เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่62 อับอาย 2

ตอนที่62 อับอาย 2

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าล้วนสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าศิษย์ทั้งสองสำนักจำนวนมาก ศิษย์ที่โดนจับเหวี่ยงไปนั้นถือว่าแข็งแกร่งพอสมควรแต่กลับ..โดนเหวี่ยงด้วยกำลังกายเพียงอย่างเดียว…ซ้ำยังคำพูดที่กล่าวออกมาจากปากยังแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเป็นการตบหน้าอีกฝ่ายอย่างจัง..สร้างความเดือดดาลให้กับเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสที่มาจากสำนักวารีพิสุทธิ์อย่างมาก..

” จะเหิมเกริม!! ไปหน่อยแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ” 1ในผู้อาวุโสที่มาจากสำนักวารีพิสุทธิ์กล่าวขึ้นพลางสำรวจไป๋หลง..

” ท่านนี้สงสัยสายตาท่านจะไม่ดีเหมือนสมองของท่านนะก็เห็นอยู่ว่าข้าใส่ชุดของสำนักหมื่นกระบี่ท่านก็ยังจะถามอีกว่าข้าเป็นใคร…เฮ้ออ!! ” ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยียวนกวนประสาท

” บังอาจนัก!! กล้ามากมาดูถูกผู้อาวุโสแห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ เตรียมตัวตาย ” ศิษย์เลือดร้อนคนหนึ่งของสำนักวารีพิสุทธิ์กล่าวออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหาไป๋หลงในทันที..ก่อนจะเรียกใช้กระบวนท่าออกมา

“กรงเล็บ ทมิฬ!! ”

เมื่อเห็นว่าไป๋หลงไม่ขยับเขยื้อนตัวมันก็แสยะยิ้มขึ้นมาแต่ไม่กี่อึดใจต่อมาใบหน้าของศิษย์คนนั้นก็ขาวซีดในทันที..

” นี้หรือ กรงเล็บทมิฬ ข้าเห็นเพียงแค่เล็บของสุนัข!! เท่านั้น..อ่อนหัดเสียจริง ” ไป๋หลงกล่าวขณะที่จับมือของอีกฝ่ายไว้ พลางยิ้มเย็นๆออกมา

” ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!…ดูจากชุดที่เจ้าสวมอยู่คงจะเป็นศิษย์สายนอกสินะ รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเจ้าทำร้ายข้…. ”

ตึง!!

ศิษย์เลือดร้อนที่ยังกล่าวไม่ทันจบก็โดนแรงมหาศาลกดทับลงบนหัวจนแนบกับพื้น..ไม่สิจมหายไปกับพื้นเสียมากกว่า

” เจ้าพูดอะไรนะข้าได้ยินไม่ถนัด ” ไป๋หลงในตอนนี้อารมณ์กำลังแปรปรวนอย่างมากถึงแม้ภายนอกจะสงบเยือกเย็นอยู่ก็ตามสาเหตุก็มาจากศิษย์หญิงที่ดูจะเด็กกว่าตนทั้งๆที่พึ่งจะให้คำแนะนำไปแท้ๆกลับกำลังร้องไห้อยู่สร้างความเดือดดาลให้กับไป๋หลงเป็นอย่างมาก…

” ถ้าเจ้ายังไม่หยุดข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเอง..ให้รู้จักเจียมตัวเสียบ้างเป็นเพียงศิษย์สายนอกแท้ๆกลับเหิมเกริมยิ่งนัก… ” ผู้อาวุโสก่อนหน้านี้ที่พูดกับไป๋หลงด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นมาทันที..

” ใช่แล้วข้าเป็นศิษย์สายนอก…ศิษย์สายนอกที่ล้มศิษย์ของท่านโดยไม่ถึง10ลมหายใจยังไงเล่า ”

” สามหาว!! ตายซะ!! ” ผู้อาวุโสคนนั้นระเบิดพลัง ระดับราชันนักรบขั้นที่5!! ออกมาเตรียมจะพุ่งเข้าหมายจะสังหารไป๋หลงเสียยังไงก็เป็นเพียงศิษย์สายนอกคงจะมาจากตระกูลเล็กๆ ทำให้ไม่เป็นปัญหาต่อการสังหาร แต่ผู้อาวุโสคนนั้นกลับคิดผิดมหันต์…และแล้วสุ่มเสียงนึงก็ดังขึ้น ด้วยระดับชนชั้น จักรพรรดิ์

” ท่านกำลังคิดจะทำอะไรกันผู้อาวุโส9แห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ ไหนท่านบอกเองว่าเราประลองกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนวิชาแต่ที่ข้าเห็น ท่านพยามจะสังหารศิษย์สำนักของข้า!! เห็นทีเราคงมีเรื่องต้องคุยกันเสียแล้ว ”

เสียงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเจ้าสำนักหย่งที่ทะยานตัวออกมาพร้อมกับผู้อาวุโสทั้ง12คน…ผู้อาวุโสแห่งสำนักวารีพิสุทธิ์ที่มีทั้งหมดไม่ถึง12คนราวๆ 10คน ต่างหน้าซีดเผือกในทันทีไม่คิดว่าเจ้าสำนักจะออกมาเคลื่อนไหวเองเช่นนี้…

เมื่อเหล่าศิษย์เห็นเจ้าสำนักมาเองทำให้ทั้งหมดถอนหายใจออกมาก่อนจะทำความเคารพเจ้าสำนัก..

” คาราวะท่านเจ้าสำนัก!! และผู้อาวุโส ”

” อืม..พวกเจ้าคงจะเหนื่อยมากสินะ กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ” เจ้าสำนักพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะมองไปยังกลุ่มผู้อาวุโสสำนักวารีพิสุทธิ์ด้วยแววตาแข็งกระด้าง ทันใดนั้นก็มีหนึ่งในศิษย์ที่เคยประมือกับไป๋หลงเมื่อก่อนหน้านี้กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยทันที..

“เอ่อ…คือท่านเจ้าสำนักท่านผู้นั้นไม่สิ คนผู้นั้นคือใครกันทำไมเขาถึงสวมใส่เครื่องแบบของศิษย์สายนอกเหมือนพวกเราทั้งๆที่ฝีมือของเขาอาจจะเหนือกว่าศิษย์หลักบางคนเสียด้วยซ้ำ!! ”

” ใช่แล้วท่านเจ้าสำนักเขาเป็นใครกัน ”

” โปรดบอกพวกเราด้วยท่านเจ้าสำนัก ”

เหล่าศิษย์มากมายต่างอย่างรู้ความจริงเกี่ยวกับไป๋หลง เจ้าสำนักหันไปหาไป๋หลงด้วยสีหน้าลำบากเจ้า เเต่เมื่อเห็นไป๋หลงพยักหน้ากลับมาเจ้าสำนึกจึงถอนหายใจออกมา….

” เฮ้ออ..ตามจริงแล้วเขาเคยเป็นเท่านั้นแต่ตอนนี้เขาได้จบการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้เรียบร้อยแล้วโดยมีผู้อาวุโสทั้ง12และข้าร่วมเป็นพยาน!! ”

เหล่าศิษย์ที่ได้ยินต่างเบิกตากว้างมองไป๋หลงด้วยแววตาที่นับถือและเคารพในทันที…เหล่าศิษย์มากมายได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาในการพัฒนาตัวเองขึ้นมา

” พวกเราทั้งหมดขอคาราวะศิษย์พี่ที่สั่งสอนเรา..พวกเราจะหมั่นฝึกฝนและเอาท่านเป็นแบบอย่างในอนาคตข้า จิวซือ ขอติดตามท่าน ” หนึ่งในเหล่าศิษย์จำนวนมากกล่าวขึ้นจนในที่สุด ก็ มีเสียงตามมาเป็นระยะ..

” ข้าด้วย ”

” ข้าก็เช่นกัน ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแห้งๆออกมา..

” ไม่ทราบว่าศิษย์พี่มีนามว่าอันใดหรือ.. ” จิวซือกล่าวขึ้นด้วยความเคารพ…

” ข้าชื่อไป๋หลง!! ” จิวซือได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนกับได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก

” เอาละๆพวกเจ้าไปพักผ่อนกันได้แล้วเดี๋ยวที่เหลือข้าจะจัดการด้วยตัวข้าเอง!! ”

เหล่าศิษย์ต่างได้ยินเช่นนั้นก็รีบไปจากตรงนี้ในทันทีส่วนศิษย์หญิงที่โดนไป๋หลงช่วยไว้ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน..

” ขอบคุณศิษย์พี่ไป๋หลง ”

เมื่อศิษย์ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับไปแล้วเจ้าสำนักก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมทันที…

” เอาละอธิบายเรื่องทั้งหมดมาซะถ้าไม่อยากให้ข้าต้องเปิดศึกกับเจ้าสำนักของเจ้า ”

ผู้อาวุโสสำนักวารีพิสุทธิ์ได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความไม่เกรงกลัว..

” ทำไมข้าต้องตอบคำถามท่านด้วยเล่า..ถ้าข้าไม่ตอบท่านจะทำอะไรข้าได้..พวกเราทั้งหมดกลับกันไปแบกเพื่อนของเจ้ามาซะน่าขายหน้าเสียจริงเอาละ..วันนี้พอแค่นี้ ”

ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ต่างหันหลังและกำลังจะจากไปไม่สนใจคำถามของเจ้าสำนักหย่งด้วยซ้ำสร้างความเดือดดาลให้กับผู้อาวุโสทั้ง12เป็นอย่างมาก…แต่ทันใดนั้นเองก็มีสุ่มเสียงนึงดังขึ้น..

” ข้าว่า..ข้าควรจะสอนมารยาทในการพูดคุยกับผู้อาวุโสกว่าสักนิดดีหรือไม่…จงคุกเข่าเดี๋ยวนี้!! ”

ผู้อาวุโสทั้งหมดและเหล่าศิษย์นับสิบต่างคุกเข่าลงพื้นในทันที..

” บัดซบ!! นี้มันวิชาอะไรกัน บ้าไปแล้วข้าเนี้ยนะต้องคุกเข่าเช่นนี้.. ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาลแม้แต่ผู้อาวุโสยังทำอะไรไม่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่อ่อนแอเป็นอย่างมากแล้วมีหรือเหล่าศิษย์จะสามารถต้านทานได้….

” หึๆ!! สมน้ำหน้าเป็นยังไงเล่าเจอวิชาแปลกๆนั้นไป ” ผู้อาวุโสกง กล่าวขึ้นก่อนจะโดนผู้อาวุโสอีกคนกล่าวเหน็บแนม..

” ท่านก็เคยโดนวิชาแปลกๆนี้เล่นงานนิผู้อาวุโสกง ฮ่าๆๆ!! ” ผู้อาวุโสกงได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที..

” เงียบปากไปเถอะเจ้าก็ไม่ต่างกับข้าหรอก..รอดูเรื่องสนุกๆดีกว่า ”

เจ้าสำนักหย่งเดินไปหยุดต่อหน้าหนึ่งในผู้อาวุโสก่อนจะกล่าวถามขึ้น..

” เอาละ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า…จะพูดอะไรก็นึกถึงศิษย์ของเจ้าด้วยละเพราะข้าไม่ได้เป็นตาแก่ใจดีต่อคนที่ตั้งใจจะทำร้ายสำนักข้าหรอกนะ ”

ผู้อาวุโสคนนั้นได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าขาวซีดทันที..ก่อนจะยอมบอกมาหมดเปลือกก่อนที่เจ้าสำนักหย่งจะต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจ..

อะไรนะ!!

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท