เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่98 แสดงเจตจำนง 2

ตอนที่98 แสดงเจตจำนง 2

เหล่าผู้ชมต่างจับจ้องไปยังม่านน้ำอักขระขนาดใหญ่…ซึ้งตอนนี้เหล่าผู้เข้าแข่งขันเริ่มจับกลุ่มกัน5-6คนแต่ก็ยังมีการแบ่งแยกเผ่าพันธ์อย่างชัดเจนซึ้งไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย ซึ้งผู้นำของกลุ่มจะคัดสรรจากความแข็งแกร่งและความเป็นผู้นำและมีปัญญาที่หลักแหลม..ซึ้งเหล่าผู้ข้าแข่งขันต่างคิดรับมือและวางแผนล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว..

ภายในภูเขานั้นเมื่อเข้าไปแล้วจะไม่สามารถออกมาได้จนกว่าจะครบตามเวลาที่กำหนด เมื่อหมดเวลา เหล่าผู้เข้าสอบจะถูกส่งร่างออกมาไม่ว่าเป็นหรือตายก็ตาม!!

อย่างที่รู้ รู้กันว่าการสอบในครั้งนี้นั้นจะไม่มีการรับประกันชีวิตหรือการรับผิดชอบใดๆทั้นสิ้น ในภูเขาแห้งนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นขุสมบัติเลยก็ว่าได้…แต่ก็ยังมีสิ่งที่อันตรายอยู่ด้วยเช่นกันเป็นที่กักขังเหล่าอสูรและปีศาจร้ายต่างๆนาๆ ซึ้งหุบเขาแห่งนี้ก็ตามชื่อหุบเขาแห่งการจองจำ ไม่เฉพาะอสูรเท่านั้น มนุษย์ที่ทำความผิดร้ายแรงก็โดนจองจำไว้ที่แห่งนี้เช่นกัน!!

แน่นอนระดับพลังของเหล่าอสูรคืออสูรที่แท้จริง!! ทั้งสิ้น ตามตำนานเล่าว่าหุบเขาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ที่ยกระดับพลังตัวขึ้นอยู่ในขั้น เทพสงครามมขั้นปลาย!! ซึ้งมนุษย์ที่ขึ้นไปถึงขั้นได้เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน มีนามว่า เทพแห่งการทำลาย เห่ยเจี้ย !! ….ซึ้งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธในตอนนั้น..

ของวิเศษณ์มากมายถูกผนึกไว้ ณ ที่แห่งนี้ สาเหตุหลักที่ทำไมไม่มีผู้ใดเข้ามาค้นหาสืบค้นเพราะ ประกาศิต แห่งเห่ยเจี้ย ” ผู้ใดก็ตามที่มีจิตใจละโมภโลภมากจิตใจไม่บริสุทธิ์ใฝ่หาแต่พลังแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ออก..หวังอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตนจะต้องเกิดความวิบัติ ขึ้นกับตัวผู้นั้นและทั้งตระกูลจักต้องล่มสลายมลายสิ้นด้วยความโง่เขลา ” ประกาศิตนี้ถูกเขียนและสลักไว้ในภูเขาแห่งนี้..

นั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สมบัติมากมายยังไม่ถูกค้นพบแต่การสอบครั้งล่าสุดมีศิษย์หญิงคนนึงสามารถครอบครองของวิเศษณ์บางอย่าง!!ซึ้งได้มาจากหุบเขาแห่งนี้ซึ้งแน่นอนว่า สมบัติและของวิเศษณ์ทุกชิ้น เห่ยเจี้ยเป็นคนสร้างขึ้นเองทั้งสิ้น!!!

เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากในช่วงนั้น บางคนสงสัยและเกิดความอิจฉาตาร้อน ซึ้งหลังจากนั้นไม่นานศิษย์หญิงคนดังกล่าวก็ได้รับ ฉายาที่ศิษย์ในสถาบันเทพมารเมื่อได้ยินชื่อนี้ต่างสั่นสะท้านตามไปตามกัน ศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันเทพมาร!! ซึ้งของวิเศษณ์ที่นางนั้นได้มายังเป็นปริศนายังไม่เคยเห็นนางใช้ของวิเศษณ์ชิ้นนั้นในการต่อสู้แม้แต่น้อย…

ในตอนนี้ม่านน้ำอักขระได้ขึ้นชื่อผู้เข้าสอบทั้งหมดไว้และยังสามารถรับรู้ได้ด้วยว่าผู้เข้าสอบคนนั้นสังหารสิ่งใดได้หรือได้รับของวิเศษณ์จะสังเกตุได้เมื่อใดก็ตามที่ผู้เข้าสอบคนนั้น ได้รับสมบัติหรือของวิเศษณ์ จะปรากฏแสงสีทอง เรืองรองออกมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และถ้าเป็นสมุนไพร หรือ ของทั่วไป จะปรากฏแสงสีน้ำเงินขึ้นมา และใครก็ตามที่สิ้นลมหายใจลง ชื่อจะหายไปจากม่านน้ำขนาดใหญ่นี้ทันทีขณะนั้นเอง..

” เจ้าดูนั่นสิ ชื่อมันเริ่มหายไปทีละชื่อรึเปล่า? ” หนึ่งในผู้รับชมผ่านม่านน้ำอักขระกล่าวขึ้น..

” หืม? ใช้ตาฝาดรึเปล่านั้นมันชื่อของพวกหัวกะ… ” ชายผู้นั้นกล่าวไม่ทันจบก็ต้องตกตะลึงเมื่อรายชื่อนับสิบหายไปอย่างรวดเร็ว..

” เกิดอะไรขึ้น!! ม่านวารีทำไมยังไม่แสดงภาพของเหล่าผู้เข้าสอบ ”

ไม่นานม่านน้ำอักขระนับสิก็โผ่ลขึ้นมากลางอากาศ ปรากฏภาพของเหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างถูกไล่ล่าสังหารจากบางอย่าง…

องค์จักรพรรดิ์ซ้วนตี้ แห่งทวีปมืดกล่าวด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เศร้าหมอง..

” น่าเศร้ายิ่งนัก คิเมร่า!! สัตว์อสูรที่ถูกจองจำไว้เป็นเวลากว่าห้าร้อยปี ระดับพลังต่างกันเกินไปน่าสงสารเหล่าผู้เยาว์ที่มากความสามารถแต่กลับมาตกตายก่อนเพราะพลังยังไม่กล้าแกร่งพอ… ”

เมื่อเหล่าผู้คนที่อยู่รอบข้างได้ยินต่างก็ส่งเสียงออกมาด้วยควาตกตะลึง..

” อะไรนะ!! คิเมร่า อย่างงั้นรึ บ้าไปแล้ว!!! เมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว มันทำลายเมืองทั้งเมืองได้เพียงตัวเดียว ”

” ระดับพลังต่างกันเกินไป การทดสอบครั้งนี้ดูจะไม่ง่ายเหมือนที่คิดซะแล้ว ”

เหล่าผู้ชมต่างส่งเสียงด้วยความแตกตื่นผิดกับผู้อาวุโส และ เหล่าคณาศิษย์ที่ติดตามผู้อาวุโสชุดดำต่างเฝ้ามองด้วยแววตาเรียบเฉย..

” ท่านอาจารย์..ท่านคิดว่าจะมีผู้เข้าสอบคนไหนสามารถสยบ สัตว์อสูรตัวนั้นได้หรือไม่? ยกเว้น เผ่าเทพและมารบางตนเท่านั้น ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไปเป็นไปได้ยากมาก ” บุรุษหล่อเหล่าสวมใส่อาภรณ์สีขาวขริบทอง เส้น ผมสีม่วงพลิ้วไสวตามสายลม กล่าวขึ้นพลางจดจ้อง ม่ายน้ำอักขระ

” รอดูต่อไปเดี๋ยว ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันฮ่าๆๆๆ!! อาจจะมีบางอย่างที่ทำให้เจ้าและข้าต้องตกตะลึงก็เป็นได้ ” ผู้อาวุโสชุดดำกล่าวออกมาพลางหัวเราะออกมา …

ศิษย์ผู้นั้นดูจะแปลกใจไม่น้อยร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นอาจารย์ของตนหัวเราะร่าออกมาเช่นนี้มาก่อน…

ภายในหุบเขาจองจำ…….

” อ๊ากกกกกแขนข้า..ช่วยข้าด้วย!! ”

” บัดซบ!! นี้มันตัวบ้าอะไรกัน กระบวนท่าและอาวุธอักขระทำอะไรมันไม่ได้เลย จบเห่แน่ ”

” พวกเจ้า อย่าพึ่งยอมแพ้สิ ถ้าพวกเราไม่สู้มัน มันไล่ตามสังหารพวกเราเป็นแน่ มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!! ” ผู้เข้าสอบหญิงสาวใบหน้านั้นเต็มใบด้วยเลือดของพรรคพวกที่สาดกระเซ็นมาโดนใบหน้าแต่ก็ไม่สามารถปกปิดความงบงามของนางได้ ถึงแม้นางจะพูดไปเช่นนั้นแต่จะเอาชนะ สัตว์อสูรแบบนี้ เปรียบเสมือน หิ่งห้อยบินเข้ากองไฟเสียมากกว่า..แต่ก็ยังลุกขึ้นสู้สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่ชมอยู่จากด้านนอกพอสมควร..

” เหอะ!! อยากสู้เจ้าก็สู้ไปคนเดียวสิ..เอางี้เป็นไงเจ้าถ่วงเวลามันเอาไว้ให้พวกข้าหนีไปได้เช่นนี้เป็ไงเล่า ” เสียงของผู้เข้าทดสอบเอ่ยขึ้นเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว

” สารเลว!! ” ศิษย์หญิงเอ่ยขึ้นด้วยความเดือดดาล

ทันใดนั้น ผู้เข้าสอบที่ตามหลังมาใช้ฝ่ามือโจมตีเข้าที่แผ่นหลังอันขาวนวลของศิษย์หญิงผู้นั้นทันที…

ตึง!!

ศิษย์หญิงกระอักเลือดออกมาทำให้เสียการทรงตัวล่วงลงจากต้นไม้ที่เหยียบย่างก่อนจะล่วงลงและกระแทกพื้นแต่โชคดีที่นางนั้นสร้างม่านพลังคุ้มกันเอาไว้ตลอดเวลาทำให้แรงโจมตีเมื่อกี้อ่อนลงในระดับหนึ่ง…

” อึก!! พวกเจ้ามันสารเลว กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ” ศิษย์หญิงเอ่ยขึ้นพลางสถบออกมาด้วยความช้ำใจก่อนจะลุกยืนหยัดขึ้น..

ร่างสัตว์อสูรขนาดใหญ่จ้องลงมายังศิษย์หญิงผู้นั้นดวงตาแดงก่ำปีกข้างหลัง กระพือ ส่วนหางที่เป็นงูก็เตรียมที่จะพ่นพิษออกมาแผ่พลังระดับ ชนชั้น ราชันย์อสูรออกา!! เมื่อเทียบกับนางที่อยู่แค่ระดับ นักรบที่แท้จริง!! เปรียบเสมือนมดกับช้างเลยก็ว่าได้ ที่จะถูกบดขยี้ได้ตลอดเวลา..

” คิดว่าข้าจะยอมตายง่ายๆอย่างงั้นรึ!! แม้นข้าต้องตายข้าก็จะฝากลอยแผลไว้กับเจ้า ปลดปล่อยศาสตร์จิตวิญญาณ!! ” หญิงสาวกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่กึกก้องบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปในทันที..

ดาบสีแดงโลหิตเล่มหนึ่งกำลังออกมาจากมิติที่ว่างเปล่าเป็นศาตร์จิตวิญญาณโดยแท้จริง..

” ดาบโลหิต จงกลืนกิน!! ”

ดาบเล่มสีแดงฉานดูดเลือดบริเวณโดยรอบทั้งหมดจากผู้เข้าสอบที่ถูกสังหารไปและรวมถึงเลือดของตนเองอีกด้วย..

เหล่าผู้ชมต่างตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าในผู้เข้าแข่งขันจะมีผู้ที่ใช้ศาสตร์ตราจิตวิญญาญได้…ซึ้งในที่แห่งนี้มีผู้ที่สามารถใช้ศาสตร์ตราจิตวิญญาณนั้นได้น้อยมากๆ..

” ไม่น่าเชื่อ!! เด็กนั่นจะใช้ศาสตร์ตราจิตวิญญาณได้ เห็นทีต้องไปสืบข้อมูลของเด็กคนนี้ซะแล้ว ”

” อัจฉริยะโดยแท้ แม้นจะโดนพวกพ้องหักหลังแต่ก็ยังยืนหยัดสู้ น่าชื่นชม!! ”

แน่นอนว่าการแข่งทั้งหมดถูกจับตามองโดยเหล่าผู้อาวุโส ผู้เข้าสอบที่หักหลังพวกพ้องนั้นถูกปรับตกไปแล้วโดยไม่รู้ตัว…

แต่ดูเหมือนว่าอสูรตนนี้จะไม่แสดงท่าทีหวาดหวั่นอะไรเลยแม้แต่น้อยกลับกันมันราวกับสนุกที่เหยื่อของมันกำลังจะลุกขึ้นสู้ขณะนั้น คิเมร่า ก็ก็อ้าปากกว้างขึ้น เกิดเป็นลำแสงพุ่งตรงไปหาศิษย์หญิงผู้นี้ทันที..

” นี้มัน..แย่แล้ว!! ”

หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยความวิตกกังวลดาบโลหิตของนางนั้นก็ตามชื่อใช้เลือดเป็นพลังในการขับเคลื่อนพลังไร้เลือดก็ไร้พลัง กลับกันถ้าเลือดมหาศาลพลังของมันก็จะมหาศาลตามไปด้วย ซึ้งในตอนนี้นางนั้นเสียเลือดเยอะจนเกินไป…ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมาจากปากของ คิเมร่า ทันใดนั้นก็มีบางอย่างพุ่งออกมาจากป่า…

ตู้มมมมมมม!!

ลำแสงสีม่วงถูกปล่อยออกมาในระยะประชิดนางทำได้แค่ยกดาบโลหิตขึ้นมาป้องกันแค่นั้นนางคาดการณ์ไว้ว่า นางอาจจะบาดเจ็บซาหัสก็เป็นได้นางจึงรีดเค้นเลือดเพื่อส่งไปยังดาบโลหิต..ผ่านไปไม่กี่อึดใจนางเห็น เด็กหนุ่มผู้หนึ่งอายุไล่เลี่ยกัน เส้นผมสีดำมันวาว ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาสีแดงใส กำลังใช้แขน เปล่าๆ ตั้งรับการโจมตีไว้!!

มือเปล่า? หรือว่าเขาจะมีอาวุธพิเศษที่ใช้ป้องกัน ที่มือกัน? บ้าไปกันใหญ่แล้วแค่แขนข้างเดียวตั้งรับการโจมตีแบบนี้ได้ สัตว์ประหลาดชัดๆ

นางได้แต่คิดทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มตรงหน้าก็เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง…

” เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า? ข้าได้ยินเสียงการต่อสู้กันเลยรีบมาดูนึกว่าเป็นสหายของข้า..พอดีข้าพลัดหลงกับเพื่อนระหว่าทางนะ ฮ่าๆ ” เด็กหนุ่มที่เอ่ยขึ้นนั้นก็คือไป๋หลงนั้นเอง…ได้พลัดหลงกับอู้เฉียงและเว่ยเว่ยไปเสียแล้ว…

หลังจากกลุ่มควันหายไป หล่าผู้ชมเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าคิเมร่าตัวนั้น…ขณะนั้นเองเมื่อเห็นว่าเหยื่อของมันยังไม่ตายและมีแถมมีคนมาขัดขวางมัน ทำให้โทสะของมันพุ่งขึ้นไปอีก..คิเมร่าเตรียมจะโจมตีอีกรอบทันใดนั้นเอง เมื่อกลุ่มควันหายไป มันได้สบตากับไป๋หลงลึกลงไปภายในแววตาของไป๋หลง มีสัญลักษณ์ปีกสีดำทมิฬอยู่คู่หนึ่งหลับไหลอยู่!! เมื่อมันได้เห็น คิเมร่าตัวนั้นก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวเพียงได้มอง เหลือเพียงแค่…..

ความหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด!!!!

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท