เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่103 จักรพรรดิเงา 3 จบ

ตอนที่103 จักรพรรดิเงา 3 จบ

ณ.โบสถศักดิ์ศิทธิ์ สาขาย่อยที่1

” นายท่าน…เรื่องที่เราโดนขับไล่ออกจากทวีปจรัสแสงมันทำให้โบสถ์ของเราเสื่อมเสียเกียรติยศอย่างร้ายแรง นายท่านจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ ” คนรับใช้เอ่ยขึ้นด้วยเดือดดาล

” ไม่ต้องรีบร้อนไป..ในไม่ช้าพวกมันจะได้เจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวงที่กล้าต่อต้านโบสถศักดิ์ศิทธิ์!! รอให้จบการคัดเลือกของสถาบันเทพมารเราจะดำเนินการต่อในทันที…แล้วเรื่องเมื่อเจ็ดเดือนก่อนรู้หรือไม่ใครเป็นผู้ครอบครอง พยัคฆ์สวรรค์ และ นกอัมต!!! ”

” เรียนนายท่านสายข่าวที่เราส่งไปเมื่อเจ็ดเดือนก่อนได้รับรายงานมาว่าเป็นเพียงแค่2ผู้เยาว์เท่านั้น!! ขอรับ ”

คนรับใช้เอ่ยขึ้นแทบจะไม่เชื่อข่าวที่ได้รับมาแต่สายข่าวที่ส่งไปรายงานตรงกันทั้งหมด…

ผู้เป็นนายได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มอันน่ารังเกียจออกมาในทันที…

” ดี…เราจะได้ลงมือได้ง่ายขึ้นสืบมาว่าเด็กคนนั้นเป็นใครแล้วจัดการสังหารมันซะแล้วรีบนำดวงจิตของพยัคฆ์สวรรค์และนกอัมตะมาให้เร็วที่สุด..เป็นแค่ผู้เยาว์สัตว์เทพอสูรศักดิ์ศิทธิ์คงเป็นไปได้ยากที่ผู้เยาว์2คนจะควบคุมได้ถือเป็นการดีสำหรับ..เมื่อเราได้สองดวงจิตนี้มาเมื่อไหร่พวกเราจะลบราชวงศ์จักรพรรดิ์แห่งทวีปจรัสแสงให้หายไปในทันที!!!! ”

ผู้เป็นนายกล่าวจบเหล่าคนรับใช้ที่ได้ยินต่างสั่นสะท้านไปตามกัน…

” ขอรับพวกเราจะเริ่มทำเดินการให้เร็วที่สุด!! ”

เหล่าคนรับใช้กล่าวจบก็รีบสลายตัวกันไปในทันทีเหลือเพียงแค่บุรุษไวกลางคนสวมชุดสีขาวขริบทองจ้องมองไปบนท้องนภา..

” ชีวิตอันเป็นนิรันดร์..ใกล้เข้ามาแล้ว ”

………………………………………………….

ในห้องพักแห่งหนึ่งภายในสถาบันเทพมารที่ประดับประดาไปด้วยข้างของเครื่องใช้ของผู้หญิง

” เห้อถึงเวลาที่ข้าต้องออกไปดูการแข่งขันรอบสุดท้ายแล้วครบเวลาที่ข้าโดนสั่งห้ามออกจากที่พักพอดี…ให้ตายสิอาจารย์จะเคร่งเรื่อกฏเกิณฑ์เกินไปแล้ว หลินหลินผู้นี้ขอไปชมการสอบรอบสุดท้ายหน่อยก็แล้วกัน..นิมิตนั้นจะหมายถึงใครกันนะ (จากตอนที่60) ” หลินหลินหรืออีกชื่อหนึ่ง ศิษย์ต้องห้ามแห่งสถาบันเทพมาร!!! กำลังมุ่งหน้าไปยังจุดสอบสุดท้าย การปรุงยา…

หลังจากเว่ยเว่ยเกือบจะทำลายม่านพลังไป๋หลงอยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาจากไหนไม่มีใครอาจทราบได้มาห้ามเว่ยเว่ยไว้… ไป๋หลงถูกผู้อาวุโสชุดดำเชิญไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ้งแน่นอนว่ามีผู้อาวุโสหลายคนร่วมอยู่ด้วยไม่เว้นแม้แต่ผู้อาวุโส12ที่เคยทำข้อตกลงกับไป๋หลง…

ซึ้งแน่นอนว่าไป๋หลงบอกกล่าวข้อมูลแบบผิดๆไปว่าใช้ช่วงโอกาสตอนชายชราผู้นั้นเผลอและหลบหนีอย่างสุดกำลังซึ้งแน่นอนถ้าเป็นคนอื่นย่อมถูกกล่าวหาว่าโป้ปดแต่นี้คือเด็กหนุ่มที่สามารถล้มผู้เข้าสอบครึ่งหมื่นได้ผายในไม่กี่อึดใจ…ทำให้ไม่มีใครคัดค้าน

ไป๋หลงแสร้งถามไปว่าชายชราผู้นั้นเป็นใครแต่คำตอบที่ได้ไป๋หลงคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าถูกบ่ายเบี่ยง..ซึ้งเรื่องที่เว่ยเว่ยสำแดงพลังขนาดนั้นออกมาย่อมถูกตกเป็นเป้าจากขุมอำนาจต่างๆทำให้ผู้อาวุโส12ให้ผ่านได้โดยไม่ต้องสอบด่านทดสอบสุดท้าย…ไป๋หลงจึงเอ่ยถามขึ้นว่าการสอบรอบสุดท้ายคือสิ่งใด..หลังจากนั้นไป๋หลงออกมาจากห้องประชุมก็เจอกับเก๋อเก๋ออีกครั้งและพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่ไป๋หลงจะปลีกตัวออกมา..

คำตอบที่ไป๋หลงได้ถึงกับทำให้ไป๋หลงหน้าบิดเบี้ยว…เพราะมันคือการสร้างเม็ดยาโอสถ!!!!

ซึ้งแน่นอนการสอบทุกอย่างไป๋หลงผ่านเกณฑ์หมดไม่ว่าจะเป็น การสอบอักขระ และการสอบเชิงกลยุทธไป๋หลงทำได้ยอดเยี่ยมทำให้ไป๋หลงเด็นสะดุดตาจนบางคนเริ่มจะอิจฉาริษยาอยู่พอสมควร…เผ่าเทพที่นำโดยชิเอลและมารที่นำโดยเมลผ่านทุกการสอบได้อย่างง่ายดายเหลือเพียงด่านทดสอบรอบสุดท้ายเท่านั้น…

ไป๋หลงในยามนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเตาปรุงยาและถอนหายใจอย่างหนักหน่วงรอเพียงสัญญาณเริ่มการแข่งเท่านั้นส่วนอู้เฉียงเคยมีประสบการด้านนี้มาก่อนจึงมิได้กังวลสิ่งใดส่วนเว่ยเว่ยรอไป๋หลงอยู่ในห้องรับรองที่สถาบันจัดเตรียมไว้ให้….

ย้อนกลับไปในหุบเขาจองจำ…

” อ้ากกกกกกกกกก!!! ร่างกายของข้ากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆหัวของข้าแทบจะระเบิดอยู่แล้ว” ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดและทรมาน..

” อย่าสำออยไปเจ้าหนู..ข้าถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เจ้าไปด้วย จงขอบคุณข้าซะสิ วิชาของข้าแข็งแกร่ที่สุดในสามโลก ฮ่าๆๆๆ!! ”

ชายชรากล่าวอย่างเบิกบานก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากครั้งก่อนๆ

” ไอหนูจำเอาไว้ในวิชาที่ข้าถ่ายทอดให้มีอยู่หนึ่งวิชาคือ จำแลงเงาเทพจักรพรรดิ์!!! ถ้าไม่อยากตายแบบสิ้นคิดอย่าใช้วิชานี้เด็ดขาด ถ้าเจ้ายังไม่บรรลุขั้นจักรพรรดิ์ที่แท้จริง ตามที่ข้าบอกไปอย่าทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด…ต่อไปนี้ เจ้าคือ จักพรรดิ์เงารุ่นที่2!! ในรอบเกือบหนึ่งหมื่นปีของข้า ”

ไป๋หลงต้องทรมานอยู่สักพักก่อนที่สติจะสงบลงก่อนจะถลึงตาใส่ชายชรา..

” นี้ท่านจะฆ่ารึยังไงกันแล้ววิชาพวกนี้มันอะไรกันมันจะโกงเกินไปแล้ว!!! ให้ตายเถอะ ” ไป๋หลงกล่าวบ่นออกมาเพราะไป๋หลงรู้ถึงเคล็ดวิชาต่างๆแต่ก็มิอาจฝึกฝนมันได้ในยามนี้เพราะมันอันตรายเกินไป..

” ผู้สืบทอดแห่งข้าอย่าบ่นเป็นคนแก่ไปเลย..รับนี้ไปแผ่นที่นี้จะนำเจ้าไปสู่ขุมพลังอีกแห่งหนึ่งเพราะอะไรที่ข้าถึงให้เจ้าเพราะข้าต้องการให้เจ้าเก่งกว่าไอแก่โง่9ตัวนั้นยังไงเล่า ฮ่าๆๆๆ!! ” ชายชราหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ..

ในยุทธภพนี้คงมีแค่ชายชราผู้นี้เท่านั้นที่อาจหาญเรียกจักรพรรดิ์ธาตุทั้ง9เช่นนั้น..ไป๋หลงรับมาแต่ก็มิได้เปิดอ่านก่อนจะเก็บไว้ภายในแหวนมิติ..

” ถ้าประมาทถึงตายนะข้าจะบอกเอาไว้เอาละไปได้แล้วดูเหมือนว่านอกหุบเขาจะเกิดเรื่องวุ่นวายม่านพลังโดนพลังอะไรสักอย่างโจมตีอยู่…อาจจะเป็นเด็กสาวนั้นเด็กผมสีแดงโลหิต…ให้ตายเถอะใครมันเอาสัตว์ประหลาดเช่นนั้นเข้ามากัน ไม่รู้หรือยังไงว่าเด็กนั่นยังไงก็เป็นอสูรชั้นสูงชัดๆ ให้ตายเถอะ คนชราอย่างข้าเผ่นแทบไม่ทัน..ข้าไม่อยากสู้กับสัตว์ประหลาดเช่นนั้นหรอกข้าแก่แล้ว ” ชายชราเอ่ยพลางยิ้มร่า

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็หมดความนับถือในทันที…ตาแก่นี้เป็นจักรพรรดิ์เงาจริงๆรึป่าวทันใดนั้นไป๋หลงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้..

” แย่แล้ว เว่ยเว่ย!!! ข้าต้องกลับขึ้นไป ” ไป๋หลงพยามเหยียบที่แท่นเคลื่อนย้ายแต่ทันใดนั้นชายชราก็กล่าวขึ้น…

” อย่าลืมสิว่าเจ้าคือจักรพรรดิ์เงา!!! เงาคือทุกอย่าง สรรพสิ่งล้วนมีเงา เงาคือความืดมิด เงามีอยู่ทั่วทุกที่ จักรพรรดิ์เงาย่อมเคลื่อนไหวดุจเงา…เข้าใจแล้วยัง เจ้าโง่เอ้ยเสียชื่อจักรพรรดิ์เงาหมด ไปๆ ไปได้แล้วข้าจะเพลิดเพลินกับสุราต่อ… ”

ไป๋หลงขบฟันแน่นก่อนตาจะเบิกกว้างขึ้น..ไป๋ทำสมาธิหลับตาเพ่งจิตไป๋หลงเห็นทุกสิ่งผ่านไง ไป๋หลงเลือกเงาของหนึ่งในคนที่เข้าสอบและใช้เงาของคนผู้นั้นเป็นทางผ่าน…

เงาล่องนภา!!!

ไป๋หลงสลายเป็นเงาดำไปในทันที..แต่ก่อนที่ไป๋หลงจะไปชายชราได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง..

” กลับมาอีกครั้งเมื่อถึงเวลา!! ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กำลังจะเอ่ยถามแต่สุดท้ายก็มิทันได้ถามถูกเคลื่อนย้ายด้วยวิชาของตัวเองในทันที..

ไป๋หลงดำนิ่งไปในเงาของสิ่งมีชีวิตต่างๆไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดไป๋หลงสามารถเคลื่อนย้ายผ่านเงาสิ่งเหล่านั้นได้หมดก่อนที่ไป๋หลงจะโผล่ขึ้นผ่านเงาแต่ไม่มีบุคคลใดสังเกตุเห็น…และได้เข้าไปห้ามเว่ยเว่ยในทันทีสายตาทุกคู่จับจ้องไป๋หลงในบัดดล…

บัจจุบัน….

ไป๋หลงในยามนี้ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมากเหล่าผู้ชมและศิษย์มากมายจากสถาบันแห่งนี้ต่างเฝ้ามองผู้เข้าสอบราวๆ100ชีวิต..

” บัดซบเอ้ย..ใช้เม็ดยาโอสถอย่างเดียวแต่ไม่รู้วิธีสร้างเนี้ยนะบัดซบเอ้ยทำไงดีคิดสิไป๋หลงเจ้าเก่ง..เจ้าต้องทำได้คิดสิๆๆ จริงสิ อาจารย์!! ” ไป๋หลงกล่าวพึมพำกับตนเองราวกับคนเสียสติก่อนจะกล่าวเรียกอาจารย์ผ่านจิตที่เงียบหายไปนาน..

” อาจารย์ๆๆๆๆ อาจารย์ ได้ยินไหมมมมมมม ตอบข้าหน่อย!! ”

ขณะนั้นเองเสียงที่เต็มไปด้วยความเนื่อยหน่ายตอบกลับมา…

” เรียกข้าอยู่ได้ข้าไม่ว่าง..ข้านอนอยู่แร่ศักดิ์ศิทธิ์ที่เจ้าให้หมดแล้ว ขอเพิ่มหน่อนสิศิษย์รักแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่านสถาณ์การณ์นี้ไปเอง.. ” ขงจือเอ่ยขึ้น

” เรียกข้าอยู่ได้ข้าไม่ว่าง..ข้านอนอยู่แร่ศักดิ์ศิทธิ์ที่เจ้าให้หมดแล้ว ขอเพิ่มหน่อนสิศิษย์รักแล้วข้าจะช่วยเจ้าให้ผ่านสถาณ์การณ์นี้ไปเอง.. ” ขงจือเอ่ยขึ้น

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาโดยทันที..

” ไม่มีทาง!!! ท่านใช้มันทำอะไรหมดช่างมันท่านอยู่เงียบๆไปเสียเถอะ ท่านมันหน้าเลือดศิษย์ขอช่วยก็ไม่ช่วยเหอะๆ ไม่มีทางซะหรอก ” ไป๋หลงเอ่ยตอบกลับไป ขงจือได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าบิดเบี้ยวในทันที…

” นะ..นี้เจ้าพูดกับอาจารย์แบบนี้ได้ยังไง เอาตัวรอดเอาเองก็แล้ว ขี้เหนียวเอ้ยยย!!! ข้าไม่น่ามอบเทพวิชาเอาเจ้าเลย ” ขงจือกล่าวอย่างหัวเสียก่อนจะเงียบหายไป

ไป๋หลงจึงเอ่ยถามอาเป่า(จากตอนที่89) ที่เป็นสัตว์อสูรอรพิษเจ็ดสีโบราณที่อยู่มาเนิ่นนานไป๋หลงจึงตั้งความหวังเอาไว้สูง..

” อาเป่า..เจ้ามีความรู้เรื่องปรุงยาหรือไม่? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้น

ผ่านไปสักพักอาเป่าที่อยู่ในดวงจิตของไป๋หลงก็เอ่ยขึ้น

” ไม่เลยขอรับนายท่าน ตัวข้าเชี่ยวชาญด้านการใช้พิษเท่านั้น ข้าต้องขออภัยที่มิอาจช่วยท่านได้ ” อาเป่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสลด..

” ไม่เป็นไรๆข้าแค่ถามเฉยๆเจ้าพักได้แล้ว ” ไป๋หลงเอ่ยขึ้น.

อาเป่ากล่าวตอบก่อนจะเงียบหายไป…เหลือเพียงตัวเลือกสุดท้ายหลิงหลุน..

“หลิงหลุน..เจ้ – ” ไป๋หลงยังเอ่ยไม่ทันจบหลินหลินก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันภาคภูมิในทันที

” นายท่าน…. ท่านถามถูกคนแล้วข้าหลินหลินพยัคฆ์สวรรค์ผู้นี้เมื่อครั้งอยู่บนสวรรค์ข้าได้แอบ ดูการปรุงโอสถของพวกเทพซึ้งข้าก็จำมันได้ทั้งหมดทุกกระบวนการ ข้าจดจำมันได้ขึ้นใจ!!!! ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มร่าออกมาเหมือนคนโรคจิตในทันที..

” ข้าว่าแล้วเจ้าต้องช่วยข้าได้ว่ามาสิข้าต้องทำยังไงบ้าง… ”

หลิงหลุนได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความกระตือรือร้นและบอกทุกกระบวนการของการปรุงโอสถไป๋หลงได้ยินก็ถึงกับตาข้างขวากระตุกในทันที..

” นายท่าน ชื่อ กระบวนการปรุงนี้มีชื่อว่า วิบัติก่อเกิด!! ขอรับ ” หลิงหลุนกล่าวพลางส่ายหางไปหาด้วยความตื่นเต้นที่ได้บอกกล่าวถึงความฉลาดของตน..

ไป๋หลงเพียงได้ยินชื่อก็ยิ้มแห้งๆออกมาแล้วก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงราวกับหมดหวัง..

” วิบัติก่อเกิด..สินะ “

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท