เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่123 หอคอยต้องสาป 1

ตอนที่123 หอคอยต้องสาป 1

หลังจากอู้เฉียงและเหล่าสมาชิกกองกำลังปีกสวรรค์ทั้งหมดออกมาทุกคนถูกยกระดับความแข็งแกร่งขึ้นจาก กล่องย่นเวลาที่ไป๋หลงได้สร้างขึ้น…

ทั้งหมดได้รู้ความจริงจากปากของเหิงฟู..หลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บ จางลี่ใช้เวลารักษาอีกสักระยะเพราะบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตี..ซ้ำร้ายระดับพลังที่ยังไม่ถึงขั้นทำให้ทนรับพลังการโจมตีดังกล่าวได้…

” บัดซบ!! พวกนั้นแน่มากที่กล้ามาหยามหน้าพวกเราแบบนี้…หากพี่ใหญ่ไปช่วยไว้ไม่ทันละก็… “กังเหอกล่าวขึ้นอย่างเดือดดาล

เหล่าสมาชิกกองกำลังปีกสวรรค์ก็ต่างแสดงความไม่พอใจออกมาเช่นกัน..

ภายในห้องพักของไป๋หลงที่ยามนี้กำลังรักษาบาดแผลจากกังจักรทมิฬดังกล่าว..

” ความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลของข้า..ยังมิอาจรักษาบาดแผลนี้ได้โดยทันที..ร้ายกาจนัก!! ”

ไป๋กลงกล่าวขบคิดก่อนจะจดจ้องไปยังตรีศูลสีแดงที่ตั้งพิงอยู่กับผนังห้องกำลังส่งเสียงเอะโวยวายตลอดเวลา…

” เอ้ยๆๆๆ..ข้าเป็นถึงเทพศาสตร์ตรา..นี้เจ้ากล้านำข้ามาวางพิงไว้กับฝาผนังงั้นรึ..บัดซบ!! ”

ไป๋หลงหาได้สนใจเสียงเอะอะโวยวายไปมา…ก่อนจะเรียกอู้เฉียงเข้ามาพูดคุยเพื่อวางแผนการที่เหลือ

” อู้เฉียง..งูขาวของเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้น

เมื่ออู้เฉียงได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าปั้นยากก่อนจะกล่าวตอบออกมา..

” ใช่แต่หลังจากข้า..พูดคุยกับนางเรื่องนั้น..นางก็ไม่ยอมตอบรับข้าอีกเลย ”

ไป๋หลงพอจะเข้าใจเรื่องราวดั่งกล่าวจึงขอให้อู้เฉียงเรียก เฟยเฟย ออกมา..

ไม่นานเฟยเฟย ก็ยอมออกมาแต่เป็นเพราะไป๋หลงขอเท่านั้น..

” เฟยเฟย..พลังของเจ้าในตอนนี้อยู่ระดับใด? ”

เฟยเฟยในร่างของหญิงสาวผมขาวรูปร่างสง่าสมอิสตรีแม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ก็ตาม…

” เรียนท่านไป๋หลง..ระดับพลังของข้าชนชั้นระดับราชันย์ ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คิดวิเคราะห์..ซึ้งแน่นอนระดับชนชั้นราชันย์ของมนุษย์เมื่อเทียบกับระดับพลังราชันย์อสูรยังยังมิอาจนำม่เปรียบเทียบกันได้ด้วยซ้ำ..อาจจะต้องใช้ชนชั้นราชันย์2-3คนต่อการปะทะกับพลังระดับราชันย์อสูร!!!!

” ระหว่างที่พวกเราไม่อยู่ข้าจะสร้างค่ายกลปกป้องที่แห่งนี้เอาไว้เพื่อไม่ให้ใคร..แอบลอบเข้ามาระหว่างที่พวกเราไม่อยู่ซึ้งแน่นอนว่า..ข้าอยากให้เจ้าเป็นผู้ถือกุญแจเปิดปิดกลไกค่ายกลแห่งนี้.. ”

ไป๋หลงกล่าวอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้..ซึ้งถ้าตัว เฟยเฟยไม่อยากทำหน้าที่นี้ไป๋หลงก็คงต้องหาวิธีอื่น..

” ข้าตกลงข้าจะเป็นคนเปิด-ปิดค่ายกลที่ท่านจะสร้างขึ้นเอง..ข้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับอู้เฉียงตลอดเวลา!!! ”

เฟยเฟยชายตามองอู้เฉียงชั่วครู่เท่านั้น…อู้เฉียงยิ่งแสดงสีหน้าปั้นยากเข้าไปอีกนี้เป็นครั้งแรกที่นางเรียกชื่อตน..แทนคำว่าสามี!!

ไป๋หลงได้ยินเช่นก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีแต่ตนนั้น..ไม่อาจไปยุ่งเกี่ยวได้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องหาทางแก้และปรับความเข้าใจกันเอาเอง…

หลังจากนั้นไป๋หลงก็ออกจากห้องพักเพื่อสร้างค่ายกลให้เสร็จภายในวันนี้..เพราะพรุ้งนี้ไป๋หบงตั้งใจจะเข้าห้องเรียนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามา..เพื่อหาความแปลกใหม่..

” เฟยเฟยข้า… ” อู้เฉียงพยามจะเอ่ยถามขึ้น..

” ข้าไม่มีอะไรต้องคุยกับท่าน!! ข้าขอตัว ” เฟนเฟยไม่ได้กลับเข้าไปในตราพันธะสัญญาแต่เลือกที่จะเดินออกไปจากตรงหน้าอู้เฉียงเหลือเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้นที่กำลังสับสนกับตนเอง…

หลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก….

ไป๋หลงได้เข้าศึกษาศาสตร์ทุกแขนง..แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีศาสตร์ไหนที่ไป๋หลงให้ความสนใจเป็นพิเศษ..แม้กระทั่งปรุงยาไป๋หลงหาได้สนใจไม่..คงจะต้องหาวิธีเข้าไปในสถานที่ของศิษย์สายในเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม..

ระหว่างนั้นไป๋หลงได้เดินเข้าในหอสมุดกลางที่เป็นเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นที่เหล่าศิษย์ทุกชั้นปีสามารถใช้ร่วมกันได้..ปกติสถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีผู้คนยิ่งวันที่หอคอยเทพสถิตจะเปิดออก..ทำให้เหล่าศิษย์ต่างเก็บตัวเสียมากกว่า…

ไป๋หลงเดินเข้ามาก็พบกับบรรณารักษ์สาวที่คอยให้คำแนะนำ..

” หายากนะ..ที่จะมีคนมาใช้ห้องสมุดในช่วงเวลานี้..ลงชื่อในใบนี้แล้วเข้าไปได้.. ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นพลางยื่นกระดาษให้ไป๋หลงชื่อ..

” เข้าใจแล้ว..ว่าแต่ว่าในหอสมุดแห่งนี้มีหนังสือเกี่ยวกับหอคอยรึเปล่า? ” ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้นระหว่างเซ็นชื่อ..

” เจ้าหมายถึงหอคอยเทพสถิต? ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นพลางมองตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่…ไม่ใช่เพื่อดูถูกเหยียดหยามแต่เพื่อสำรวจบางอย่าง..

” ตามมาสิ.. ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเก็บใบที่ไป๋เซ็นชื้อไว้และเดินนำหน้าไป๋หลงระหว่างทางเดินไป๋หลงสังเกตุเห็นลวดลายต่างๆมากมายตามผนังแถมยังมีลวดลายสมัยเผ่าเทพเป็นผู้ปกครองโลกเบื้องล่างอีกด้วย!!!

” ลวดลายพวกนี้ใครเป็นคนวาดกัน?… ”

ไป๋หลงเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยและตะหงิดใจบางอย่าง..

” ลวดลายพวกนั้น..เทพองค์หนึ่งเป็นคนวาดไว้เมื่อนานมาแล้ว!!! ”

บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมจนไป๋หลงจับสังเกตุบางอย่างได้

” ถึงแล้ว…จะทำอะไรก็รีบทำ..ข้าเห็นเจ้าเป็นศิษย์ลำดับที่1 ข้าเลยอนุญาติเจ้าเป็นพิเศษโดยปกติแล้วจะไม่มีศิษย์คนใดได้เข้าไป!! ”

ไป๋หลงได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดในทันที..

” นี้เจ้ารู้? ”

ไป๋หลงเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจมิใช่น้อย..

” รีบเข้าไปได้แล้ว ” บรรณารักษ์สาวเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินกลับไปทิ้งให้ไป๋หลงยังคงตกตะลึงว่ารู้ได้ยังไงกันไม่มีทางที่บรรณารักษ์อย่างนางจะรู้ ดูจากอาหารที่กินเสร็จแล้วตั้งไว้…นางยังไม่ได้ออกไปไหนแน่

ไป๋หลง..สลัดความคิดทิ้งไปก่อนจะเข้าไปด้านใน..ภายในนั้นประกอบไปด้วยหนังสือมากมายประมาณด้วยสายตาราวๆหมื่นเล่ม!!! ชั้นหนังสือในแต่ละชั้นถูกวางตั้งไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยแม้แต่ฝุ่นก็ไม่มีแม้แต่น้อย..

” หนังสือมากมายขนาดนี้..คงช่วยไม่ได้ต้องหาทีละเล่มก็แล้วกัน ”

ไป๋หลงเลือกหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่มจากชั้นวาง..ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้น..

” เจอแล้ว!! ประวัติหอคอยทั่วโลก และ ลักษณะทั่วไป ของหอคอย ” ไป๋หลงอ่านไปเรื่อยก่อนจะสังเกตุว่าหนังสือที่ตั้งใกล้กันก็เกี่ยวกับหอคอยเช่นกัน!!!

ไป๋หลงคิ้วขมวดก่อนจะดูหนังสือไปทีละเล่มๆจนทั่วทั้งชั้น..

” หนังสือในห้องนี้ทั้งหมดอย่าบอกนะว่า..เกี่ยวกับหอคอยทั้งหมด!! ”

ทั้งวันไป๋หลงขลุกอยู่กับหนังสือพวกนี้..ทั้งประเภทของหอคอย ประวัติ และ ลำดับชั้นทั้งหมดของหอคอยทั่วไปคือ 120 ชั้น ส่วนหอคอยอีกประเภทคือหอคอยพิเศษมีถึง 200 ชั้น ไป๋หลงอ่านมาถึงจุดนี้ก็ เห็นถึงความแตกต่าง…

หอคอยแบบพิเศษยังมีแบ่งแยกประเภทไปอีก นอกจากหอคอย เทพสถิต ณ สถาบันแห่งนี้ยังมีหอคอยมังกร และ หอคอยอีกมากมายภายในยุทธภพ ซึ้งหอคอยที่เกิดขึ้นตกทอดมาจากยุคบรรพกาล….ระหว่างที่ไป๋หลงอ่านอยู่นั้นเองไป๋หลงสะดุดชื่อหอคอยและประวัติของมัน…

” หอคอยต้องสาป!! เป็นหอคอยเพียงแห่งเดียวที่ถูกสร้างขึ้นโดย เทพมารที่แข็งแกร่งที่สุด.. สร้างไว้เพื่อนำสมบัติและของบางอย่างเฝ้ารอผู้เหมาะสม..แต่ถึงกระนั้นผู้ที่เข้าไปในหอคอยล้วนไม่ได้กลับออกมาแม้แต่คนเดียว..แม้แต่ราชวงศ์เผ่ามารก็ตาม!! อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยพลังแห่งบรรพกาล ชื่อของเทพมารที่สร้างหอคอยต้องสาปขึ้นคือ……. ”

ไป๋หลงอ่านมาจนถึงช่วงสุดท้ายปรากฏว่าตรงชื่อของผู้สร้างหอคอยตรงส่วนนั้นโดนฉีกออกไป!!…

ไรท์ – ต่อจากนี้จะไม่ค่อยมีฉากบู๊จนกว่าจะถึงช่วงเข้าหอคอยเทพสถิต..จะเป็นการอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ซะมากกว่า

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท