เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่72 แร่ศักดิ์สิทธิ์ 1

ตอนที่72 แร่ศักดิ์สิทธิ์ 1

หลังจากไป๋หลงและอู้เฉียงก้าวข้ามอุโมงค์ที่เชื่อมต่อระหว่างทางเดินเข้ามาเวลาผ่านไปอย่างลวดเร็วในที่สุดไป๋หลงและอู้เฉียงก็ออกมาจากปากอุโมงค์…ก็เจอเข้ากับแร่บางอย่างที่เป็นสีทองเรืองๆ ซึ่งมิใช่ทองคำเป็นแน่แท้จน เสียงๆนึงดังขึ้นเข้ามาภายในห้วงจิตสำนึกของไป๋หลง…

” เป็นไปไม่ได้!!…เหตุใดแร่ศักดิ์ศิทธิ์ถึงมาอยู่ที่นี้ มันไม่สมควรที่จะอยู่ในที่แบบนี้ด้วยซ้ำ… ” เสียงที่ว่าก็คือ ขงจือ อาจารย์ของไป๋หลง ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกแปลกใจทันที..

” นี้ท่าน…รู้จักแร่พวกนี้ด้วยหรือ? แล้วอะไรคือแร่ศักดิ์สิทธิ์กันท่านอาจารย์ อีกอย่างท่านมักจะกล่าวกับข้าเฉพาะเรื่องที่ร้ายแรงเท่านั้น แสดงว่าเรื่องนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาถูกหรือไม่!! ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัย..

เมื่อขงจือได้ยินเช่นนั้นก็ตะโกนออกมาในทันที…

” เจ้าศิษย์โง่…นี้มันแร่ชั้นยอดที่สามารถใช้สร้างอาวุธที่มีระดับใกล้เคียงกับศาสตร์ตราวิญญาณ!! ได้เลย ลองถ้าแร่พวกนี้ออกไปสู่โลกภายนอกได้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่แน่.. ”

ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ตาลุกวาวในทันทีจนอู้เฉียงที่มองดูอยู่ถึงกับขนลุกกับววตาแบบนั้นราวกับจะมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน..

” เอ่อ..ท่านอาจารย์แร่พวกนี้ถ้าขายได้จะได้ราคาประมาณเท่าไหร่…ข้าแค่ถามเฉยๆนะไม่ได้คิดจะขายจริงๆหรอก ” ไป๋หลงกล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มระรื่น

ขงจือเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…

” เจ้าโง่!! อยากให้เกิดสงครามระหว่างทวีปหรืออย่างไร…แร่พวกนี้ไม่สามารถประเมินค่าได้ด้วยซ้ำ อีกอย่างความพิเศษของมันคือ…ผู้ที่มีธาตุแสงมาตั้งแต่เกิดจะสามารถดูดซับพลังในแร่พวกนี้ได้ แต่ เป็นไปได้อยากมากเพราะ เด็กที่เกิดมาพร้อมกับธาตุแสงนั้น หายากราวกับพลิกแผ่นดิน… ” ขงจือกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมเล็กน้อย

ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อ้าปากค้างแข็งพร้อมกับแววตาที่สั่นไปมาราวกับเจอเนื้อคู่ที่หายจากกันไป…

” ทะ..ท่านอาจารย์ ระ..แร่พวกนี้ถ้าใครมีธาตุแสงย่อมสามารถดูดซับได้หรือไม่ แล้วการทำเช่นนั้นต้องทำเช่นไรบ้าง ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างถึงขีดสุด

ขงจือเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวอธิบายต่อทันที…แม้จะมีความสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดไป๋หลงถึงถามออกมาเช่นนั้น สาเหตุที่ ขงจือนั้นไม่อาจทราบเรื่องที่เกิดขึ้นต่างๆเพราะ หลิงหลุนหรือก็คือพยัคฆ์ขาว1ในสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ได้สร้างม่านพลังป้องกันไว้ไม่ให้ ขงจือ รับรู้ถึงเรื่องภายนอก….สาเหตุที่หลิงหลินทำแบบนั้นเพราะมีเหตุผลบางอย่างนั้นเอง…แต่ถึงกระนั้น ขงจือก็ได้ชื่อว่า เป็นยอดกระบี่อันดับหนึ่งในยุทธภพเมื่อนานมาแล้ว

ความแข็งแกร่งย่อมมิใช่สามัญ เพราะขงจือกำลังพยามฟื้นฟูพลังเรื่อยๆด้วยวิชาที่พิศดาร ในไม่ช้า หลิงหลินย่อมไม่สามารถ สร้างม่านป้องกันได้อีกต่อไป ถึงแม้จะเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ตามที…

” ง่ายนิดเดียวเพียงเจ้าเอามือไปแตะที่แร่ศักดิ์สิทธิ์!! พลังเหล่านั้นจะโดนดูดซับในทันทีถ้าคนผู้นั้นเป็นผู้ถือครองธาตุแสง แต่อย่างนึงที่ต้องระวังคือ…การดูดซับพลังมากเกินไปจะให้พลังภายในเกิดการปั่นป่วนจน ร่างกายของคนผู้นั้น ระเบิด!!ทันที…เท่าที่ข้ารู้ก็มีเพียงเท่านี้…แต่ถ้า ผู้ที่ไม่ได้ถือครองธาตุแสงก็เหมือนสหายของเจ้าที่ตอนนี้ จับแร่ศักดิ์สิทธิ์แต่มิได้เกิดอะไรขึ้น แต่ข้าว่าเจ้าหนูนั้นคงอยู่แบบนั้นได้ไม่นาน… ”

ไป๋หลงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หันกลับไปมองอู้เฉียงในทันที…

” ระ..ร่างกายแทบจะระเบิดอยู่แล้วเกิดอะไรขึ้นกัน!! ” อูเฉียงกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก เลือดได้ไหลออกมาจาก ปาก หู ตา และผิวหนัง เห็นเส้นเลือดปูดบวม

เฟยเฟยได้นอนทอดร่างล้มลงพร้อมกับกลายเป็นแสงสว่างกลับเข้าไปในตราพันธะสัญญาซึ่งแน่นอนว่าพลังของเฟยเฟยนั้นได้หมดสิ้นลงแล้วต้องใช้เวลาอีกนับเดือน กว่า เฟยเฟยจะตื่นขึ้น…

อู้เฉียงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเฟยเฟยพยามเพื่อตนมาตลอดไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว อู้เฉียงสถบให้กับความโง่และงี่เง่าของตัวเองแม้ร่างกายจะอยู่ในสภาพย่ำแย่แล้วก็ตาม..

” อู้เฉียง เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง อดทนไว้ข้าจะ… ” ไป๋หลงกล่าวไม่ทันจบก็มีเพลิงสีส้มอันอบอุ่บโอบร่างอู้เฉียงไว้ เลือดทั้งหมดจางหายไป เส้นเลือดที่เคยปูดบวมก็กลับมาเป็น ปกติ จนมีเสียงกระซิบดังขึ้นใกล้ๆหูของอู้เฉียง

” เฮ้อ…ให้ตายสิชั่งเป็นเจ้านายที่ไม่ได้เรื่องโดยแท้…ข้าจะช่วยเจ้าแค่ครั้งนี้เท่านั้น… ”

…………………………………………………………………..

ณ.ที่ประชุมตระกูลใหญ่ทั้ง11

ภายในห้องโถงมีผู้น้ำตระกูลทั้ง11และผู้อาวุโสของแต่ละตระกูลติดตามมาเพื่ออารักษ์ขาผู้นำตระกูล ที่ตระกูลใหญ่เกิดการประชุมกันในรอบเกือบ100ปีนี้เพราะ บริเวณหลุมขนาดใหญ่ได้มีการตรวจพบแร่บางอย่างที่มิอาจทราบได้ว่ามันคือแร่ชนิดใด…แต่มิใช่แร่สามัญอย่างแน่นอนในที่สุดก็มีคนผู้หนึ่งลุกขึ้นจากเก้าอี้และกล่าวออกมาด้วยวาจาที่แข็งกร้าว….

” ไม่ว่ายังไงพื้นที่ตรงนั้นก็ต้องเป็นของตระกูลหลี่!! เพราะถ้าเรียงตามความแข็งแกร่งและทรัพยากรของฝ่ายตระกูลข้า ยังไงตระกูลหลี่ ที่เป็นอันดับ1 ย่อมมีสิทธิ์ในการครอบครองพื้นที่ตรงนั้น… ”

เหล่าหัวหน้าตระกูลต่างๆแม้ไม่พอใจแต่มิอาจปริปากพูดออกมาเพราะกองกำลังของตระกูลหลี่นั้นถือว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในขณะนั้นเอง ตระกูลชุนที่เป็นตระกูลอันดับ2 ก็ยกมือขึ้นทันที..

” ท่านหลี่หยาง..ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ตัดสินใจเร็วไปหน่อยหรือจริงอยู่ว่าตระกูลของท่านเป็นตระกูลอันดับ1แต่อย่าลืมว่าพวกเราทั้งหมด11ตระกูลนั้นต่างก็คานอำนาจให้สมดุลกันอยู่!! การที่ท่านจะทำเอาพื้นที่ส่วนนี้ไปเกรงว่า การคานอำนาจจะเกิดการสั่นคลอนได้…จริงหรือไม่พวกท่านทั้งหลาย ” เสียงกล่าวออกมานั้นต่างเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมนั้นก็คือ ชุนเปียวนั้น เอง คล้อยตาไปมองกับผู้นำตระกูลอื่นๆที่เหลือเพื่อเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง…

” ใช่แล้ว..จริงของท่านชุนเปียว การที่หลี่หยางทำแบบนี้ดูเหมือนจะไม่หยามหน้ากันไปหน่อยหรือ? ” เสียงที่ดังขึ้นก็คือ อี้หลง ผู้นำตระกูลอี้นั้นเอง ชายวัยกลางคนที่ใบหน้ายังไม่มีให้เห็นถึงความแก่ชราถึงแม้ว่าบัจจุบันจะอายุร่วม100ปีแล้วก็ตามแต่ยังดูเหมือนชายวัยกลางคนอย่างไม่ผิดเพี้ยนด้วยเคล็ดวิชาบางอย่าง….

” ข้าก็คิดเช่นนั้น..การคานอำนาจอาจเกิดการเสียสมดุลได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ขอให้ท่านคิดใหม่อีกครั้งด้วยเถิด ”

เสียงเหล่าผู้นำตระกูลที่เหลือต่างกล่าวและแสดงความคิดเห็นออกมาทำให้หลี่หยางใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…เห็นได้ชัดว่าชุนเปียวคือผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้…

ตึง!!

ในขณะนั้นเองก็มีคนในหน่วยรักษาความปลอดภัยวิ่งมาด้วยใบหน้าที่แตกตื่น…จนทำให้เหล่าผู้นำตระกูลต่างเกิดความสงสัยไม่เว้นแต่หลี่หยาง..

” เจ้ามีอะไรรู้หรือไม่ว่าการที่เจ้าเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาติเช่นนี้มีโทษหนักขนาดไหน.. ” หลี่หยางกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจเพราะด้วยการที่ชุนเปียวเป็นตัวปลุกปั่นผู้นำตระกูลอื่นๆทำให้ หลี่หยางนั้นดำเนินแผนการได้ยากขึ้นไปอีก

คนในหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัว

” กะ…เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!! มีบางอย่างบินขึ้นมาด้วยความเร็วเป็นแสงสีขาวหายลับไปบนท้องฟ้า พอพวกเราลงไปตรวจสอบก็พบว่าแรงกดดันเหล่านั้นต่างหายไปหมดสิ้น รวมทั้งแร่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นแร่พิเศษ ก็หายไปหมดสิ้นขอรับ.. ”

หลี่หยางเมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าบิดเบี้ยวแทบจะเรียกได้ว่าเส้นเลือดที่เห็นตามใบหน้าปูดบวมออกมาด้วยโทสะอย่างสุดขีด…ระเบิดพลังระดับจักรพรรดิ์ขั้นที่7!! ออกมาจนห้องประชุมเกิดการสั่นไหวด้วยคลื่นพลังอันรุนแรงจนผู้นำตระกูลต่างๆต้องเค้นพลังมาคุ้มกันตนเอง… หลี่หยางแผดเสียงออกมาด้วยโทสะอันถึงขีดสุด

” ใครมันบังอาจมาหักหน้าข้าแบบนี้..ข้าจะไม่ปล่อยมันไว้เด็ดขาด!! ”

จบ…..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท