เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่21 การทดสอบ

ตอนที่21 การทดสอบ

อู้เฉียงได้ยินไป๋หลงบอกให้ตนนั้นเข้าสอบสำนักหมื่นกระบี่ซึ่งเป็นสำนักที่ใหญ่พอสมควรในเมืองจรัสแสง อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความไม่เข้าใจทันทีว่าทำไมตนนั้นต้องเข้าสำนักด้วย

” ไป๋หลงทำไมต้องให้ข้าสอบเข้าสำนักหมื่นกระบี่ด้วย!! ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” ก็ข้าอยากให้เจ้า สอบเข้าสำนักพร้อมกับข้า ทำไมหรือว่าเจ้าไม่อยากเข้า? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียงที่ตอนนี้ได้แต่ งง กับไป๋หลง

” สำนักหมื่นกระบี่เป็นสำนักที่ใหญ่มากในเมืองจรัสแสง ข้าคิดว่าข้าไม่มีความสามารถพอหรอก ข้ากลัวทำให้เจ้าผิดหวังสะมากกว่า ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความสลด ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้น

” นี้เจ้าลืมไปแล้วรึว่า ข้าเคยบอกเจ้าว่าอย่างไร ข้าจะช่วยเจ้าเองแล้วก็มีผู้ช่วยมือหนึ่งของข้าในวันพรุ่งนี้ที่จะสอนเจ้าด้วย ” ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย ทำให้อู้เฉียงที่นั่งฟัง หางตาขวากระตุกแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยถามไปว่าใครคือผู้ช่วยมือหนึ่ง

” ไป๋หลง ใครคือผู้ช่วยมือหนึ่งของเจ้ากัน? ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” พรุ้งนี้เจ้าก็รู้เอง อ้อ ข้ามีของจะให้ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็หยิบยาโอสถมาเม็ดนึงให้กับอู้เฉียง อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็ถามไป๋หลงด้วยความแปลกใจ

” ไป๋หลงนี้มันเม็ดยาโอสถอะไรกันข้ารู้สึกว่ามันมีพลังอ่อนๆแฝงอยู่ด้วย ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” นี้คือ เม็ดยาโอสถ หวนคืน เป็นโอสถระดับสูง!! ถึงมันจะไม่ค่อยมีประโยชน์ตอนสู้แต่สรรพคุณของมันทำให้พวกผู้หญิงยอมเสียเงินเพื่อซื้อมัน ประโยชน์ของมันคือ ช่วยรักษาแผลเป็นบนใบหน้าไม่ว่าจะหนักหนาแค่ไหนก็ตาม ” ไป๋หลงพลางกล่าวอธิบาย อู้เฉียงได้ยินว่าเม็ดยาระดับสูงก็ปฏิเสธทันที

” ข้าไม่ต้องการ แค่นี้เจ้าก็ช่วยข้า และ แม่ข้า ตั้งมากมายแล้ว ข้าไม้รู้จะชดใช้ยังไงแล้ว ” อู้เฉียงบอกกล่าวแก่ไป๋หลง ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็จับมืออู้เฉียงแล้วนำเม็ดยาโอสถใส่มือ อู้เฉียงทันที

” ข้าให้เจ้าถ้าเจ้าไม่รับถือว่าเจ้าไม่ยอมรับน้ำใจจากข้า ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำอู้เฉียงได้แต่ ส่ายหน้าเบาๆ

” ก็แล้วแต่เจ้า ข้าขอบใจเจ้ามากไป๋หลง แต่ข้าจะกินมันหลังจากข้าฝึกเสร็จ ” อู้เฉียงบอกกล่าวแก่ไป๋หลง ไป๋หลงเพียงพยักหน้าแบะยิ้มให้เท่านั้น

” เอาล่ะไปอาบน้ำกัน ข้าร้อนจะตายอยู่แล้ว ” ไป๋หลงกล่าวชวนอู้เฉียง ที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆตน

” อาบน้ำก็ดีเหมือนกัน ” อู้เฉียงกล่าวออกมาก่อนจะเดินตามไป๋หลงไปห้องอาบน้ำทันที

หลังจากทั้งไป๋หลงและอู้เฉียงอาบน้ำเสร็จก็เข้านอนทันที เพื่อ ที่จะเตรียมตัวในวันพรุ่งนี้ อู้เฉียงได้แต่คิดว่าตนเองนั้นจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องคนที่ตนรักและสามารถเป็นกำลังช่วยเหลือไป๋หลงได้ในภายภาคหน้าหากมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ส่วนทางไป๋หลงก็นอนคิด เรื่องที่ เว่ยซิ่วเคยบอกเอาไว้ คิดไปคิดมาสุดท้ายไป๋หลงก็เผลอหลับ อู้เฉียงหลังจากนอนคิดเรื่อยเปื่อยก็เข้าสู่นิททราเช่นกัน

เช้าวันต่อมา…..

” อู้เฉียง!! อู้เฉียง!! ตื่นได้แล้วเช้าแล้ว หลับเพลินเลยนะเจ้า ” ไป๋หลงกล่าวเหน็บแนมอู้เฉียง อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ เถียงขึ้นทันที

“ข้าเปล่านอนเพลิน ที่นอนมันก็แค่อุ่นสบายแล้วก็นุ่มเกินไปเท่านั้น ” อู้เฉียงเถียงกลับมาด้วยน้ำเสียงเคืองเล็กน้อย ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นได้แต่ส่ายหัวเบาๆ

” ข้าเชื่อเจ้าๆ ไปอาบน้ำ แล้วลงไปกินข้าว แม่เจ้าเตรียมอาหารไว้พร้อมแล้ว ” ไป๋หลงบอกกล่าวแก่อู้เฉียง

” ได้ ข้าขอไปอาบน้ำก่อน ” อู้เฉียงกล่างบอกแก่ไป๋หลงจบ ก็ รีบวิ่งไปอาบน้ำทันที

หลังจากอู้เฉียงอาบน้ำเสร็จก็ลงมาทานข้าวเช้าพร้อมกับไป๋หลงทันที ตอนนี้ที่โต๊ะอาหารมี ไป๋หยางนั่งอยู่หัวโต๊ะ คนเดียวเพราะปกติก็ไม่มีใครมานั่งรับประทานอาหารพร้อมตนเว้นเพียงแต่ไป๋หลง ที่กินพร้อมกันบางครั้ง แต่วันนี้ อู้หยาเป็นแม่ครัวได้นำอาหารที่ตนนั้นนำมาวางไว้ตรงหน้าไป๋หยาง เมื่ออู้หยาเห็นอู้เฉียงและไป๋หลงที่เดินมาด้วยกันก็อดยิ้มไม่ได้

“อะแฮ่ม… ท่านพ่อ เป็นไงบ้างอาหารที่ท่านอู้หยาทำอร่อยหรือไม่? ” ไป๋หลงเห็นไป๋หยางที่กำลังรับประทานอาหารอย่างออกรสเลย แกล้งถาม

” ก็นะ ไม่เลวร้ายเท่าไหร่ก็ถือว่าดีกว่าฝีมือคนครัวคนก่อนละนะ ” ไป๋หยางกล่าวออกมาเพื่อรักษาภาพพจน์ ไป๋หลงได้แต่ยิ้ม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไกล้ไป๋หยาง

” งั้นข้าไปรับประทานอาหารในห้องครัวกับแม่ของข้าก่อนนะ ” อู้เฉียงกล่าวจบก็เตรียมจะเดินไป ไป๋หลงกำลังจะกล่าวบอก แต่ไป๋หลงเห็นไป๋หยาง กำลังจะกล่าวบางอย่างเลยไม่ได้พูดขัด

” เดี๋ยวก่อน เจ้าหนู ไม่จำเป็นหรอก บอกแม่ของเจ้ามานั่งกินที่โต๊ะ เจ้าก็ด้วย ที่นั่งยังเหลือว่างตั้งเยอะข้าไม่ถือหรอก ” ไป๋หยางบอกกล่าวแก่อู้เฉียง เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบรับคำในทันที

” ขอรับ ข้าจะไปตามท่านแม่เดี๋ยวนี้ ” อู้เฉียงกล่าวจบก็วิ่งหายเข้าไปในครัวทันที เพื่อตามอู้หยาผู้เป็นแม่มานั่งทานที่โต๊ะ ตอนแรกอู้หยาได้ยินสิ่งที่อู้เฉียงพูดก็รู้สึกแปลกใจ แต่ ก็ไม่ได้ถามอะไร จึงเดินออกมาจากในครัวและทำความเคารพไป๋หยางก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทันที ไป๋หยางเพียงพยักหน้าให้และนั่งกินอาหารกันจนเสร็จ

” ท่านพ่อข้าขอตัวพาอู้เฉียงไปฝึกพิเศษที่หลังคฤหาสน์ก่อนนะ ตอนเย็นๆถึงจะกลับเข้ามา ” ไป๋หลงบอกกล่าวแก่ ไป๋หยาง ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนไป๋หยางจะตอบกลับไป

” แล้วแต่เจ้าเถอะ ” ไป๋หยางกล่าวจบก็เตรียมจะลุกขึ้นไปเครียงานบนโต๊ะที่ตั้งเป็นภูเขาต่อ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ พร้อมกับลอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายก่อนจะถามอู้หยา

” นี้เจ้า..เจ้าชื่ออะไรแล้วน่ะ? ข้ายังจำชื่อไม่ค่อยได้ ” ไป๋หยางกล่างถามแก่อู้หยาที่กำลังเก็บกวาดโต๊ะอาหาร

” เรียนท่านไป๋หยาง ข้าชื่อว่า อู้หยา มีอะไรให้ข้ารับใช้ ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยความเคารพ

” เจ้าเก่งเรื่องการจัดการกับงานพวกเอกสารรึเปล่า? ” ไป๋หยางกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย

” เรียนท่านไป๋หยาง ข้าก็พอทำได้อยู่เพราะตอนข้าอยู่ในกองทัพข้าก็ทำงานเกี่ยวกับเอกสารเช่นกันท่านมีอันใดรึ ” อู้หยากล่ามถามไป๋หยางด้วยความสัย

” ดีๆเยี่ยม หลังจากเจ้าทำเรื่องตรงนี้เสร็จเจ้ามาหาข้าที่ห้องทำงานของข้าด้วยเข้าใจไหม ” ไป๋หยางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร้งขรึม แต่ในใจกลับกันคนละอย่าง

” ข้าเข้าใจแล้ว ” อู้หยา กล่าวจบก็รีบทำความสะอาดโต๊ะและพวกจานทันที ก่อนจะหันมาพูดกับอู้เฉียงที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอก

” พยามเข้าละอู้เฉียงแม่รู้เจ้าทำได้ ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ได้ตอบกลับทันที

” ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ” อู้เฉียงกล่าวจบก็เดินตามไป๋หลงไปในทันที

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ไป๋หลงก็นำทางอู้เฉียงมาที่พื้นที่โล่งกว้างหลังคฤหาสน์ทันที

“ไป๋หลงเราจะฝึกกันที่นี้ใช่ไหม? ” อู้เฉียงกล่าวถามไป๋หลงด้วยความสงสัย

“ใช่ที่นี้แหละ อีกอย่างข้ามีอะไรจะแนะนำเจ้าสักหน่อย ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ ตั้งใจฟังทันที

” ข้าอยากจะให้เจ้า เค้นพลังทั้งหมดออกมาตอนสู้ใช้ทุกอย่างที่เจ้ามี และ จดจำทุกกระบวนท่าของการต่อสู้หลังจากนี้ เจ้าห้ามยอมแพ้เด็ดขาด เจ้าสามารถพักได้แต่ห้ามถอดใจ จงเผชิญหน้ากับมันและฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ เจ้าสามารถทำได้หรือไม่? อู้เฉียง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำทำให้อู้เฉียงที่ฟังอยู่ถึงกับเหงื่อตก แต่เมื่อคิดถึงหน้าผู้เป็นมารดาว่าจะต้องใช้พลังของตนปกป้องเอาไว้ให้ได้ ทำให้ความกังวลที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น

” ข้าอู้เฉียงจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ” อู้เฉียงกล่วออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกยกย่องในความแน่วแน่ของอู้เฉียงทันที เวลาผ่านไปเกือบเที่ยงได้ปรากฏร่างของ อสูร ที่มีสี่มือและมีออร่าสีดำปกคลุมรอบตัว นั้นก็คือไท่ซู่นั้นเอง

” คาราวะนายน้อยไม่ทราบว่าท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้ ” ไท่ซู่กล่าวถามแก่ไป๋หลงด้วยความเคารพ เมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มออกมา

” ข้าอยากให้ท่านฝึกสหายข้าคนนี้หน่อย ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ผายมือมาทางอู้เฉียงที่นิ่งข้างอยู่

” ไป๋หลงนี้เจ้าจะให้สู้กับเขาเนี้ยหนะ ข้าสู้ไม่ไหวหรอก ” อู้เฉียงกล่างออกมาอย่างสลด ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นทันที

” เจ้าลืมสิ่งที่ข้าพูดไปแล้วเหรอ? อู้เฉียง ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็พูดต่อไม่ออก

” ข้า… ”

” ได้ข้าจะทำเป็นไงเป็นกัน ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยใจนึกไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ไป๋หลงเห็นเช่นนั่นก็ยกยิ้มขึ้นทันที

” ท่านไท่ซู่ เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ก่อน ” ไป๋หลงบอกกล่างแก่ไท่ซู่ เมื่อไท่ซู่ได้ยินเช่นนั่นก็ทำตามที่ไป๋หลงบอกทันที

“ขอรับ ” ไท่ซู่กล่าวจบก็อยู่ในร่างมนุษย์ที่สูงราวๆ190 เซน ร่างที่อุดมไปด้วยมัดกล้าม ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเอาการในหมู่ชายวัยกบางคน

” เอาล่ะ ข้าอยากจะให้ท่านฝึกการต่อสู้โดยเฉพาะวิชาหอก ข้าอยากจะให้ท่านใช้พลังตอนแรกแค่1ใน10เท่านั้น และค่อยๆเพิ่มเรื่อยๆจนท่านใช้พลังเต็มที่ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาของอู้เฉียงด้วย ” ไท่ซู่ได้ยินเช่นนั้นก็น้อมรับคำสั่งแต่โดยดี

” ขอรับ นายน้อย ”

” เอาล่ะ งั้นข้าขอตัวไปศึกษากระบวนท่าใหม่ของข้าบนต้นไม้ก่อนละ ข้าจะคอยดูอยู่บนต้นไม้เป็นระยะๆ ข้าไปล่ะ ” ไป๋หลงกล่าวจบก็ทยานร่างหายไปในป่าทันที ทิ้งให้เหลือไว้แค่ ไท่ซู่ กับ อู้เฉียงเท่านั้น

“เอาล่ะข้าอยากจะบอกอะไรสักอย่างตอนนายน้อยไม่อยู่ข้าไม่รู้ว่านายน้อยเห็นสิ่งใดในตัวเจ้าถึงมาเป็นสหายของนายน้อยได้ เจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องนายน้อยในยามคับขัน ข้าจะฝึกสอนเจ้าทุกอย่าง แต่… ”

” แต่อะไร ท่านไท่ซู่ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย

” ข้าจะทดสอบเจ้าถ้าเจ้าผ่านไปได้ ข้าจะสอนเจ้าทุกอย่างที่ข้ารู้ แต่ถ้าเจ้าไม่ผ่านละก็ข้าจะถือว่าเจ้าไร้คุณสมบัติและข้าจะไม่สอนอะไรเจ้าทั้งนั้นถึงแม้นายน้อยจะสั่งข้าก็ตาม ” ไท่ซู่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ทำให้อู้เฉียงถึงกับกังวลไม่น้อย

” ข้าพร้อม เริ่มการทดสอบได้เลย!! ” อู้เฉียงกล่าวจบทันใดนั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นตรงหน้าของอู้เฉียงทำให้อู้เฉียงเบิกตากว้างขาสั่นไม่หยุด

นี้มัน!!!

จบ…..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท