เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่ 336 จุดสิ้นสุดของสงคราม 3 จบ

ตอนที่ 336 จุดสิ้นสุดของสงคราม 3 จบ

สภาพแวดล้อมโดยรอบกำลังแปรเปลี่ยนจนอู้เฉียงเบิกตากว้างออกมาพร้อมกับความตื่นเต้น..

“ ไป๋หลงเจ้าต้องไม่เชื่อแน่ว่าข้าเจอกับอะไร… ”

สาเหตุที่อู้เฉียงกล่าวขึ้นพลางนึกถึงไป๋หลงแน่นอนว่าสิ่งที่อู้เฉียงพบเจอคือกองสมบัติจำนวนมหาศาล..แก้วแหวน เงินทอง ตลอดจนตำรายุทธเก่าแก่..และศาสตราวุธที่ถูกตั้งเรียงรายเอาไว้…

“ ข้าไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเจ้านั่น มาเจอกองสมบัติขนาดนี้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา… ”

อู้เฉียงส่ายหน้าไปมากับความคิดของไป๋หลง…ซึ่งอู้เฉียงย่อมคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแน่นอนจากอุปนิสัยของไป๋หลง…

“ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนกันแน่… ”

“ ที่นี่ก็คือคลังสมบัติลับของจักรพรรดิ์รุ่นก่อนหน้านี้ละมั้ง…เพราะอาณาจักรแห่งนี้ล่มสลายลงเนื่องจากภัยพิบัติธรรมชาติ…อาจเป็นไปได้ว่าม่านพลังที่ป้องกันมวลน้ำมหาศาลเอาไว้..มีไว้เพื่อปกป้องคลังสมบัติแม้เจ้าของอย่างจักรพรรดิ์ผู้เป็นเจ้าของจะตายไปแล้วก็ตามที… ”

เมดูซ่าเอ่ยปากบอกอู้เฉียงพลางเดินสำรวจโดยรอบ…

“ ไม่มีกับดักใดๆทั้งสิ้น…แต่ก็น่าแปลกม่านพลังที่ปกป้องคลังสมบัติแห่งนี้..ไม่น่าจะปกป้องสมบัติทั่วไปเป็นแน่อาจจะมีอะไรมากกว่านั้นก็เป็นได้…แต่ทำไมทุกอย่างมันถึงดูธรรมดาเกินไป… ”

สิ่งที่เมดูซ่าคิดอยู่ภายในใจตอนนี้คือความสงสัย ณ สถานแห่งนี้…ม่านพลังนี้ปกป้องสิ่งใดกันแน่..ในขณะนั้นเองดูเหมือนว่าอู้เฉียงจะเจอเข้ากับบางอย่าง…

“ ท่านเมดูซ่า สิ่งนี้คืออะไรอย่างงั้นหรือ? ข้าเห็นมันเป็นลูกแก้วสีส้มตั้งไว้ข้าเลยหยิบขึ้นมาดู.. ”

อู้เฉียงกล่าวถามเมดูซ่าด้วยความสงสัย..แต่เมดูซ่ากลับแสดงท่าทีที่แปลกประหลาดออกไป ดวงตาเบิกกว้างพร้อมกับสัญชาติญาณที่บ่งบอกถึง ความอันตราย!!!

“ เอามันออกไปไกลข้าเดี๋ยวนี้!! ”

ตู้มมม!!!

เมดูซ่าเผลอระเบิดพลังออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ..เฟิงหวงที่อยู่ในสภาวะหลับไหลชั่วคราวในตอนนี้ไม่อาจจะออกมาช่วยอู้เฉียงได้..ถ้าเป็นปกติอู้เฉียงคงถูกแรงกดดันจากความต่างของชนชั้นพลังจนต้องร่างกายระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ..แต่ทว่า ลูกแก้วสีส้มกลับเปล่งแสงสว่างจ้าออกมาปกป้องอู้เฉียงจากการระเบิดพลังของเมดูซ่า…

พลังที่เมดูซ่าเผลอระเบิดออกมาถูกทำให้สลายไปในทันที…

“ ข้าขอโทษ… ”

นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปี ที่เมดูซ่านั้นกล่าวขอโทษออกมา..แม้แต่อู้เฉียงก็ทำตัวไม่ถูกก่อนจะตั้งลูกแก้วนั้นไว้ที่เดิมแต่ทว่า…

“ อะไรเนี่ย!!! ”

ลูกแก้วสีส้มที่อู้เฉียงวางไว้กลับลอยมาอยู่ในมือของอู้เฉียงอีกครั้ง..

“ สิ่งนั้นคือ ไข่มุกสุริยะเทพ เป็นสิ่งที่เทพแห่งดวงตะวันเหลือเอาไว้ก่อนจะกลับเข้าสู่กระแสลำธารแห่งชีวิต..โดยปกติแล้ว เงื่อนไขการครอบครองนั้นจะเรียกว่าง่ายก็ง่าย หรือจะยากก็ว่ายาก..คือบุคคลผู้นั้นต้องมีเชื้อสายหรือโลหิตของวิหคสวรรค์ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง…และทันที่เจ้าแตะมัน…ไข่มุกสุริยะเทพก็เป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์..เมื่อครู่ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้..เพราะข้าไม่คิดว่าสิ่งนี้จะแรกฎต่อหน้าข้าอีก…. ”

น้ำเสียงของเมดูซ่านั้นแฝงไปด้วยความหวาดกลัวบางอย่าง..

“ แล้วเหตุใดท่านถึงแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมา… ”

“ โดยธรรมชาติแล้ว แสงสว่างและความมืดย่อมมิอาจเข้าหากันได้และเป็นธาตุที่ตรงกันข้ามกัน..ตัวข้าที่มีพลังด้านมืดชั้นสูงบริสุทธิ์อยู่ภายในร่าง..มิอาจที่จะเข้าใกล้ไข่มุกสุริยะเทพ ซึ่งเป็นธาตุแสงบริสุทธิ์ทีมีพลังเทียบเท่ากับดวงตะวัน…เท่านี้ก็กระจ่างแจ้งแล้วม่านพลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องไข่มุกเทพสุริยะ… ”

“ เดี๋ยวๆๆเดี๋ยวนะ…แล้วทำไมมันถึงมาตกอยู่ที่พื้นแบบนี้…ถ้าเป็นแบบที่ท่านว่า นี่มันก็สมบัติระดับเทวะเลยนะ!!!… ”

อู้เฉียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงท่าทีตกตะลึงออกมา…เพราะไข่มุกเม็ดนี้ย่อมเป็นกำลังรบให้ตนได้อย่างมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย..

ในขณะที่อู้เฉียงและเมดูซ่ากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นก็ปรากฎร่างของบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง…เสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีลักษณะเป็นลวดลายสีทอง..และมงกุฎสีทองเด่นชัดที่อยู่เหนือศรีษะย่อมคาดการณ์ได้ทันทีว่าบุคคลปริศนาผู้นี้คือ..จักรพรรดิ์ที่ลวงลับไปแล้ว…

“ ก็แหม..ข้าอยู่ดูแลคลังสมบัติตัวเองมาเป็นหมื่นๆปีแล้วในที่สุดก็หาผู้ครอบครองไข่มุกสุริยะเทพได้ทั้งทีจะเก็บซ่อนเอาไว้ทำไม ตั้งๆไว้บนทางเดินนี่แหละ จะได้เห็นชัดๆหน่อยและอีกอย่าง ข้าก็เบื่อหน่ายที่นี่เต็มทีแล้ว…เจ้าอยากได้อะไรก็หยิบไปตามใจชอบเลยนะ..ข้าจะได้ไปเกิดใหม่สักที… ”

“ นี่ท่านเป็น… ”

อู้เฉียงเอามือไปแตะร่างของคนผู้นี้แต่ทว่ากลับทะลุไปอีกด้าน..ไม่อาจจับต้องร่างกายได้…

“ ข้าคือจักรพรรดิ์ เทียร์โอ ที่ 12 เป็นจักรพรรดิ์ผู้ปกครองอาณาจักรที่ล่มสลายแห่งนี้…ถึงตัวข้าจะตายไปนานแล้วก็เถอะ..พูดง่ายๆก็คือ ผี… ”

“ ………………”

………………………………………………………

อีกด้านหนึ่งของทวีปจรัสแสง..

ตั้งแต่ที่ครบกำหนดวันที่ได้ทำการสัญญาเอาไว้ว่าจะมอบตัวผู้ถือครองพลังวิหคสวรรค์..ซึ่งแน่นอนทางฝ่ายมนุษย์ไม่ได้ทำตามข้อตกลงที่ได้กล่าวไว้ ทำให้ในตอนนี้เผ่าปีศาจออกอาละวาดทุกหนแห่ง…

เผ่าปีศาจมากมายถูกปลดผนึกออกมา..พระจันทร์ถูกย้อมไปด้วยสีแดงโลหิต…ทั้วยุทธภพเกิดความปั่นป่วน สำนักฝึกยุทธต่างร่วมมือผนึกกำลังกันปกป้องชาวบ้าน…

ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นปีศาจธรรมดาสามัญทั่วไปมิสามารถทำอะไรเหล่าเจ้าสำนักได้…แต่เมื่อเทียบกับปีศาจระดับกลางเป็นต้นไปหากไม่ร่วมมือกันก็มีสิทธิพลาดท่าได้เช่นกัน…

เฉกเช่นสำนักหนึ่งในยุทธภพที่พลาดท่าโชคร้ายดูถูกฝีมือเผ่าปีศาจจนเกินไป ถูกฆ่าล้างบางทั้งสำนัก..แต่ที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นคือ การข่มขืนศิษย์หญิงก่อนจะทำการสังหารทิ้ง..แต่ดูเหมือนว่าจะมีปีศาจระดับสูงตนหนึ่งเห็นเข้าพอดี…

เพียงเสี้ยววินาที..ลำแสงสีแดงดำก็เจาะกะโหลกเผ่าปีศาจชั้นต่ำตนนั้นในทันที…ก่อนที่ปีศาจระดับสูงตนนั้นจะบินลงมาพร้อมกับมองไปยังสภาพศพของศิษย์หญิงผู้นั้น…..

“ เห~ เจ้านี่ก็แปลกเนอะ เป็นปีศาจชั้นสูงแท้ๆแต่กลับมีความรู้สึกสงสารมนุษย์.. ”

ปีศาจหนุ่มผมขาวที่ตามมาด้วยก็ลงมายืนขนาบข้างกับปีศาจผมสีดำนัยน์ตาสีแดงโลหิตมรกต..ใบหน้าที่ขาวซีด..ราวกับไร้ซึ่งโลหิตไหลเวียล..ให้ความรู้สึกราวกับว่าศพเดินได้…

“ ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่มนุษย์เพศหญิงผู้นี้คือนักรบ..การตายของนางก็เพื่อปกป้องผู้ที่อ่อนแอ นางไม่ควรที่จะถูกกระทำเช่นนี้..การกระทำเช่นนั้น ไม่ได้ต่างไปจากสัตว์เดรัจฉานแม้แต่น้อย…ปีศาจอย่างเจ้าที่สนุกแต่กับการฆ่าฟันคงไม่สามารถรับรู้ได้ถึงเรื่องที่ข้าพูดไป… ”

ปีศาจผมขาวแสยะยิ้มออกมาชั่วขณะ…ขณะนั้นเองปีศาจผมดำผู้นั้นก็ได้ทำบางอย่างที่แม้แต่ปีศาจผมขาวยังต้องเบิกตากว้าง…

“ นี่เจ้าหยุด!! เจ้าจะทำบ้าอะไร เจ้าจะชุบชีวิตมนุษย์อย่างงั้นเหรอ..อย่าทำอะไรบ้าๆ ข้าขอเตือน.. ”

“ ข้าก็บ้าอยู่ตั้งนานแล้ว.. ”

“ นี่เจ้า—- ”

หลังจากที่ปีศาจผมดำเอามือไปแตะที่ใบหน้าของศิษย์หญิงผู้นั้นก่อนที่เปลวเพลิงสีฟ้าจะลุกท่วมตัวนาง บาดแผลทั้งหมดค่อยๆถูกรักษา…เปลวไฟสีฟ้าค่อยๆอ่อนลง…

ศิษย์หญิงผู้นั้นลืมตาตื่นขึ้นมา…ด้วยความหวาดกลัวก่อนหน้าและจากที่นางถูกกระทำก่อนที่นางจะตาย..ศิษย์หญิงผู้นั้นหยิบกระบี่ที่ตั้งไว้ก่อนจะแทงเข้าไปที่หน้าท้องของปีศาจผมดำ…

“ นังมนุษย์สารเลวบังอาจ— ”

“ หยุด!!! ”

ปีศาจผมดำยกมือห้ามปีศาจผมขาวเอาไว้…เพื่อไม่ให้นางต้องตายเป็นครั้งที่สอง..

“ หนีไปซะ…หนีไปให้ไกลที่สุด..”

ศิษย์หญิงผู้นั้นสติหลุดก่อนจะดึงดาบที่ปักคาท้องของปีศาจตนนั้นออกมาและวิ่งหนีไปด้วยความสติแตก..ส่วน บาดแผลที่ถูกแทงสมานอย่างรวดเร็ว..เป็นพลังฟื้นตัวที่น่าสะพรึงยิ่ง..

ปีศาจผมขาวแสดงสีหน้าและอารมณ์ที่ไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด…

“ เจ้ามันบ้าไปแล้ว…เลเวีย.. ”

จบตอน

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท