึ่งนั้นเป็นเหตุที่ท่านฉางเฉินได้ถูกกล่าวขานกันว่า จักรพรรดิ์แห่งความตาย แล้วนำหัวใจไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่ง หลังจากหัวใจถูกนำออกมานั้น ความรู้สึก ก็เริ่มจางหายไป คล้ายกับเป็นปีศาจไร้หัวใจ ทางเดียวที่สามารถเอาชนะท่านฉางเฉินได้คือ ต้องทำลายร่างกายจนไม่เหลือซาก…เท่าที่ข้ารู้ก็มีแค่นี้ ” ไท่ซู่กล่าวอธิบายสิ่งที่เคยได้ยินมา

” ใช่…เป็นอย่างที่เจ้าพูดข้ากับฉางเฉิน นั้น เคยเป็นศิษย์สถาบันเดียวกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว เราต่างฝ่ายต่างยอมรับกันเป็นคู่แข่ง แต่แล้วฉางเฉินก็เปลี่ยนไปหลังจากได้รู้

ความจริงบางอย่างว่าคนที่เป็นคนฆ่า พ่อและแม่ ของตนนั้นคือ ราชวงศ์ รุ่นก่อนของทวีปจรัสแสง ” ไป๋หยางกล่าวบอกแก่ไท่ซู่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก

” งั้นแสดงว่าเหตุผลที่… ” ไท่ซู่กล่าวเว้นช่วงไว้คล้ายกับจับใจความสำคัญของเรื่องได้

“เป็นอย่างที่เจ้าคิด…ซึ่งในสมัยนั้นเป็นช่วงที่ราชวงศ์จรัสแสงถูกปกครองโดย จักรพรรดิ์ที่ละโมภในอำนาจและกระหายในพลัง จนล่วงรู้มาว่า ตระกูลของฉางเฉินเป็นราชวงศ์เก่าที่ล่มสลายของทวีปมังกร..และเป็นตระกูลที่ เก็บมหาวิชาที่ทรงพลังเอาไว้ จนจักรพรรดิ์องค์นั้น สั่งล้างบางทั้งตระกูลเพราะ ไม่ยอมบอกว่าเก็บมหาวิชาไว้ที่ไหน โชคดีในโชคร้ายที่ พวกนั้นยังไม่รู้ว่า ฉางเฉินยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นฉางเฉินก็เปลี่ยนไป… ”

” จนข้าต้องเข้ามาหยุดการล้างแค้นเอาไว้ข้ากับฉางเฉินนั้นสู้กัน7วัน7คืน จนข้าเป็นผู้ชนะ..ไม่สิ อาจจะไม่ใช่ก็ได้เพราะตอนนั้นฉางเฉินเป็นคนล่าถ่อยไปเอง พร้อมกับฝากคำพูดที่ทำให้ข้าต้องเจ็บปวดจนถึงวันนี้ ”

” ท่านไป๋หยางท่านอย่าได้คิดวิตกกังวลไปเลยเรื่องมันผ่านมานานแล้ว ” ไท่ซู่กล่าวคล้ายเป็นการปลอบประโลม แต่หลังจากที่ไท่ซู่ได้ยินบางอย่างถึงกับใบหน้าบิดเบี้ยวทันที

” ข้าจะเป็นคนไปหยุด!! ฉางเฉินอีกรอบเอง ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตั้งมั่น

” ท่านบ้า!! ไปแล้วหรือ..ท่านฉางเฉินในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเป็นสิบเท่าบวกกับกองกำลัง ที่ท่านฉางเฉินมีอยู่สามารถลบทวีปหนึ่งทวีปให้หายไปได้เลยแล้วแบบนี้ท่านยังจะไปอีกอย่างงั้นรึ ”

ไท่ซู่ในตอนนี้ระเบิดอารมณ์ในความไม่พอใจออกมา ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็ปริยิ้มอ่อนๆ ออกมา

” เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีเลยนะ..ที่เจ้ากล้าว่าข้าเช่นนี้ ฮ่าๆๆๆ!! ” ไป๋หยางหัวเราะออกมา ไท่ซู่ที่ได้เห็นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะเอ่ยบางอย่างขึ้น

” ท่านมันเป็นคนไม่รับผิดรอบอะไรเลย…ท่านจะหนีไปแล้วทิ้งงานไว้เบื้องหลังอีกแล้วหรืออย่างไร ท่านจะเป็นแบบนี้เสมอ เวลามีเรื่องเดือดร้อน ท่านก็มักจะพาตัวเองไป เสี่ยงอันตรายเสมอ ” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็เพียงยิ้มแล้วตอบกลับไป

” ในเมื่อสหายข้ากำลังเดินทางผิด…ข้าจะนิ่งอยู่เฉยได้อย่างไรเล่า ฝากเจ้าดูแลที่แห่งนี้ จนกว่าพวกไป๋หลงจะกลับมาด้วยก็แล้วกัน..ต้องรบกวนเจ้าแล้ว ”

ฟึบ!!

ไป๋หยางกล่าวจบก็หายไปจากตรงหน้าไท่ซู่ทันที ไท่ซู่เพียงก้มหน้าลงและกำหมัด ด้วยความเจ็บปวด ไท่ซู่ทำได้เพียงมองห้องที่ว่างเปล่าเท่านั้น…..

ด้านในมิติที่ไป๋หลงและอู้เฉียงกำลังฝึกฝนกันอยู่ ไป๋หลงสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่รู้สึกเอาไม่ดีมากๆ จนถึงกับหยุดชะงักในการฝึก

” ท่านแม่ข้ารู้สึกไม่ดีเลย..ข้าอยากออกไปโดยเร็ว พอจะมีวิธีบ้างหรือไม่ ข้าสัมผัสได้ว่าท่านพ่อไป๋หยางกำลังจะเจอกับอันตราย ” ไป๋หลงกล่าวถามราฟาเอลที่ยืนดูอยู่ด้วยความกังวล

” วิธีที่จะออกไปโดยเร็วนะมี แต่แม่ไม่แนะนำหรอกนะ.. ” ราฟาเอลกล่าวบอกแก่ไป๋หลง ที่ดวงตากำลังเปล่งประกาย ราฟาเอลได้แต่ส่ายหัว สาเหตุที่ราฟาเอลยอมบอกนั้น เพราะตนนั้นก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ท่านแม่โปรดบอกข้ามาเถอะไม่ว่าวิธีอะไรข้าก็ยอม ”

ไป๋หลงเร่งรีบอยากจะรู้วิธีเข้าไปทุกที

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท