เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่88 เนตรจันทรา

ตอนที่88 เนตรจันทรา

” หัตถ์ มารกลืนกิน!!. ”

ไป๋หลงรับรู้ได้ถึงสัญชาตญาณอันตราย!!กระโดดถอยห่างออกมาในทันทีม่านพลังปีกสีทองขนาดใหญ่โดนดูดหายเข้าไปในพริบตา…

” ชั่งเป็นพลังธาตุแสงที่น่าลิ้มลองเพิ่มอีกยิ่งนัก..เป็นพลังธาตุแสงที่บริสุทธิ์เกินกว่าจะมีในตัวมนุษย์ทั่วไป!! หรือว่าสิ่งที่ข้าคิดเอาไว้จะเป็นจริง… ”

ต๋าเฉิงกล่าวคาดการณ์ภายในจิตใจมิได้พูดออกมาพลางทำสีหน้าราวกับกระหายอะไรสักอย่างราวกับพวกหิวกระหายและจ้องมองไปทางไป๋หลง..

ตึง!!

น้ำแข็งอันเกิดจากพลังของหวังฟางห่อหุ้มต๋าเฉิงไว้ก่อนที่หวังฟางจะกล่าวขึ้น…

” เจ้าคิดจะทำอะไรของเจ้ากัน!! ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไมต๋าเฉิงว่าวิชานั้นมันอันตรายและไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่ง… ”

หวังฟางกล่าวไม่ทันจบเจ้าสำนักอัสนีก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ..

” ต๋าเฉิงข้าเคยสั่งห้ามเจ้าแล้วใช่หรือไม่!!? ว่าห้ามใช้พลังนี้เด็ดขาด!! แต่เจ้าก็ยังทำลงไปจนได้…เจ้าจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของข้าเป็นเวลา1เดือน.. ”

ต๋าเฉิงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นก่อนจะจดจ้องไปที่ไป๋หลง…

” ข้ายอมรับบทลงโทษนั้น…ข้าชนะใช่หรือไม่ไป๋หลง ”

ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่แฝงควมเย็นชาไว้…

” ใช่แล้วเจ้าชนะ…เจอกันในการสอบเข้าสถาบันเทพมารก็แล้วกันข้าจะให้เจ้าได้เห็นอะไรบางอย่าง..อ้อใช่ที่ท่านเจ้าสำนักอัสนีเคยถามไว้ว่าเกิดอะไรขึ้น..เมื่อไม่นานมานี้สำนักวารีพิสุทธิ์มาหาเรื่องสำนักหมื่นกระบี่ทำเอาศิษย์สายนอกและสายในบางคนบาดเจ็บพอสมควรถึงแม้จะเรียกว่าการประลองกระชับไมตรีก็ตามจนเกิดปัญหาขึ้น…จนตอนนี้ทั้งสองสำนักใกล้จะแตกหักกันเต็มที!! ”

เจ้าสำนักอัสนีได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตากว้างในทันที…

” เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นรึ!!..ที่เจ้าบอกมา ”

ไป๋หลงเพียงพยักหน้าให้เท่านั้นก่อนจะหันไปสบตากับต๋าเฉิงแล้วเดินจากไปจี้กง ฟา ส่วนเฟยเฟยก็นั่งกุมหัวก่อนจะเอ่ยโผลงขึ้น..

” มา ม๊า กำลังมา!! ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็สั่นสะท้านในทันทีเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้และไม่ได้ทราบถึงเจตนาของราชันย์มังกรเพลิง!! ว่าต้องการสิ่งใด มาดีหรือไม่ดีกันแน่ ไม่มีทางจะทราบเจตนาที่แท้จริงของการมาในครั้งนี้ได้…

” เราต้องรีบแล้ว!!.. ” ไป๋หลงกล่าวพึมพำก่อนจะเดินลงมาจากชั้นบนระหว่างทางก็ได้พูดคุยกับเหล่าศิษย์สำนักอัสนีบางคน..ผู้คนในเรือเมื่อเห็นไป๋หลงต่างยกย่องเชิดชูและนับถือไป๋หลงอย่างถึงที่สุด..ในขณะนั้นเองระหว่างทางเจ้าของเรือรำนี้ก็ตรงเข้ามาหาไป๋หลงเป็นชายวัยกลางคนหนวดเครายาวเฟื้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น..

” เอ่อ..ท่านเทพกระบี่หลังจากขึ้นฝั่งแล้วท่านมีแผนที่จะพักที่ไหนหรือ?ข้าสามารถแนะนำที่พักให้ท่านได้เป็นที่พักชั้นดีราคาไม่แพงจนเกินไป..นั้นก็คือโรงเตี๋ยมแสงจันทร์ ” สาเหตุที่เจ้าของเรือกล่าวขึ้นเช่นนี้เพราะต้องการสร้างไมตรีอันดีและทดแทนบุญคุณในส่วนหนึ่ง…

ไป๋หลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตนนั้นยังไม่มีเงินมีแค่สมันไพรและแร่ศักดิ์ศิทธิ์!! ที่มีมูลค่ามหาศาลซึ้งไป๋หลงไม่คิดที่จะนำแร่ศักดิ์ศิทธิ์นี้ไปลงขายหรือประมูลเด็ดขาดเพราะมันอันตรายจนเกินไป…อาจทำให้เกิดสงครามก็เป็นได้..

” ข้ายังไม่ได้คิดเรื่องที่พักเลยแม้แต่น้อยอีกอย่างเรียกข้าว่า ไป๋หลงเถอะ เรียกเทพกระบี่มันดูแปลกๆแล้วก็ขอบใจท่านที่บอกกล่าวท่าน… ” ไป๋หลงกล่าวขึ้น..

” ข้ามีนามว่า กุนเชียง เป็นเจ้าของเรือรับขนส่งสินค้าลำนี้ ข้าขอบใจท่านมากที่ทำให้เรือของเรารอดพ้นจากอันตรายมาได้…” กุนเชียงกล่าวชื่นชมไป๋หลงด้วยความนับถือจากใจจริงเมื่อไป๋หลงเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าวขึ้นในทันทีเพราะเวลาของไป๋หลงในตอนนี้มีไม่มากแล้ว…

” ข้าขอบใจท่านมากที่บอกเรื่องเกี่ยวกับที่พักให้พวกข้าได้ทราบข้ามีธุระด่วนข้าขอตัวก่อน… ” ไป๋หลงกล่าวด้วยความรีบร้อนก่อนจะเดินหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับจี้กง ฟา และเว่ยเว่ยที่ตามมาติดๆ

” นี้ท่านเรือจะถึงฝั่งในอีก2ชั่วยามนี้แล้วท่านจะไปไหน..” กุนเชียงกล่าวขึ้นด้วยความสงสัยแต่ไป๋หลงก็หายไปเสียแล้ว…

ภายในห้องพักของไป๋หลง…

” อู้เฉียงไปกันได้แล้ว..เราต้องรีบขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงรีบร้อนพลางกังวลบางอย่างถึงแม้ไป๋หลงจะมั่นใจในฝีมือตนเองมากแค่ไหน..แต่ไป๋หลงในยามนี้มิใช่คู่มือสัตว์อสูรที่มีพลังระดับเกือบทัดเทียม1ในสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างหลิงหลุน..ซึ้งไป๋หลงไม่ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของการมาของราชันย์มังกรเพลิง!! ทำให้ไป๋หลงต้องรีบเดินทางไปยังสถาบันเทพมารให้เร็วที่สุด…

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความสงสัยในทันที…

” เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นรึ? แล้วเรือยังไม่ถึงฝั่งเจ้าจะไปเช่นไร เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ใช้ปีกในที่ที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้…”

ไป๋หลงตอบจับมืออู้เฉียงก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องราวคร่าวๆ..

” ตามมา..ข้ามีวิธี!! ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นพร้อมกับใช้วิชาตัวเบาในการรอบไปข้างหลังเรือที่ไม่มีผู้คนอยู่…ก่อนไ๋ป๋หลงจะเอ่ยเรียกบางอย่าง

” อาเป่า..จงออกมา!! ”

อสรพิษยักษ์7สีเชื้อสายโบราณถูกเรียกออกมาจากตราประทับอสูรที่ไป๋หลงได้ทำไว้…

” มีอะไรอย่างงั้นรึนายท่าน?ที่เรียกข้าออกมาเช่นนี้ ” อาเป่ากล่าวถามไป๋หลงซึ้งคือผู้เป็นนาย อู้เฉียงตกตะลึงเล็กน้อยเพราะอู้เฉียงในยามสามารถสัมผัสพลังที่อาเป่าปลดปล่อยออกมาได้ก่อนที่จะทำจิตให้สงบลง…

” พาพวกเราขึ้นฝั่งเดี๋ยวนี้…” ไป๋หลงกล่าวขึ้น

อาเป่าได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวตอบรับในทันที…

” รับบัญชา!! นายท่านและสหายของนายท่านขึ้นมาบนแผ่นหลังของข้าได้เลย ”

อาเป่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและทิ้งห่างจากเรือเรื่อยๆจนไม่สามารถมองเห็นเรือได้ด้วยตาเปล่า..และมุ่งหน้าขึ้นฝังในทันที….

” นี้เจ้าคิดอะไรอยู่ถึงใช้กระบวนท่าที่รุนแรงและอันตรายเช่นนั้น!! ” เสียงของเจ้าสำนักอัสนีแผดเสียงที่แฝงไปด้วยพลังชนชั้นระดับจักรพรรดิ์ ทำให้พลังของ ต๋าเฉิงและศิษย์โดยรอบปั่นป่วนในทันที….

” ไป๋หลงมีบางอย่างที่พวกท่านไม่เข้าใจแต่พลังธาตุแสงของไป๋หลงข้าต้องยอมรับเลยว่าชั่งลึกล้ำเสียจนข้าเกือบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่.. ” ต๋าเฉิงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีทีท่าจะสำนึกผิดแม้แต่น้อย

หวังฟาง เหอจิงหัว และศิษย์น้องเล็กกลับมาจากการตามหาไป๋หลงก่อนจะเอ่ยรายงานแก่เจ้าสำนัก..

” พวกเราตามหาไป๋หลงจนทั่วเรือรำนี้แล้วแต่ไม่แม้แต่เงาของไป๋หลงแม้แต่น้อยเป็นไปได้ว่าไป๋หลงจะออกจากเรือลำนี้ไปเรียบร้อยแล้ว.. ” เจ้าสำนักอัสนีได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวขึ้น..

” อะไรนะ!! ”

บริเวณใกล้ท่าเรือ..ไป๋หลงอู้เฉียง ฟา จี้กงและเว่ยเว่ย ขึ้นฝั่งภายในเวลาไม่กี่ร้อยอึดใจด้วยความเร็วระดับนี้ไป๋หลงตกตะลงมิใช่น้อยเพราะความเร็วเกือบจะเทียบเท่ากับการใช้ปีกของตัวเองด้วยซ้ำ..

” เว่ยเว่ย มะม๊า อยู่ใกล้ๆนี้หรือไม่? ” ไป๋หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ระแวงเล็กน้อย…เว่ยเว่ยสายหน้าเป็นการให้คำตอบทำให้ไป๋หลงเบาใจขึ้น…

” นายท่านข้าขอไปสำรวจบริเวณรอบๆนี้สักหน่อยเพื่อความปลอดภัยเดี๋ยวข้ากลับมา.. ” จี้กงเอ่ยขึ้นไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจเจตนาของจี้กงได้ภายในทันที…

” ได้แต่จงระวังตัวเอาไว้ด้วยถึงแม้เจ้าจะเป็นเผ่าเทพทหารสวรรค์!! แต่ในพื้นที่ระแวกนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพวกมารอย่าได้ทำอะไรบู่มบ่ามเป็นอันขาด…แล้วเจอกันที่โรงเตี๋ยมแสงจันทร์ ”

” รับบัญชานายท่าน.. ”

ฟึบ!!

จี้กงกล่าวจบก็หายไปในทันทีในขณะนั้นเองอู้เฉียงก็กล่าวขึ้น..

” เอาเป็นว่าเราไปหาโรงเตี๋ยมแสงจันทร์กันดีกว่าดูจากเมื่อกี้ผู้คนมากมายหลั่งไหลมาที่นี้เพราะที่นี่เป็นสถานที่พักสำหรับรอการเปิดรับสมัครของสถาบันเทพมาร…”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คล้อยตามองอู้เฉียงก่อนจะเอ่ยเหน็บแนมขึ้น..

” หืม?..ไม่คิดว่าเจ้าจะเริ่มรู้จักการวิเคราะห์เป็นด้วย..เอาหละเดินทางเข้าตัวเมืองกันได้แล้วดูท่าแล้วน่าจะใหญ่กว่าเมืองจรัสแสงราวๆ5เท่าละมั้ง!!”

อู้เฉียงอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้ไป๋หลงแต่ก็มิได้กล่าวสิ่งใด..

ระหว่างทางเดินนั่นเองไป๋หลงกล่าวถามฟาถึงเรื่องบางอย่าง..

” ฟา…เจ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่พระราชวังขององค์จักรพรรดิ์ถังหน่านเหิงได้หรือไม่ว่าคืนนั้นเจ้าพยามจะทำอะไรข้า? ” ไป๋หลงกล่าวขึ้นดวยความสงสัยเพราะในยามนั้นไป๋หลงไม่สามารถขัดขืนฟา ได้แม้แต่น้อย..

อู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็ปิดปากเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาส่วนฟาหน้าแดงระเรื่อในทันทีก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆ..

” คะ..คือว่าคืนนั้นมัน…คือพลังแฝงของข้าเมื่อยามใดก็ตามที่ดวงจันทร์เต็มดวง เนตรจันทรา!! ของข้าจะตื่นขึ้น ทำให้ข้ามีพลังในการปิดกั้นพลังของคนที่ข้าสัมผัสตัวซึ่งแน่นอนว่าเอลฟ์ทั่วไปไม่มีความสามารถเช่นนี้ จะมีก็แต่ ราชวงศ์ชั้นสูงของเอลฟ์เท่านั้น!! ”

ไป๋หลงหยุดเดินและหันมองฟาด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง..

” เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ!! ”

จบ…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท