เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่86 ขึ้นฝั่ง 2

ตอนที่86 ขึ้นฝั่ง 2

เฟิงหวงก้าวเดินอย่างสง่างามก่อนจะประสานสายตากับอู้เฉียงความงดงามของเฟิงหวงนั้นเป็นความงามล้นทวีปเป็นแน่แท้ถ้าปรากฏตัวสู่ภายนอกเฟิงหวงจ้องมองอู้เฉียงก่อนจะกล่าวขึ้น…

” ในที่สุดเจ้าก็ได้ครอบครองพลังของข้าอย่างสมบูณ์!!…ต่อไปนี้เจ้าต้องแบกรับเกียรติยศของข้าไว้อย่าทำให้ผู้คนหรือใครดูหมิ่นว่าเจ้าไม่คู่ควรกับพลังของข้า..”

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงมาดมั่น..

” ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเป็นอันขาด…ข้าขอให้สัญญา ”

เฟิงหวงยกยิ้มขึ้นก่อนจะกล่าว

” แม่งูตัวน้อยของเจ้าอีกไม่นานก็ฟื้นแล้ว..อย่าได้เป็นห่วงข้าขอพักผ่อนหน่อยก็แล้วกันเจ้าก็ปรับพลังตัวเองให้เสถียรตามที่ไป๋หลงบอกเถอะ… ” เฟิงหวงกล่าวจบก็กลายเป็นดวงไฟสีส้มเข้ามาในร่างของอู้เฉียงในทันที..เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็เบาใจเพราะเฟยเฟยกำลังจะฟื้นตัวเต็มที่..

” เอ่อ…คือข้าอยากจะถามท่านอย่างนึงในตอนนี้ข้ายังไม่มีวิชาที่ใช้เกี่ยวกับธาตุอัคคีแม้แต่น้อยเว้นก็แต่การรักษาที่แทบจะเรียกว่าฉีกกฏทุกอย่างเกี่ยวกับการรักษาบนโลกใบนี้…ก็มีแค่อัสนีสีทมิฬเท่านั้นที่เป็นกระบวนท่าโจมตี!! กับกระบวนท่าธรรมดาๆทั่วไปถ้าเป็นไปได้ข้าอยากจะฝึกวิชาของท่านได้หรือไม่? ”

อู้เฉียงกล่าวพลางทำน้ำเสียงราวกับพยามออดอ้อนก็มิปานราวกับเด็กอยากได้ของเล่นใหม่..เฟิงหวงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้น…

” มันก็ได้…ถ้าเจ้าต้องการก็จงรับไป!! ”

เฟิงหวงกล่าวจบในหัวของอู้เฉียงมีกระบวนท่าเข้ามาทั้งหมด10กระบวนท่าด้วยกันซึ้งแต่ละกระบวนท่านั้นล้วนน่ากลัวเป็นทั้งสิ้นการฝึกฝนย่อมยากราวกับปีนป่ายขึ้นจากเหวลึก…ซึ้งเฟิงห่วงที่เคยเป็นถึง1ในผู้พิทักษ์ประตูทั้ง4บนแดนสวรรค์ระดับฝีมือและกระบวนท่าย่อมมิใช่สามัญ!!! 1 ในกระบวนท่าที่อู้เฉียงเห็นเบิกตากว้างในทันทีเพราะกระบวนท่านี้ถ้าตนไม่ถึงแก่ชีวิตจะไม่มีทางฝึกหรือใช้วิชานี้เด็ดขาด!!

” นี้มัน!!! ”

สาเหตุที่เฟิงหวงมอบวิชานั้นให้อู้เฉียงเพราะต้องการเตือนให้อู้เฉียงไม่ประมาท เด็ดขาดในการต่อสู้แต่ละครั้งถึงแม้จะมีตนอยู่ก็ตามแต่ก็มีบางสถานที่ที่ทำให้สัตว์อสูรในพันธะสัญญาออกมาไม่ได้เช่นกัน…เฟิงหวงจึงมอบวิชาต้องห้าม ให้อู้เฉียงละลึกไว้…

หลังจากผ่านช่วงราตรีผ่านพ้นไปอีกไม่นานเรือลำนี้ก็จะเทียบฝั่งที่ทวีปมืด…ไป๋หลงสวมใส่ชุดศิษย์หลักแห่งสำนักหมื่นกระบี่เดินอย่างสง่างามขึ้นมาบนชั้นบนสุดของเรือตามที่ไป๋หลงได้ลั่นวาจาไว้เมื่อครั้งก่อนหน้านี้การที่ไป๋หลงเลือกจะเคลื่อนไหวในตอนเช้าเพราะผู้คนส่วนใหญ่บนเรือยังคงหลับอยู่ทำให้ไป๋หลงเคลื่อนไหวได้สะดวก …ส่วนอู้เฉียงนั้นขอตัวพักผ่อนต่อ ส่วน ฟา เว่ยเว่ย และ จี้กง เดินตามไป๋หลงขึ้นมา..โดยที่เว่ยเว่ยนั้นนั่งอยู่บนหัวของไป๋หลง…

ก่อนที่ไป๋หลงจะมาถึงกลุ่มคนจากสำนักอัสนีได้มารอไป๋หลงอยู่ก่อนแล้ว..ไป๋หลงมิได้แปลกใจสิ่งใดกับเรื่องก่อนหน้านี้พร้อมกับสัมผัสได้ว่ามีกลุ่มคนประมาณสิบกว่าคนกำลังเฝ้ามองไป๋หลงอยู่ในที่ที่มิอาจมองเห็นได้แต่กับไป๋หลงทำแบบนี้ก็ไร้ความหมายเมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋หลงโค้งตัวคำนับเจ้าสำนักอัสนี..

” ข้าไป๋หลงขอคาราวะ ท่านเจ้าสำนักอัสนีและผู้อาวุโสที่ซ่อนตัวอยู่ทุกท่าน!! ” ไป๋หลงกล่าวเน้นน้ำเสียงในช่วงท้ายเพื่อย้ำเตือนว่าอย่าทำตัวแอบซ่อนอยู่เช่นนั้น….ผู้อาวุโสทั้ง

เหล่าผู้อาวุโสทั้ง18คนทะยานตัวออกมาพร้อมกันก่อนจะล้อมไป๋หลงเอาไว้เป็นวงกลมด้วยใบหน้าที่ดุดัน..ไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็ปริยิ้มอ่อนออกมาก่อนจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาด!!

” นี้มันหมายความว่ายังไง?…ผู้อาววุโสนับสิบลุมล้อมตัวข้าและสหายของข้า..ข้าขอแนะนำอะไรสักอย่างนึงข้ามาที่นี้เพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่นางหวังฟางตรงนั้น..ถ้าพวกท่านอยากจะลองข้าก็จะจัดให้!! ถ้าพวกท่านอยากจะลองกระบี่นับหมื่นพุ่งใส่ก็ไม่ว่ากัน ”

หวังฟางและศิษย์คนอื่นๆต่างตกตะลึงที่ไป๋หลงกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ออกมาต่อหน้าเจ้าสำนักและผู้อาวุโสเหล่านั้น..หวังฟางหันหน้าไปหาเจ้าสำนักก็ได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าสำนักที่ห่างหายไปนาน..

ผู้อาวุโสต่างใบหน้าบิดเบี้ยวทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น..เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย…

” ฮ่าๆๆๆๆๆๆ!! นานแล้วสินะ..ที่ข้าไม่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว..พวกท่านเปิดทางให้เด็กนั่นเถิด..เจ้าทำได้ดีกว่าที่คิดเจ้าสำนักของเจ้าเป็นยังไงศิษย์ก็เป็นเช่นนั้นสินะ…หวังย่งสบายดีรึเปล่า!! ”

เจ้าสำนักอัสนีกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวเอ่ยขึ้น…ผู้อาวุโสทั้ง18คนเปิดทางให้ไป๋หลง..

” ก่อนอื่นเลยข้าต้องกล่าวขอโทษพวกท่านด้วยที่ข้ากล่าววาจาเช่นนั้นออกไป..ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวล่วงเกินพวกท่านแม้แต่น้อย พวกท่านทดสอบข้า ข้าก็ทดสอบพวกท่านกลับ!!ว่าท่านจะคุมตัวเองอยู่รึ้ปล่าหรือจะพุ่งมาหาข้า… ”

เหล่าผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้นก็มิได้โกรธแค้นเคืองสิ่งใดแต่ตะหงิดๆตรงช่วงท้ายว่าเป็นการด่าทางอ้อมหรือกล่าวขออภัยจริงๆ….

” ท่านเจ้าสำนักสบายดีขอรับถึงแม้จะพึ่งเกิดเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม… ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพแก่เจ้าสำนักอัสนี…

เหล่าศิษย์จากสำนักอัสนีต่างจดจ้องไปบนหัวของไป๋หลงนั้นก็คือเว่ย เว่ย นั้นเอง ด้วยความที่เว่ยเว่ยในยามนี้นั้น เปล่งประกายความงามออกมาตั้งแต่เยาว์วัยแม้แต่เหล่าสาวงามจากสำนักอัสนีต่างหลงไหลในความงามนี้…

” นี้ๆมาหาพี่สาวมาม้ะ..เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะดูแลเจ้าเอง ”

” ไม่มาที่ข้าดีกว่าเดี๋ยวพี่สาวมีขนมให้กินด้วย ”

เหล่าศิษย์จากสำนักอัสนีที่ตามมาด้วยต่างหลงไหลในความงามส่วนเหล่าบุรุษต่างจดจ้องไปยังฟา..ส่วนจี้กงที่ใส่เสื้อสีขาวปิดคลุมทั้งตัวเผยให้เห็นเพียงดวงตาสีเหลืองอ่อนเท่านั้น…เว่ยเว่ยเกาะไป๋หลงไว้แน่นก่อนจะตะโกนออกมาสุดเสียง..

” ปะ ป๋าาาา!!! ”

เหล่าบรรดาศิษย์และผู้อาวุรอบๆต่างตกตะลึงก่อนที่เจ้าสำนักอัสนีกล่าวถามขึ้น..แม้คราแรกจะยังสงสัยเพราะบรรยากาศรอบๆที่แผ่ออกมาจะแปลกแต่ก็ไม่อาจจะสัมผัสอะไรได้มากไปกว่านี้..แต่คราวนี้กลับเรียกไป๋หลงว่า ปะป๋า สร้างความแปลกใจให้กับเจ้าสำนักเป็นอย่างมาก…ไป๋หลงเอ่ยขึ้นในทันทีเพื่อแก้ความเข้าใจผิด

” ทุกท่านโปรดใจเย็นลงก่อนเด็กคนนี้..คือว่า ” ไป๋หลงกล่าวเหตุผลโป้ปดแต่งเรื่องขึ้นเพราะมิอยากให้ใครรู้ที่มาที่ไปของ เว่ยเว่ย

” เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เอง ” เหล่าศิษย์และบรรดาผู้อาวุโสต่างเอ่ยขึ้น

เจ้าสำนักอัสนีเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง…

” พวกเจ้าทั้งหมดลงจากชั้นนี้ไป…ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเด็กคนนี้!! ”

เมื่อเหล่าศิษย์ประมาณ20กว่าคนได้ยินเช่นนั้นก็ยอมรับคำสั่งแต่โดยดีและเดินลงไปชั้นล่างของเรือลำนี้…หลังจากเหล่าศิษย์เดินลงไปจนหมด เจ้าสำนักอัสนีนำเสาขนาดเล็กมา 4 เสาทั้ง4เสาล้วนลงอักขระที่ซับซ้อนไป๋หลงที่ไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ไม่มากจึงทำให้ไม่สามารถมองรูปแบบการทำงานนี้ออกได้…

ฟึบ!!

เสาร์ทั้ง4 ถูกปักไว้รอบชั้นบนเรือแห่งนี้หลังจากเสาโดนปักครบทั้งเสาม่านพลังก็กางออกเป็นสี่เหลี่ยมในทันทีถึงแม้จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่ก็สามารถสัมผัสถึงม่านพลังแห่งนี้ได้..เหล่าผู้อาวุโสและสหายของหวังฟางไม่ได้ลงไปด้วยเพราะพวกตนนั้นเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักจึงสามารถอยู่ที่นี้่ตรงนี้

” ไม่ต้องกังวลไป…ข้ากางม่านพลังเอาไว้เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกได้ยินการสนทนาครั้งนี้ก็เท่านั้นข้าอยากให้เจ้าแสดงอัสนีสีแดงให้ข้าเห็นได้หรือไม่? ” เจ้าสำนักกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ส่วนผู้อาวุโสทั้งงหมดนั้นล้วนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะต้องคอยปกป้องเหล่าศิษย์และผู้คนภายในเรือ…หลังจากจบเรื่องรู้แค่ว่ามีศิษย์หลักจากสำนักหมื่นกระบี่มาช่วยไว้ก็แค่นี้แต่ อัสนีสีแดง!! นี้มัน…

” ทะ..ท่านบอกว่าอัสนีสีแดงทำไมข้าถึงไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้..เป็นความจริงแน่แท้แล้วรึ ”

” มิน่าเชื่อ…ยังเป็นผู้เยาว์แต่สามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ ”

” เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ชั่งแต่เด็กนั่น ฝึกวิชาอัสนีของสำนักเราได้เช่นไร ”

เหล่าผู้อาวุโสต่างถกเถียงกันไปมาไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หยินสมุดเก่าๆเล่มนึงออกมาจากแหวนมิติก่อนจะยืนให้เจ้าสำนัก…

” ข้าฝึกเอาจากหนังสือเล่มนี้… ”

เจ้าสำนักอัสนีเมื่อสัมผัสกับหนังสือเล่มนี้ก็เบิกตากว้างในทันที…

” นี้มันเล่มต้นฉบับของการฝึกธาตุอัสนี!!..เจ้าเอามาจากที่ใดกัน!! ” เจ้าสำนักอัสนีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อยากรู้จนถึงขีดสุด..โดยปกติไป๋หลงบอกไปแล้วว่าเอามาจากท่านพ่อแต่ในตอนนี้ไป๋หลงมิอยากจะให้ใครทราบถึงที่มาของตน…

” ข้าเจอมันในตลาดมืด..เลยตัดสินใจซื้อมาเพราะเห็นว่ามันน่าสนใจดี ”

เหล่าผู้อาวุโสได้ยินเช่นนั้นก็เดือดดาลขึ้นมาในทันที..

” บัดซบ!! มันผู้ใดกันกล้าขโมยตำราของเรานำมาขายในสถานที่ชั้นต่ำแบบนั้น ” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวออกมาด้วยความเดือดดาล จนเจ้าสำนักต้องยกมือห้ามปราม..

” ไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็รู้ว่ามันอยู่กับเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่เป็นไร.. ”

ไป๋หลงวิเคราะห์จากท่าทางและการแสดงออกแล้วเจ้าสำนักอัสนีเป็นผู้อาวุโสที่ควรค่าแก่การนับถือมิใช่น้อย…

” ถ้าท่านบอกว่าต้องการดูอัสนีสีแดงใช่หรือไม่…ไม่จำเป็นต้องใช้ ย่างก้าวอัสนีขั้นสมบูณ์!! ก็สามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนมันไปตามสถานการณ์..พวกท่านดูนี้เจ้าก็ด้วยหวังฟาง..อัสนีนั้นสามารถโจมตีและป้องกันการโจมตีได้เช่นกัน… ”

ไป๋หลงกล่าวจบอัสนีสีแดงโลหิตค่อยๆปกคลุมจากขาจนมาถึงหน้าอกและรูปร่างของมันคล้ายเกราะโบราณแตกต่างตรงที่ว่า….เกราะนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากอัสนียังไม่หมดเพียงเท่านั้นยังมีหอกที่ถูกสร้างขึ้นจากอัสนีสีแดงโลหิตนี้… เหล่าผู้อาวุโสเจ้าสำนักและกลุ่มของหวังฟางต่างตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นอย่างมาก…ก่อนที่ไป๋หลงจะเอ่ยขึ้น

” ข้าเรียกมันสั้นๆว่า ศาสตร์ตราอัสนี!!! ”

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท