เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่100 แสดงเจตจำนง 4 จบ

ตอนที่100 แสดงเจตจำนง 4 จบ

” เปลวเพลิงแห่งอนันตกาลรูปแบบที่1ราชันย์ดับสูญ!!!! ”

เปลวเพลิงแดงทมิฬแปรเปลี่ยนเป็นมังกรขนาดใหญ่สยายปีกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเปลวเพิลก่อนจะพุ่งทะยานไปยังปีศาจโลหิต…

ปีศาจโลหิตใบหน้าบิดเบี้ยวในทันทีเพราะพลังตรงหน้าตัวมันสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าตัวมันไม่สามารถตั้งรับกระบวนท่าอันรุนแรงเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน..

” บัดซบ!! เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์แล้ว ” ปีศาจโลหิตสถบออกมาก่อนจะระเบิดท่าร่างหมายจะหลบหนีแต่ถึงกระนั้นกลับมีแรงดึงดูดมหาศาลคอยรั้งเอาไว้และเมื่อมันหันหน้ากลับไปมองไม่กี่ลมอึดใจเปลวเพลิงแดงทมิฬก็กลืนกินร่างปีศาจโลหิต ไม่มีแม้แต่เสียงร้องโหยหวยออกมามีแต่ความเงียบเท่านั้น..

มังกรเพลิงแดงทมิฬเมื่อบรรลุเป้าหมายของมันแล้วก็พลันสลายหายไปในทันทีเหลือไว้เพียงแค่ร่องลอยความเสียหายบริเวณโดยรอบเท่านั้น..

” ปะป๋าท่านอยู่ไหนกันนะ..เว่ยเว่ยจะไปรอข้างบนนะเพราะลุงแก่ๆที่เคยพูดเมื่อก่อนหน้านี้บอกว่าให้ไปถึง ด้านบนภายใน2วัน แค่ ขึ้นไปข้างบนนั้นก็พอสินะ ปะป๋าอาจจะไปรอ เว่ยเว่ยข้างบนก็ได้ ” เว่ยเว่ยกล่าวกับตนเองพลางเหลือบไปเห็นซากศพที่พลอยโดนผลกระทบก่อนจะผายมือน้อยๆไปข้างหน้าบังเกิดเป็นเปลวเพลิงสีส้มอ่อนแผ่ความอบอุ่นออกมา…

” เปลวเพลิงแห่งอันตกาลรูปแบบที่2 เปลวเพลิงส่งวิญญาณ!! ”

เปลวเพลิงสีส้มอ่อนลอยออกจากมือของเว่ยเว่ยและคลอบคลุมร่างอันไร้ลมหายใจพลางก่อนจะเอ่ยขึ้น..

” เว่ยเว่ยจะนำพาดวงวิญญาณของพวกท่านไปสู่ปรโลกให้เอง..ต่อจากนั้นจะมีผู้พิจรณาว่าพวกท่านจะขึ้นสวรรค์หรือตกนรกอเวจี เว่ยเว่ยช่วยได้เท่านี้ ” เว่ยเว่ยกล่าวจบเปลวเพลิงสีส้มก็เปล่งแสงจ้าออกมาร่างอันไร้ลมหายใจหายไปจนหมดเหลือเพียงแค่เถ้าถ่านเท่านั้น..

เหล่าดวงวิญญาณโดยรอบก้มลงเอาหัวลงก่อนจะสลายหายไปในทันที..

เว่ยเว่ยไม่ได้หันกลับไปมองก่อนจะมุ่งหน้าไปด้านบนภูเขา….

………………………………………….

ยามราตรีมาเยือนเหล่าผู้เข้าทดสอบต่างตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา..และระแวดระวังตัวมากกว่าตอนกลางวันมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว!!

ไป๋หลงตัดสินใจเข้ามาพักในถ้ำแห่งหนึ่งพร้อมกับเก๋อเก๋อที่ติดตามมาด้วยสาเหตุหลักที่ไป๋หลงเลือกมายังถ้ำอันมืดมิดเช่นนี้เพราะว่าคล้ายกับมีบางอย่างดึงดูดไป๋หลงให้มา ณ ที่แห่งนี้..

” เก๋อเก๋อ..เจ้าอยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหนเป็นอันขาด ข้าจะสร้างอักขระพื้นที่เอาไว้ทำให้สัตว์อสูรทั่วไปไม่อาจสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของเจ้า ”

ไป๋หลงกล่าวจบก็นำแกนอสูรขั้นกลางออกมาขีดเขียนอักขระขนาดเล็กลงบนแกนอสูรและฝังลงพื้นดินม่านพลังโปร่งใส่ก่อตัวขึ้นก่อนจะปกปิดหน้าปากถ้ำไว้ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นเป็นเพียงก้อนหินขนาดใหญ่ปกปิดไว้แต่สามารถมองเห็นจากภายในได้ปกติ…

เป็นอีกศาสตร์แขนงหนึ่งที่ไป๋หลงไม่ถึงกับเชี่ยวชาญแต่พอที่จะใช้งานมันได้เก๋อเก๋อเบิกตากว้างก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความตกตะลึง..

” ไม่น่าเชื่อ!! น้อยคนนักที่สามารถใช้รูปแบบอักขระเช่นนี้ได้ข้ามีเรื่องไปเเล่าให้สหายข้าฟังแล้วสิ…เทพสังหารไป๋หลง ความสามารถรอบตัวจริงๆ ข้า เก๋อเก๋อนับถือ ถ้าไม่ติดเรื่องที่เจ้าเคยสังหารข้าไปในบททดสอบแรกละก็ ข้าคงจะชื่นชมเจ้ามากกว่านี้…อีกอย่างเจ้าจะไปไหน? ”

เก๋อเก๋อเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย..

” ข้าจะเข้าไปสำรวจข้างในถ้ำสักหน่อยเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายมาทำร้ายพวกเราได้..ข้าจะรีบมาเจ้าเห็นอะไรภายนอกห้ามออกไปเป็นอันขาดพลังอักขระจะสลายไปในทันที..ไม่ว่าจะเป็นใครอย่าเปิดรับผู้คนภายนอกมาเด็ดขาด..เราไม่สามารถระบุได้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นอสูรหรือปีศาจจำแลงกายมาเพื่อหลอกล่อ ให้เราหลงกลมัน…อีกอย่างเจ้าเห็นอะไรก็ห้ามโคจรพลังออกมาเป็นอันขาด!!! เป็นไปได้ในยามนี้เจ้า ควรเก็บซ่อนพลังเอาไว้ให้ดี อสูรบางตัวมีสัมผัสที่เฉียบคมสามารถสัมผัสอ่อนที่แผ่ออกมาได้เช่นกัน เรื่องที่ข้าจะบอกก็มีแค่นี้ ”

ไป๋หลงกล่าวย้ำเตือนพลางอธิบายด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมจนเก๋อเก๋ออดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์!!!

เก๋อเก๋อนั้นรับรู้ได้ในทันทีว่าถึงตนดื้อรั้นที่จะตามไปแต่คงไม่พ้นที่จะเป็นตัวถ่วงเป็นแน่เเท้เผลอๆอาจจะทำให้ไป๋หลงลำบากมากยิ่งขึ้นหากเกิดเรื่องราวที่ไม่คาดคิด…

” อืมข้าเข้าใจแล้วดูแลตัวเองด้วยข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ ” เก๋อเก๋อกล่าวอย่างว่าง่ายทำให้ไป๋หลงแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใดก่อนจะเดินหายเข้าไปในความืดมิด..

เก๋อเก๋อเมื่อเห็นไป๋หลงเดินหายไปก็ทรุดตัวลงและนั่งกอดเข่าก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเอง..

” เห้อ..ลืมถามเลยว่าจิวซือ(ตอนที่65) สบาดีหรือไม่น้องข้าเจ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ.. ”

……………………………………..

ไป๋หลงเดินลึกเข้ามาสาเหตุที่ไป๋หลงไม่เรียกศาสตร์ตราจิตวิญญาณออกมาหรือแม้แต่เผยปีกออกมาเพราะม่านอักขระน้ำนั้นอันตรายเกินไป แม้เข้ามาพายในถ้ำแล้วก็ตามแต่..ไป๋หลงจะไม่เปิดเผยฝีมือที่แท้จริงออกมาหากไม่ถึงแก่ชีวิต..

ลึกเข้ามาภายในถ้ำบรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นทุกช่วงขณะไป๋หลงไม่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรในพันธะสัญญาออกมาได้ไม่ว่าจะเป็นอสรพิษ7สีหรือแม้แต่หลิงหลุนเองก็ตามเนื่องด้วยกฏในการสอบเข้าครั้งนี้…ไป๋หลงเข้าไปลึกทุกขณะจนมามาถึงทางที่แยกออกไปเป็น2ทางไป๋หลงหลับตาลงและเพ่งสัมผัส พลังที่ดึงดูดไป๋หลงมายังที่นี้กำลังชักนำพาไป๋หลงไปสู่ขุมพลังอันยิ่งใหญ่หรืออันตรายสุดหยั่งถึงกันแน่…

ไป๋หลงตัดสินใจเลือกเส้นทางที่มีพลังบางอย่างที่เบาบางเป็นอย่างมากไม่นานไป๋หลงก็เจอเข้ากับประตูศิลาขนาดใหญ่มหึมาอีกทั้งยังมิใช่ศิลาธรรมดาเป็นศิลาที่ไป๋หลงไม่รู้จัก ข้างประตูมีข้อความบางอย่างเขียนเอาไว้ไป๋หลงเพ่งพินิจก่อนจะพิจรณาข้อความดังกล่าว

” เหล่าผู้แสวงหาพลังเอ๋ย..ตัวเราคือผู้สร้างและผู้ทำลายในเวลาเดียวกันซึ้งในอดีตกาลตัวเรามุ่งเน้นและแสวงหาพลังมากจนเกินไปเป็นเหตุให้นำภัยมาสู่ตัวเราเองแม้เราจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด..แต่ยังไงตัวเราก็เป็นแค่มนุษย์คนนึงเท่านั้นก่อนที่ตัวเราจะหมดลมหายใจตัวเราได้สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นเพื่อเหตุผลบางอย่าง…ภายหลังประตูศิลาบานนี้คือศาสตร์เทพชิ้นหนึ่งที่เราได้สร้างขึ้นเลียนแบบอาวุธของเทพที่เรานั้นเคยประมือด้วย ถึงยังไงก็เป็นเพียงแค่ของเลียนแบบเท่านั้น..ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสามารถครอบครองได้ง่ายอย่างที่คิด..ขอเตือนครั้งสุดท้าย ผู้ที่จิตใจไม่บริสุทธิ์ แสวงหาแต่ขุมพลังอย่างเดียวแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ออก!! จงหันหลังกลับไปบัดเดี๋ยวนี้ แต่หากต้องการพลังเพื่อปกป้องจงก้าวเข้ามา!! ตัวเรานั้นเคยทำผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง..จงอย่าทำผิดเฉกเช่นเดียวกับเราในอดีต เมื่อยามช่วยเหลือได้แต่ไม่ช่วยเหลือยึดกฏเกณฑ์และเคารพในกฏนั้นสุดท้ายมันคือเส้นทางที่ผิด..สิ่งที่เจ้าคิดอาจจะถูกหรือผิดไม่มีใครรู้ตัวเจ้าเองเท่านั้นถึงจะรู้เอาละ…ผู้ที่คู่ควรแก่พลังแห่งข้าจงก้าวเข้ามา ตัวเราที่ได้รับการขนานนามว่า เทพแห่งการทำลาย เห่ยเจี้ย!! ขอฟังเจตจำนงที่แท้จริงของเจ้าว่ามาเพื่อสิ่งใด? ”

ไป๋หลงอ่านข้อความมาจนจบก็รู้สึกได้ถึงความเศร้าในคำพูดก่อนที่ไป๋หลงจะก็ฉายแววตาอันแน่วแน่และกล่าวขึ้น..

” ตัวข้าไป๋หลง หาได้แสวงหาพลังเพื่อทำลายแต่เพื่อปกป้องหากผู้ใดขัดขวางข้าจะทำลายพวกมันให้สิ้นซาก…แม้ในยามนี้หลายคนอาจจะมองว่าข้าแข็งแกร่งแต่ป่าวเลยตัวข้าในยามนี้อ่อนหัดยิ่งนัก!!!..เพื่อการนั้นข้าจึงแสวงหาพลังข้าขอให้สัตย์สาบาน พลังที่ได้รับมามิใช่เพื่อข้าแต่เพื่อคนที่ข้าต้องการจะปกป้องหากข้ากล่าวโป้ปดในเรื่องที่กล่าวมาตัวข้ายินดีน้อมรับความตาย!!! ”

ไป๋หลงกล่าวออกมาอย่างยึดมั่นเพราะเป้าหมายที่ไป๋หลงมีในยามนี้คือเพิ่มพูนความแข็งแกร่งและนำบางสิ่งที่เป็นของบิดาตนกลับมา!!

ครืน!!

ประตูศิลาเปิดออกในบัดดลราวกับรับรู้ถึงเจตนที่แท้จริงของไป๋หลง..ไป๋หลงไม่รอช้าเดินเข้าไปภายในทันทีก่อนประตูศิลาจะปิดลง..

ตึง!!

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท