ณ.โบสถศักดิ์ศิทธิ์ สาขาย่อยที่1
” นายท่าน…เรื่องที่เราโดนขับไล่ออกจากทวีปจรัสแสงมันทำให้โบสถ์ของเราเสื่อมเสียเกียรติยศอย่างร้ายแรง นายท่านจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ ” คนรับใช้เอ่ยขึ้นด้วยเดือดดาล
” ไม่ต้องรีบร้อนไป..ในไม่ช้าพวกมันจะได้เจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวงที่กล้าต่อต้านโบสถศักดิ์ศิทธิ์!! รอให้จบการคัดเลือกของสถาบันเทพมารเราจะดำเนินการต่อในทันที…แล้วเรื่องเมื่อเจ็ดเดือนก่อนรู้หรือไม่ใครเป็นผู้ครอบครอง พยัคฆ์สวรรค์ และ นกอัมต!!! ”
” เรียนนายท่านสายข่าวที่เราส่งไปเมื่อเจ็ดเดือนก่อนได้รับรายงานมาว่าเป็นเพียงแค่2ผู้เยาว์เท่านั้น!! ขอรับ ”
คนรับใช้เอ่ยขึ้นแทบจะไม่เชื่อข่าวที่ได้รับมาแต่สายข่าวที่ส่งไปรายงานตรงกันทั้งหมด…
ผู้เป็นนายได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มอันน่ารังเกียจออกมาในทันที…
” ดี…เราจะได้ลงมือได้ง่ายขึ้นสืบมาว่าเด็กคนนั้นเป็นใครแล้วจัดการสังหารมันซะแล้วรีบนำดวงจิตของพยัคฆ์สวรรค์และนกอัมตะมาให้เร็วที่สุด..เป็นแค่ผู้เยาว์สัตว์เทพอสูรศักดิ์ศิทธิ์คงเป็นไปได้ยากที่ผู้เยาว์2คนจะควบคุมได้ถือเป็นการดีสำหรับ..เมื่อเราได้สองดวงจิตนี้มาเมื่อไหร่พวกเราจะลบราชวงศ์จักรพรรดิ์แห่งทวีปจรัสแสงให้หายไปในทันที!!!! ”
ผู้เป็นนายกล่าวจบเหล่าคนรับใช้ที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านไปตามกัน…
” ขอรับพวกเราจะเริ่มทำเดินการให้เร็วที่สุด!! ”
เหล่าคนรับใช้กล่าวจบก็รีบสลายตัวกันไปในทันทีเหลือเพียงแค่บุรุษไวกลางคนสวมชุดสีขาวขริบทองจ้องมองไปบนท้องนภา..
” ชีวิตอันเป็นนิรันดร์..ใกล้เข้ามาแล้ว ”
………………………………………………….
ในห้องพักแห่งหนึ่งภายในสถาบันเทพมารที่ประดับประดาไปด้วยข้างของเครื่องใช้ของผู้หญิง
” เห้อถึงเวลาที่ข้าต้องออกไปดูการแข่งขันรอบสุดท้ายแล้วครบเวลาที่ข้าโดนสั่งห้ามออกจากที่พักพอดี…ให้ตายสิอาจารย์จะเคร่งเรื่อกฏเกิณฑ์เกินไปแล้ว หลินหลินผู้นี้ขอไปชมการสอบรอบสุดท้ายหน่อยก็แล้วกัน..นิมิตนั้นจะหมายถึงใครกันนะ (จากตอนที่60) ” หลินหลินหรืออีกชื่อหนึ่ง ศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันเทพมาร!!! กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดสอบสุดท้าย การปรุงยา…
หลังจากเว่ยเว่ยเกือบจะทำลายม่านพลังไป๋หลงอยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาจากไหนไม่มีใครอาจทราบได้มาห้ามเว่ยเว่ยไว้… ไป๋หลงถูกผู้อาวุโสชุดดำเชิญไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ้งแน่นอนว่ามีผู้อาวุโสหลายคนร่วมอยู่ด้วยไม่เว้นแม้แต่ผู้อาวุโส12ที่เคยทำข้อตกลงกับไป๋หลง…
ซึ้งแน่นอนว่าไป๋หลงบอกกล่าวข้อมูลแบบผิดๆไปว่าใช้ช่วงโอกาสตอนชายชราผู้นั้นเผลอและหลบหนีอย่างสุดกำลังซึ้งแน่นอนถ้าเป็นคนอื่นย่อมถูกกล่าวหาว่าโป้ปดแต่นี้คือเด็กหนุ่มที่สามารถล้มผู้เข้าสอบครึ่งหมื่นได้ผายในไม่กี่อึดใจ…ทำให้ไม่มีใครคัดค้าน
ไป๋หลงแสร้งถามไปว่าชายชราผู้นั้นเป็นใครแต่คำตอบที่ได้ไป๋หลงคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าถูกบ่ายเบี่ยง..ซึ้งเรื่องที่เว่ยเว่ยสำแดงพลังขนาดนั้นออกมาย่อมถูกตกเป็นเป้าจากขุมอำนาจต่างๆทำให้ผู้อาวุโส12ให้ผ่านได้โดยไม่ต้องสอบด่านทดสอบสุดท้าย…ไป๋หลงจึงเอ่ยถามขึ้นว่าการสอบรอบสุดท้ายคือสิ่งใด..หลังจากนั้นไป๋หลงออกมาจากห้องประชุมก็เจอกับเก๋อเก๋ออีกครั้งและพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ไป๋หลงจะปลีกตัวออกมา..
คำตอบที่ไป๋หลงได้ถึงกับทำให้ไป๋หลงหน้าบิดเบี้ยว…เพราะมันคือการสร้างเม็ดยาโอสถ!!!!
ซึ้งแน่นอนการสอบทุกอย่างไป๋หลงผ่านเกณฑ์หมดไม่ว่าจะเป็น การสอบอักขระ และการสอบเชิงกลยุทธไป๋หลงทำได้ยอดเยี่ยมทำให้ไป๋หลงเด็นสะดุดตาจนบางคนเริ่มจะอิจฉาริษยาอยู่พอสมควร…เผ่าเทพที่นำโดยชิเอลและมารที่นำโดยเมลผ่านทุกการสอบได้อย่างง่ายดายเหลือเพียงด่านทดสอบรอบสุดท้ายเท่านั้น…
ไป๋หลงในยามนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเตาปรุงยาและถอนหายใจอย่างหนักหน่วงรอเพียงสัญญาณเริ่มการแข่งเท่านั้นส่วนอู้เฉียงเคยมีประสบการด้านนี้มาก่อนจึงมิได้กังวลสิ่งใดส่วนเว่ยเว่ยรอไป๋หลงอยู่ในห้องรับรองที่สถาบันจัดเตรียมไว้ให้….
ย้อนกลับไปในหุบเขาจองจำ…
” อ้ากกกกกกกกกก!!! ร่างกายของข้ากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆหัวของข้าแทบจะระเบิดอยู่แล้ว” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและทรมาน..
” อย่าสำออยไปเจ้าหนู..ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เจ้าไปด้วย จงขอบคุณข้าซะสิ วิชาของข้าแข็งแกร่ที่สุดในสามโลก ฮ่าๆๆๆ!! ”
ชายชรากล่าวอย่างเบิกบานก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากครั้งก่อนๆ
” ไอหนูจำเอาไว้ในวิชาที่ข้าถ่ายทอดให้มีอยู่หนึ่งวิชาคือ จำแลงเงาเทพจักรพรรดิ์!!! ถ้าไม่อยากตายแบบสิ้นคิดอย่าใช้วิชานี้เด็ดขาด ถ้าเจ้ายังไม่บรรลุขั้นจักรพรรดิ์ที่แท้จริง ตามที่ข้าบอกไปอย่าทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด…ต่อไปนี้ เจ้าคือ จักพรรดิ์เงารุ่นที่2!! ในรอบเกือบหนึ่งหมื่นปีของข้า ”
ไป๋หลงต้องทรมานอยู่สักพักก่อนที่สติจะสงบลงก่อนจะถลึงตาใส่ชายชรา..
” นี้ท่านจะฆ่ารึยังไงกันแล้ววิชาพวกนี้มันอะไรกันมันจะโกงเกินไปแล้ว!!! ให้ตายเถอะ ” ไป๋หลงกล่าวบ่นออกมาเพราะไป๋หลงรู้ถึงเคล็ดวิชาต่างๆแต่ก็มิอาจฝึกฝนมันได้ในยามนี้เพราะมันอันตรายเกินไป..
” ผู้สืบทอดแห่งข้าอย่าบ่นเป็นคนแก่ไปเลย..รับนี้ไปแผ่นที่นี้จะนำเจ้าไปสู่ขุมพลังอีกแห่งหนึ่งเพราะอะไรที่ข้าถึงให้เจ้าเพราะข้าต้องการให้เจ้าเก่งกว่าไอแก่โง่9ตัวนั้นยังไงเล่า ฮ่าๆๆๆ!! ” ชายชราหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ..
ในยุทธภพนี้คงมีแค่ชายชราผู้นี้เท่านั้นที่อาจหาญเรียกจักรพรรดิ์ธาตุทั้ง9เช่นนั้น..ไป๋หลงรับมาแต่ก็มิได้เปิดอ่านก่อนจะเก็บไว้ภายในแหวนมิติ..
” ถ้าประมาทถึงตายนะข้าจะบอกเอาไว้เอาละไปได้แล้วดูเหมือนว่านอกหุบเขาจะเกิดเรื่องวุ่นวายม่านพลังโดนพลังอะไรสักอย่างโจมตีอยู่…อาจจะเป็นเด็กสาวนั้นเด็กผมสีแดงโลหิต…ให้ตายเถอะใครมันเอาสัตว์ประหลาดเช่นนั้นเข้ามากัน ไม่รู้หรือยังไงว่าเด็กนั่นยังไงก็เป็นอสูรชั้นสูงชัดๆ ให้ตายเถอะ คนชราอย่างข้าเผ่นแทบไม่ทัน..ข้าไม่อยากสู้กับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นหรอกข้าแก่แล้ว ” ชายชราเอ่ยพลางยิ้มร่า
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หมดความนับถือในทันที…ตาแก่นี้เป็นจักรพรรดิ์เงาจริงๆรึป่าวทันใดนั้นไป๋หลงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้..
” แย่แล้ว เว่ยเว่ย!!! ข้าต้องกลับขึ้นไป ” ไป๋หลงพยามเหยียบที่แท่นเคลื่อนย้ายแต่ทันใดนั้นชายชราก็กล่าวขึ้น…
” อย่าลืมสิว่าเจ้าคือจักรพรรดิ์เงา!!! เงาคือทุกอย่าง สรรพสิ่งล้วนมีเงา เงาคือความืดมิด เงามีอยู่ทั่วทุกที่ จักรพรรดิ์เงาย่อมเคลื่อนไหวดุจเงา…เข้าใจแล้วยัง เจ้าโง่เอ้ยเสียชื่อจักรพรรดิ์เงาหมด ไปๆ ไปได้แล้วข้าจะเพลิดเพลินกับสุราต่อ… ”
ไป๋หลงขบฟันแน่นก่อนตาจะเบิกกว้างขึ้น..ไป๋ทำสมาธิหลับตาเพ่งจิตไป๋หลงเห็นทุกสิ่งผ่านไง ไป๋หลงเลือกเงาของหนึ่งในคนที่เข้าสอบและใช้เงาของคนผู้นั้นเป็นทางผ่าน…
เงาล่องนภา!!!
ไป๋หลงสลายเป็นเงาดำไปในทันที..แต่ก่อนที่ไป๋หลงจะไปชายชราได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง..
” กลับมาอีกครั้งเมื่อถึงเวลา!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กำลังจะเอ่ยถามแต่สุดท้ายก็มิทันได้ถามถูกเคลื่อนย้ายด้วยวิชาของตัวเองในทันที..
ไป๋หลงดำนิ่งไปในเงาของสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดไป๋หลงสามารถเคลื่อนย้ายผ่านเงาสิ่งเหล่านั้นได้หมดก่อนที่ไป๋หลงจะโผล่ขึ้นผ่านเงาแต่ไม่มีบุคคลใดสังเกตุเห็น…และได้เข้าไปห้ามเว่ยเว่ยในทันทีสายตาทุกคู่จับจ้องไป๋หลงในบัดดล…
บัจจุบัน….
ไป๋หลงในยามนี้ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมากเหล่าผู้ชมและศิษย์มากมายจากสถาบันแห่งนี้ต่างเฝ้ามองผู้เข้าสอบราวๆ100ชีวิต..
” บัดซบเอ้ย..ใช้เม็ดยาโอสถอย่างเดียวแต่ไม่รู้วิธีสร้างเนี้ยนะบัดซบเอ้ยทำไงดีคิดสิไป๋หลงเจ้าเก่ง..เจ้าต้องทำได้คิดสิๆๆ จริงสิ อาจารย์!! ” ไป๋หลงกล่าวพึมพำกับตนเองราวกับคนเสียสติก่อนจะกล่าวเรียกอาจารย์ผ่านจิตที่เงียบหายไปนาน..
” อาจารย์ๆๆๆๆ อาจารย์ ได้ยินไหมมมมมมม ตอบข้าหน่อย!! ”
ขณะนั้นเองเสียงที่เต็มไปด้วยความเนื่อยหน่ายตอบกลับมา…
” เรียกข้าอยู่ได้ข้าไม่ว่าง..ข้านอนอยู่แร่ศักดิ์ศิทธิ์ที่เจ้าให้หมดแล้ว ขอเพิ่มหน่อนสิศิษย์รักแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่านสถาณ์การณ์นี้ไปเอง.. ” ขงจือเอ่ยขึ้น
” เรียกข้าอยู่ได้ข้าไม่ว่าง..ข้านอนอยู่แร่ศักดิ์ศิทธิ์ที่เจ้าให้หมดแล้ว ขอเพิ่มหน่อนสิศิษย์รักแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่านสถาณ์การณ์นี้ไปเอง.. ” ขงจือเอ่ยขึ้น
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาโดยทันที..
” ไม่มีทาง!!! ท่านใช้มันทำอะไรหมดช่างมันท่านอยู่เงียบๆไปเสียเถอะ ท่านมันหน้าเลือดศิษย์ขอช่วยก็ไม่ช่วยเหอะๆ ไม่มีทางซะหรอก ” ไป๋หลงเอ่ยตอบกลับไป ขงจือได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…
” นะ..นี้เจ้าพูดกับอาจารย์แบบนี้ได้ยังไง เอาตัวรอดเอาเองก็แล้ว ขี้เหนียวเอ้ยยย!!! ข้าไม่น่ามอบเทพวิชาเอาเจ้าเลย ” ขงจือกล่าวอย่างหัวเสียก่อนจะเงียบหายไป
ไป๋หลงจึงเอ่ยถามอาเป่า(จากตอนที่89) ที่เป็นสัตว์อสูรอรพิษเจ็ดสีโบราณที่อยู่มาเนิ่นนานไป๋หลงจึงตั้งความหวังเอาไว้สูง..
” อาเป่า..เจ้ามีความรู้เรื่องปรุงยาหรือไม่? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้น
ผ่านไปสักพักอาเป่าที่อยู่ในดวงจิตของไป๋หลงก็เอ่ยขึ้น
” ไม่เลยขอรับนายท่าน ตัวข้าเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษเท่านั้น ข้าต้องขออภัยที่มิอาจช่วยท่านได้ ” อาเป่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสลด..
” ไม่เป็นไรๆข้าแค่ถามเฉยๆเจ้าพักได้แล้ว ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้น.
อาเป่ากล่าวตอบก่อนจะเงียบหายไป…เหลือเพียงตัวเลือกสุดท้ายหลิงหลุน..
“หลิงหลุน..เจ้ – ” ไป๋หลงยังเอ่ยไม่ทันจบหลินหลินก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิในทันที
” นายท่าน…. ท่านถามถูกคนแล้วข้าหลินหลินพยัคฆ์สวรรค์ผู้นี้เมื่อครั้งอยู่บนสวรรค์ข้าได้แอบ ดูการปรุงโอสถของพวกเทพซึ้งข้าก็จำมันได้ทั้งหมดทุกกระบวนการ ข้าจดจำมันได้ขึ้นใจ!!!! ”
ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่าออกมาเหมือนคนโรคจิตในทันที..
” ข้าว่าแล้วเจ้าต้องช่วยข้าได้ว่ามาสิข้าต้องทำยังไงบ้าง… ”
หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความกระตือรือร้นและบอกทุกกระบวนการของการปรุงโอสถไป๋หลงได้ยินก็ถึงกับตาข้างขวากระตุกในทันที..
” นายท่าน ชื่อ กระบวนการปรุงนี้มีชื่อว่า วิบัติก่อเกิด!! ขอรับ ” หลิงหลุนกล่าวพลางส่ายหางไปหาด้วยความตื่นเต้นที่ได้บอกกล่าวถึงความฉลาดของตน..
ไป๋หลงเพียงได้ยินชื่อก็ยิ้มแห้งๆออกมาแล้วก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับหมดหวัง..
” วิบัติก่อเกิด..สินะ “