เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่17 รักษา

ตอนที่17 รักษา

หลังจากไป๋หลง ได้ยินอู้เฉียง ร้องเสียงหลงออกมา จึงเกิดความสงสัย

“เจ้าจะตกใจทำไม? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้เฉียงด้วยความสงสัย

” กะ ก็ บ้านข้าอยู่ในเขตสลำ เป็นเขตของพวกยากจน ทำให้เป็นที่แหล่งรวมของพวก โจรด้วยเช่นเดียวกันอีกอย่างที่ สลำไม่มีกฏบังคับใช้เพราะกฏจากพวกราชสำนักเข้ามาไม่ถึง ทำให้มีโจรอยู่เยอะ ข้ากลัวว่าท่านจะเป็นอันตราย ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

” ในเมื่อเจ้ากำลังเดือดร้อน เรื่องที่แม่ของเจ้ากำลังป่วยหนัก ข้าที่เป็นสหายจะนิ่งดูดายได้เช่นไร ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ

” ทะ ท่านสามารถรักษาท่านแม่ข้าได้ยังงั้นรึ ” อู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

” ก็ประมาณนั้นเจ้าจะถามข้าอีกนานไหม อ้อ แล้วก็เรียกข้าว่าไป๋หลง ไม่ต้องเติมท่าน ส่วน ข้าจะเรียกเจ้าว่า อู้เฉียง ” ไป๋หลงบอกกล่าวแก่อู้เฉียงที่ตอนนี้กำลังดีใจที่แม่ของตนมีทางรักษาแล้ว

” ดะ ได้ ปะ ไป๋หลง ” อู้เฉียงกล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก เพราะความที่ไม่เคยมีคนคบกันตนนั้นเป็นสหายมาก่อนทำให้ตื่นเต้นเล็กน้อย

“เจ้าจะกล่าว ตะกุกตะกัก ทำไมเนี้ย เฮ้อ.. เอาล่ะๆ ไปบ้านเจ้ากัน ” ไป๋หลงกล่าวจบก็บอกให้อู้เฉียงนำทางทันที

ผ่านมาสักพัก ก็เริ่มออกจากเขตเมืองแถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาเดินสักเท่าไหร่เพราะเป็นเขตของพวก จรจัด และแหล่งมั่วสุมของพวกโจร ไป๋หลงเดินตามอู้เฉียงสามารถ รับรู้ถึงแววตาที่มองมาทางตน ทั้งมุ่งร้าย และอื่นๆผสมปนเปกันไป จนมาหยุดตรงบ้านหลังนึง หรือ จะให้เรียกว่าบ้านเรียกได้ไม่เต็มปากเพราะสภาพทรุดโทรใเป็นอย่างมาก หลังคาเป็นรู ไม้ผุ

” ท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว ” อู้เฉียงกล่าวพลางเดินเข้าไปในบ้าน ไป๋หลงก็เดินตามหลังอู้เฉียงเข้า โดยมีสายตาคู่นึง จับจ้องอยู่ข้างนอก ไป๋หลงสัมผัสได้แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ

” จะ เจ้าไปไหนมารึ อะแฮ่มๆ!! ” แม่ของอู้เฉียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

” ข้าแค่ไปหาของมาขายเท่านั้นแหละ แหะๆ ” อู้เฉียงตอบแบบปัดๆ เพราะไม่อยากให้แม่รู้ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้

” แล้ว คนข้างหลังเจ้าเป็นใครกันรึ ไม่แนะนำให้แม่รู้จักหน่อยรึ ” แม่ของอู้เฉียงกล่าวถามแก่อู้เฉียงผู้เป็นบุตร

” อ้ะ ใช่ๆ ข้าลืมไปเลย นี้สหายของข้าชื่อไป๋หลง ” อู้เฉียงกล่าวแนะนำไป๋หลง

” ส่วนท่านแม่ข้าชื่อ อู้หยา ” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นจึงก้มหัวเพื่อทำความเคารพ

” คาราวะ ท่านอู้หยา” ไป๋หลงกล่าวพลางส่งยิ้มให้

อู้หยาได้ยินเช่นนั้นจึงมองดูสำรวจตัวของไป๋หลงก็สังเกตุเห็นว่าไป๋หลงนั้น ผิวเนียลขาว เส้นดำยาวสวยมันวาว ดวงตาสีแดง ราวกับอัญมณี ทำให้อู้หยารู้ได้ทันทีว่าไป๋หลงนั้นไม่ใช่คนในเขตนี้แน่นอน จะต้องเป็นลูกของผู้นำ สักตระกูลภายในเมืองนี้เป็นแน่แท้

” ข้าขอโทษท่านด้วยที่ข้าไม่สามารถลงจากเตียงเพื่อทำความเคารพท่านได้ ได้โปรดท่านอย่าถือสา ” อู้หยากล่าวแก่ไป๋หลงด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

” นั้นไม่จำเป็นเลย มันไม่สมควรด้วยซ้ำที่ผู้ที่อาวุโสกว่าจะคำนับแก่บุคคลที่มีอายุน้อยกว่า ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความจริงจัง ทำให้อู้หยา รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเพราะส่วนใหญ่พวกลูกของตระกูลใหญ่จะหยิ่งในศักศรีดิ์ แต่ไม่ใช่กับคนอย่างไป๋หลง

” แล้วที่ลูก ของข้าบอกว่าท่านเป็นสหายนั้นเป็นความจริงรึ ? ” อู้หยากล่าวถามด้วยความสงสัย

” ใช่ จริงแท้แน่นอน อู้เฉียงคือสหายของข้า และจะเป็นตลอดไป ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความซื่อตรง

” อู้เฉียงเจ้าต้องบอกความจริงกับแม่ทั้งหมด อะแฮ่มๆ ” อู้หยากล่าวพลางไอ ออกมาเป็นสีเลือด ทำอู้เฉียงใบหน้าสลดในทัน

” ท่านแม่นี้ท่าน.. ” อู้เฉียงพูดอะไรไม่ออกเพราะความกลัวที่จะสูญเสียผู้เป็นแม่ไป

“ถ้าไม่ว่าอะไร ข้าขอตรวจดูอาการท่านได้หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้หยาที่นอนอยู่บนเตียงบนหน้าขาวซีด

” เชิญ แต่ หมอหลายคนที่มารักษาข้าต่างบอกว่าไม่มีทางรักษา ได้แต่ทำใจรอเวลาตายเท่านั้น ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยความสิ้นหลัง

ไป๋หลงจับข้อมือ ของอู้หมาก่อนที่จะส่งพลังของตนสำรวจไปตามทั่วร่างกาย จนในที่สุด ก็ เจอเข้ากับตัวต้นเหตุ เพราะพลังที่มากเกินไปทำให้ร่างกายรับภาระไม่ไหว ซึ่งมันคือ โรค กัดกินตัวเองที่ไป๋หลงเคยอ่านเจอในหอคัมภีร์ไม่แปลกใจเลยทำไมหมอคนอื่นถึงไม่รู้เพราะเป็นโรคที่เกิดได้ยากมากเพราะพลังของอู้หยาเยอะเกินไปทำให้ร่างกายปรับสภาวะไม่ทัน ไป๋หลงวางมือของอู้หยาลงที่เดิมก่อนจะกล่าวอธิบาย

” เอ่อ..จะว่าไงดีนะมันมีทั้งดีและไม่ดี ” ไป๋หลงกล่าวออกมาพลางครุ่นคิดบางอย่างอยู่

” มันมีข้อดีด้วยงั้นรึ ไหนท่านลองอธิบายให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ ” อู้หยากล่าวออกมาด้วยความสังสัย

” ข้าด้วยๆ ข้าก็อยากรู้ ” อู้เฉียงกล่าวเสริมออกมา

” เอางั้นก็ได้ก่อนคือข้าขอถามท่าน อู้หยา ท่านมีพลังอยู่ระดับใดรึ ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้หยา

” นับรบที่แท้จริงขั้น8 เพราะเมื่อก่อนข้าเคยอยู่ในกองทัพของราชวงศ์ได้รับการฝึกฝนและส่งเสริมพลังของข้าอยู่เรื่อยทำให้ข้าอยู่นักรบที่แท้จริงขั้น8ตั้งแต่เมื่อ2ปีก่อน แต่เพราะอาการป่วยของข้า ข้าเลยขอลาออกมาพักรักษาตัว

” อย่างงี้นี้เองเอาล่ะ ฟังน่ะ โรคที่ท่านเป็นคือ โรคกัดกินตัวเอง เป็นโรคที่หายากมากมันเกิดจากผู้ที่มีพลังมหาศาลอยู่ภายในแต่ ร่างกายไม่สามารถปรับสภาวะร่างกายได้ทัน ข้อดีของมันคือ ถ้าท่าน ทำให้ร่างกายของตัวเอง พัฒนาระดับขั้นพลังต่อไป พลังที่กักเก็บอยู่นั้นจะระเบิดออกมาช่วยส่งเสริมให้ท่านก้าวระดับแบบก้าวกระโดด แต่… ถ้าร่างกาย ของท่านปรับสมดุลไม่ทันระก็ ร่างกายของท่านจะ ตาย เพราะพลังที่ระเบิดออกมาจะฉีกร่างกายท่านเป็นชิ้นๆ ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ทะ ท่านว่าไงน่ะ ท่านแม่ข้าจะตายอย่างงั้นรึ ไม่นะข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด หือๆ!! ” อู้เฉียงร้องกล่าวออกมาด้วยความเศร้าทั้งน้ำตา

” เป็นเช่นนี้ นี้เองที่ข้ารู้อึดอัดเหมือนมีอะไรจะออกมาจากตัวข้า ทำให้ข้าไม่สามารถ ขยับไปไหนได้ ” อู้หยา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็นไม่ได้ร้อนรนอะไร ทำให้ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อย

” ข้ามีหนทางในการรักษาอยู่แถมมันจะทำให้ท่านมีพลังแบบก้าวกระโดด แต่มันจะเจ็บอยู่พอสมควรท่านยินดีหรือไม่ ” ไป๋หลงกล่าวถามแก่อู้หยา

” ข้าตกลง ถึงยังไงมันก็ไม่ต่างกันดีกว่ารอความตายละนะ ” อู้หยากล่าวบอกแก่ไป๋หลง

” งั้นข้าขอเวลาสักครู่ สิ่งที่ข้าจะทำต่อไปนี้มันต้องใช้สมาธิอย่างมากข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวน ข้าตัวสักครู่ ” ไป๋หลงกล่าวอธิบายก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตรงทางเข้า ไป๋หลง นำมีดออกมาจากแหวนมิติ กรีดลงบนนิ้วตัวเอง ไป๋หลงใช้ ใช้เลือดของตัวเองนั้นเขียนค่ายกลขึ้นมามันคือวิชาที่ไป๋หลงได้เรียนรู้มาในตำรา มันมีชื่อว่า ค่ายกลป้องกัน ซึ่งผลวิชานี้ก็บอกอยู่ตรงตัว คือ ป้องกันไม่ให้ สิ่งใดเข้ามาภานในด้าน ถ้าใช้การเขียนหรือ นำอุปกรณ์ขึ้นมาใช้ประสิทธิภาพจะต่ำลง ไป๋หลงเลยใช้เลือดของตนสร้างค่ายกลขึ้นมา การใช้เลือดสร้างนั้นไม่ใช่ใครก็ทำได้แต่ต้องเข้าใจถึงการใช้ค่ายกลอย่างถ่องแท้

หลังจากไป๋หลงเขียนค่ายกลเสร็จ ไป๋หลงก็เดินเข้าไปในห้องอู้หยาอีกครั้ง ซึ่งที่ไป๋หลงใช้วิชาค่ายกลเมื่อกี้ อู้เฉียง เห็นอดแปลกใจไม่ได้ที่จะถามแต่

แม่นั้นสำคัญกว่าคำถามของเขายิ่งถามยิ่งเสียเวลาอันมีค่าไป อู้เฉียงจึงเก็บไว้ถามทีหลัง

“เอาล่ะ อู้เฉียง ช่วยพยุงท่านแม่ของเจ้าขึ้นมานั่งสมาธิ ” ไป๋หลงบอกกล่าวแกอู้เฉียงเมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นไม่รอช้ารีบเข้ามาช่วยไป๋หลงพยุงร่างของ อู้หยา มาอยู่ในท่านั่งสมาธิทันที หลังจากนั้นไป๋หลงหยิบของบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ

” ท่านต้องกินโอสถนี้มันจะช่วยให้ท่านเพิ่มพลังได้ง่ายขึ้น ” ไป๋หลงกล่าวจบก็นำโอสถสีม่วงหนึ่งเม็ดส่งให้อู้หยาทันที เมื่ออู้หยาและอู้เฉียงได้เห็นโอสถที่ไป๋หลง ส่งให้ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง

” อะ โอสถสีม่วง ระ ระดับจักพรรดิ!! ” อู้หยาและอู้เฉียงตะโกนออกมาพร้อมกันเพราะในเมืองนี้ถ้าไม่ใช่ตระกูลใหญ่จริงๆจะไม่มีโอสถระดับนี้อยู่ในการครอบครองเด็ดขาด ทำให้อู้หยาและอู้เฉียงอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

” ขะ ข้ารับไว้ไม่ไ… ” อู้หยากล่าวไม่ทันจบไป๋หลงยกมือห้ามไว้ซะก่อน

” ท่านไม่ต้องคิดมาก มันก็แค่โอสถชีวิตสำคัญกว่าเหนือสิ่งอื่นใดจะมัวยึดติดกับสิ่งของทำไม ในเมื่อตายไปก็เอาไปไม่ได้ ดังนั้นชีวิตถึงสำคัญกว่า ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยความนอบน้อม ไม่ได้หยิ่งยโส ในคำพูดแม้แต่น้อย ทำให้อู้หยาและอู้เฉียงที่ฟังอยู่ เกิดความนับถือไป๋หลงขึ้นมาในใจโดยไม่รู้ตัว

” เอาล่ะท่านรับโอสถเม็ดนี้ไปแล้วนำเข้าปากทันที เดี๋ยว ข้าจะช่วยให้ท่านดูดซับพลังได้ง่ายขึ้น ” ไป๋หลงกล่าวจบ เดินอ้อมไปด้านหลังอู้หยาแล้วนำมือมาแตะแผ่นหลังเพื่อช่วยให้การดูดซับพลังได้ง่ายขึ้น โดยการส่งพลังของตนเข้าไปช่วยส่วนนึง อู้หยานำเม็ดยาเข้าปากทันทีก่อนจะเริ่มการดูดซับพลัง โดยมีไป๋หลงเป็นผู้ช่วย

ผ่านไปสักพัก ร่างกายของอู้หยาร้อนขึ้นเรื่อยๆ เพราะพลังของอู้หยากำลังจะถูกปลดปล่อยออกมา ตอนนี้อู้หยาที่กำลังนั่งสมาธิใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่มีเสียงร้องออกมาสักนิด ไป๋หลงรู้สึกนับถือจิตใจที่แข็งแกร่งดุจหินผาของอู้หยาที่พยามทนความเจ็บปวดเอาไว้

” นี้เป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น ท่านต้องทนมันให้ได้ ” ไป่หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำจริงจัง อู้หยาได้ยินเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นเพราะ ไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้เพราะความเจ็บปวด

ขณะที่ไป๋หลงทำการรักษาอู้หยาอยู่นั้นได้มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นรอบค่ายกล

จบ…..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท