เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่79 กระบวนท่าราชันย์

ตอนที่79 กระบวนท่าราชันย์

ไป๋หลงเดินทางกลับมายังเมืองจรัสแสงและกลับมาที่ตระกูลชุนอีกครั้งพร้อมกับฟาและเด็กสาวผมแดงโลหิตก่อนจะบอกเส้นทางในการเดินทางให้กับชุนเปียวแม้ชุนเปียวจะสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดไป๋หลงถึงไปที่ไกลนับพันลี้!!ได้ในระยะเวลาอันสั้นแต่การจะไปถามในเรื่องส่วนนี้มันก็ไม่ควร…

” งั้นข้าขอตัวกลับป่าอสูรก่อน…เรื่องอุปกรณ์และแรงงานคนข้าคงต้องรบกวนท่านแล้ว ” ไป๋หลงกล่าวจบเตรียมจะเดินทางกลับก็มีเสียงของชุนเปียวดังขึ้นอีกครั้ง…

” เดี๋ยวก่อนนี้ก็ค่ำแล้วพวกเจ้าพักที่นี้ก่อนก็ได้เดี๋ยวข้าจะให้คนจัดหาที่พักให้..ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่เจ้าช่วยฝึกวิชาให้กับชุนยี่ ” ชุนเปียวกล่าวเชิญชวนไป๋หลง เมื่อไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ตอบตกลงในทันที..

” ข้าขอรบกวนท่านแล้ว..แล้วนี้ชุนยี่กับชุนไห่อยู่ที่ไหนหรือท่านชุนเปียว.. ”

ชุนเปียวก็บอกกล่าวแก่ไป๋หลงในทันที…

” ทั้ง2คนกลับสำนักหมื่นกระบี่ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้เอง..” ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หยิบบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ 3 เม็ด เป็นโอสถชนิดหนึ่งซึงเป็นสีขาวใสและกลิ่นอายสีขาวที่แผ่ออกมาของมันคือ โอสถระดับราชันย์ชั้นสูง แม้ตระกูลชุนจะมีโอสถแบบนี้อยู่บ้างแต่ไม่มีโอสถสีขาวใสขนาดนี้มาก่อนสร้างความประหลาดใจให้แก่ชุนเปียวเป็นอย่างยิ่ง…

” นี้คือโอสถทะลวงสวรรค์!!ความบริสุธิ์9ส่วน ใช้ยกระดับพลังในขณะบ่มเพาะเมื่อใช้แล้วการทะลวงขั้นพลังจะเป็นไปได้อย่างราบรื่นและไม่ติดขัด… ข้าขอฝากให้ ชุนยี่และชุนไห่ รวมถึงท่านด้วย ข้าสัมผัสได้ว่าชุนยี่และชุนไห่กำลังจะเลื่อนระดับพลังส่วนท่านที่อยู่ขั้นจักรพรรดิ์!!!ข้าแนะนำให้ท่านใช้ตอนที่ท่านจะเข้าระดับจักรพรรดิ์ที่แท้จริงจะทำให้ท่านเลื่อนขั้นพลังได้โดยง่าย.. ”

ไป๋หลงกล่าวอธิบายพลางแย้มยิ้ม ชุนเปียวถึงกับสั่นสะท้านในทันทีไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติของเม็ดยาและการที่ไป๋หลงล่วงรู้ระดับพลังของตนเองทั้งๆที่ตนคิดว่าปกปิดระดับพลังไว้มิดชิดแล้วนั้นเอง..

” จะ..เจ้ารู้ได้ยังไงกันว่าข้าอยู่ระดับขั้นจักรพรรดิ์!! แล้วโอสถทั้ง3เม็ดนี้เจ้า.. ” ชุนเปียวกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยจนถึงขีดสุดไม่สามารถล่วงรู้ได้แม้แต่น้อยว่าไป๋หลงใช้วิธีการใดยังมิอาจทราบได้ฉายา จอมปราชญ์ ชั่งน่าขันยิ่งนัก…

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม..

” ผู้เยาว์ต้องขอประทานอภัย…ข้ามีวิชาบางอย่างทำให้สามารถเห็นระดับคลื่นพลังจากภายในได้ไม่ว่าจะพยามปกปิดขนาดไหนก็ตามแต่ก็ยังมิสามารถบอกระดับพลังในขั้นนั้นได้รู้แค่ว่า คนผู้นั้นมีระดับพลังอยู่ชนชั้นอะไรแค่นั้น อย่างท่านชุนเปียว อยู่ชนชั้นจักรพรรดิ์!! แต่ข้าก็ไม่สามารถวัดระดับขั้นพลังของท่านได้ ส่วนโอสถ ข้าไม่ได้เป็นคนทำขึ้นข้าแค่หยิบติดมือมาตอนเข้าไปในคลังสมบัติของท่านพ่อเท่านั้น… ”

ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นถอนหายใจอย่างหนักหน่วง…

” เฮ้อ..ได้เจอและรู้จักกับเจ้าเพียงไม่นานเหมือนจะทำข้าอายุสั้นไปหลายปีเลยทีเดียว ”

ไป๋หลงได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาและยื่นโอสถโอสถทั้ง3เม็ดให้ชุนเปียว…

” ท่านรับเอาไว้ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ท่านช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และกำลังคนข้าตอบแทนแค่นี้ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำไว้มีโอกาสข้าจะต้องทดแทนบุญคุณนี้อย่างแน่นอน.. ”

ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ชุนเปียวได้ยินเช่นนั้นก็รับมาโอสถมาจากไป๋หลงในทันทีพร้อมกับกล่าวขอบคุณไป๋หลง…

” เจ้าพาแขกของข้าทั้งหมดไปพักในห้องที่จัดเตรียมไว้ ” ชุนเปียวกล่าวสั่งกับข้ารับใช้ที่ยืนอยู่…

” ขอรับนายท่าน.. ”

ไป๋หลงกล่าวขอบคุณชุนเปียวอีกครั้งก่อนจะเดินตามข้ารับใช้คนนั้นไปหาที่พัก…เมื่อไป๋หลงมาถึงที่พักซึ่งเป็นห้องที่กว้างขวางพอสมควรก่อนจะกล่าวบอกกับคนรับใช้คนนั้น…

” พวกข้าพักรวมกันแค่ห้องเดียวก็พอแล้ว..ขอบใจเจ้ามาก ”

” แต่ว่า… ”

ข้ารับใช้คนนั้นกำลังจะกล่าวต่อแต่โดนไป๋หลงกล่าวห้ามไว้..

” ไม่เป็นไร..เจ้าไปได้แล้วข้าเหนื่อยข้าขอตัวก่อนนะ… ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงอย่างผิดสังเกตุเมื่อข้ารับใช้ผู้นั้นได้ยินก็ไม่ได้กล่าวแย้งอะไรอีก…ฟาปิดประตูในทันทีก่อนจะเข้ามาประคองไป๋หลง..

ไป๋หลงอยู่ๆก็กระอักเลือดออกมาคำโตในทันทีเป็นเลือดสีดำที่เห็นแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก..

” อึกก!!…บัดซบข้าประมาทวิชานี้เกินไปไม่คิดเลยว่าวิชานี้จะย้อนคือแก่ผู้ใช้หากไม่กล้าแกร่งพอ..ร้อยมังกรถล่มปฐพีเป็นวิชาดาบสองคมชัดๆ.. ” ไป๋หลงสถบออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียงเด็กสาวผมโลหิตเห็นเช่นนั้นก็น้ำตาคลอในทันที…

” ปะ.ป๋าเจ็บมั้ย ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เอามือมาลูบหัวด้วยความอ่อนโยนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม..

” ไม่เจ็บเลย..แค่นี้สบายมากอีกอย่างต่อไปนี้เจ้าชื่อว่า เว่ยเว่ย แปลว่าเด็กสาวผู้มีผมแดงเพลิง ”

เว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็กอดไป๋หลงเอาหน้าถูไปถูมาบนชายเสื้อของไป๋หลงฟาเพียงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้นก่อนจะอมยิ้มเล็กน้อยออกมา….

” หึ!!..ข้าก็บอกแล้วว่าอย่าพึ่งฝึกให้เจ้าเข้าใจหลักการณ์ก่อน เทพวิชา ไม่ใช่วิชาเด็กเล่นพลาดก็หมายถึงชีวิตของเจ้าเอง…แต่ข้าก็อดแปลกใจไม่ได้ ข้าเรียกมังกรเพลิง ออกมาเป็นร้อยตัวแต่เจ้ากับเรียกออกมาได้หนึ่งตัวแถมไอตัวที่เจ้าเรียกออกมายังพุ่งใส่เจ้าอีกข้าละ ฮ่าๆๆๆๆ!! ” เสียงเยาะเย้ยนี้ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนแต่เป็นเสียงของขงจือนั้นเองดังขึ้นภายในจิตใจ ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เพียงเงียบเท่านั้นมิได้กล่าวตอบโต้อะไรไป…

” เจ้าต้องต่อสู้กับมันและทำให้มันยอมรับให้ได้ข้าบอกได้เท่านี้แหละ ” ขงจือกล่าวออกมาก่อนจะเงียบหายไป

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มวิเคราะห์บางอย่างก่อนจะกินโอสถหวนคืน!! เพื่อฟื้นนฟูบาดแผลภายในและเข้าสู่ห้วงสมาธิจนถึงเช้าบาดแผลภายในฟื้นฟูเกือบเต็มที่แล้ว..ฟาหรือก็คือเอลฟ์สาวเฝ้าไป่หลงทั้งคืนส่วน เว่ยเว่ย นั้นก็ตามติดไป๋หลงตลอดเวลา…

ไป๋หลงกล่าวลาชุนเปียวและมุ่งหน้ากลับป่าอสูรในทันที..

ณ..ตระกูลหลี่

” สั่งให้คนของเราจับตาดูเด็กนี้ซะ!!…เป็นไงบ้างได้ข้อมูลอะไรมาบ้างหรือไม่ที่ข้าให้ไปสืบมา.. ” เสียงที่เคร่งขรึมดังขึ้นนั้นก็คือหลี่หยางผู้เป็นบิดาหลี่อานนั้นเอง..

” เรียนท่านผู้นำ ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี้ได้เข้าไปในวังหลวงขององค์จักรพรรดิ์ถังหน่านเหิงแห่งทวีปจรัสแสงขอรับ!! ”

หลี่หยางได้ยินเช่นนั้นเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงก่อนจะล้มเลิกความคิดการจับตายในทันทีเพราะอาจจะมีปัญหาใหญ่ที่เกินกว่าตระกูลหลี่ก็เป็นได้…

” เจ้าเด็กนี้เป็นใครกันแน่..มีความสัมพันธ์แบบไหนกับองค์จักรพรรดิ์กัน ” หลี่หยางกล่าวขึ้นด้วยความไม่สบอารมณ์…

ขณะนั้นเองก็มีรายงานใหม่เข้ามาทันที..

” ทะ..ท่านผู้นำเด็กนั่นเดินทางเข้าไปในป่าอสูรขอรับ!! ”

” !!!!! ”

……………………………………………………………………………………..

ณ.ป่าอสูร

ไป๋หลงสัมผัสได้ว่ามีคนสะกดรอยตามมาตลอดทางแต่เมื่อตนเข้ามาในป่าอสูรพวกนั้นก็หยุดติดตามมาในทันที….

” คนจากจระกูลหลี่? ปล่อยไปก่อนแล้วกันตอนนี้มีอย่างอื่นที่สำคัญกว่า.. ” ไป๋หลงใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าเข้าใจกลางป่าอสูรพร้อมกับเอลฟ์สาวและเว่ยเว่ย

ไป๋หลงเข้ามาก็เจอกับเต้าจี้ซึ่งเต้าจี้เมื่อเจอกับไป๋หลงก็จดจำได้ในทันทีก่อนจะปล่อยให้ไป๋หลงผ่านเข้าไป…

ไป๋หลงเดินเข้ามาภายในที่พักของไป๋หยางก็เจอกับอู้เฉียง จี้กง ลิ่วหลงกุน มู่จิน มู่หลาน และไป๋หยางนั่งอยู่รอบโต๊ะกลมพร้อมกับใบหน้าที่จริงจังและเคร่งเครียจเป็นอย่างมาก..อยู่ๆลิ่วหลงกุนก็กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ..

” อาหารของมนุษย์ชั่งน่ากลัวยิ่งนัก…”

” ท่านลิ่วหลงกุนอาหารของมนุษย์เหตุใดถึงน่ากลัวถึงเพียงนี้ ” จี้กงกล่าวเสริม

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีเพราะอาหารที่อู้หยาแม่ของอู้เฉียงเป็นคนปลุงขึ้นสามารถสังหารยอดฝีมือชนชั้นจักรพรรดิ์ได้เลยทีเดียว…

” เอิ่ม…พวกท่านข้ากลับมาแล้ว ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้นก่อนที่ทุกสายตาจะมองมาที่ไป๋หลง

” นายท่าน..ท่านกลับมาแล้ว ” จี้กงกล่าวด้วยความยินดี

ส่วนที่เหลือก็รู้สึกดีใจที่ไป๋หลงกลับมาเว้นก็แต่เพียงไป่หยางที่กำลังหน้าอมทุกข์อยู่…

” ท่านพ่อ..ข้ากลับมาแล้ว ” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่นและโผเข้ากอดไป๋หยาง..

ไป๋หยางเห็นเช่นนั้นก็เหมือนมีลูกเกาทัณฑ์ปักเข้ากลางอกเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย..

” นี้เจ้า….ดีแล้วที่เจ้ากลับมาลูกข้า ” ไป๋หยางกอดไป๋หลงตอบในทันที ไป๋หยางสามารถรับรู้ได้ถึงแววตาที่ไป๋หลงมองมานั้นคือสายตาของคนที่โหยหาผู้เป็นพ่อ ไป๋หยางรู้ได้ในทันทีว่าไป๋หลงนั้นรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว แต่ไป่หลงก็ยังนับถือตนเป็นบิดามิเคยเปลี่ยนเเปลง

” ไม่ว่ายังไงท่านก็คือพ่อของข้า..ไป๋หลงผู้นี้ ”

ลิ่วหลงกุนรู้สึกประหลาดใจและสงสัยอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะเดินมาหาไป๋หลงแล้วมอบบางอย่างให้…

” นายน้อย..ข้ามีบางอย่างจะมอบให้ท่าน ” ลิ่วหลงกุนหยิบบางอย่างออกมาจากอกเสื้อแล้วยื่นไปให้กับไป๋หลง..

ไป๋หลงสงสัยเล็กน้อยก่อนจะรับมาทันใดนั้นตัวอักษรบนหนังสือเก่าๆเล็มนี้ก็ส่องประกายแสงสีทองขึ้น…

” กระบวนท่าราชันย์!!! ”

จบ..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท