“ ข้าจะบอกว่าข้าลืมบอกเจ้าเรื่องนึง…นั่นก็คือสิ่งที่เจ้ากำลังพูดกับข้า..เจ้าไม่ต้องฝากข้าไปบอกท่านพ่อแล้วไป๋หลงเพราะ..ท่านพ่อของข้าล้วนได้ยินมันทั้งหมดผ่านสร้อยคอเส้นนี้….ข้ากำลังจะบอกเจ้าแต่เจ้าพูดมันออกมาหมดแล้ว… ”
“ ………… ”
………………………………………………….
ณ ปราสาทเทพมาร
ข้างในที่ประชุมและโถงทางเดินคล้ายกับเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นจากสภาพความเสียหายยับเยินโดยรอบ ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลยภายในปราสาทเทพมารแห่งนี้..
เหล่ามารชั้นสูงต่างใบหน้าซีดเผือดจากความแข็งแกร่งของบุคคลผู้หนึ่ง ทั้งพละกำลัง ความเร็วและพลัง..
“ นิสัยเหมือนกันไม่มีผิดว่าไหมซีส ดิอาร์ค..”
สตรีสาวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเรียบนิ่งแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์..พร้อมกับกระบี่สีเลือดในมือที่จ่อคอของเทพมาร ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นจ้าวนครที่ปกครองเผ่ามารทั้งหมด!!…
“ อย่าขยับ…ถ้าพวกเจ้าขยับเทพมารของพวกเจ้าได้ศรีษะหลุดออกจากบ่าแน่..พวกเจ้าก็น่าจะรู้ว่าข้าเป็นคนที่พูดจริงทำจริง…”
“ อัลเบียร์..นี่เจ้าต้องการอะไรจากข้า..ถึงให้ข้าติดต่อไปหาบุตรของคนทรยศนั่น… ”
“ พูดให้มันดีๆหน่อย ซีส ดิอาร์ค คนทรยศที่เจ้ากำลังพูดถึงก็คือน้องชายของข้า..อีกอย่างอายุของข้ามากกว่าเจ้าซะด้วยซ้ำ..ไม่มีความเคารพเอาซะเลย หรือว่าจะหลงระเริงอยู่ในตำแหน่งเทพมารที่ยึดไว้จนเคยตัว..เจ้าอย่าลืมสิว่า บัลลังก์นี้ไม่ใช่ของเจ้า..”
อัลเบียร์ใช้กระบี่จ่อไปที่คอจนโลหิตสีแดงไหลออกมาเล็กน้อย..สาเหตุที่ ซีส ไม่สามารถใช้พลังต่อกรกับอัลเบียร์ได้ในตอนนี้..เพราะถูกอัลเบียร์ผิดผนึกพลังไปชั่วขณะ…
ไม่นานหลังจากจักรพรรดิ์ธาตุทั้งหมดแยกย้ายกันไปหลังเสร็จสิ้นการประชุมบางอย่างที่ใช้ระยะเวลานายพอสมควร..ของเหล่าจักรพรรดิ์ธาตุและเทพมาร
ราชันย์แวมไพร์อย่างอัลเบียร์ก็บุกมาโดยฉับพลันจัดการมารทุกตัวที่ขวางหน้า เหตุการณ์ปีศาจบุกนั้นทำให้กองกำลังส่วนใหญ่ของเทพมารออกไปปกป้องหัวเมืองต่างๆจนภายในปราสาทเหลือเพียงแค่องค์รักษ์มารระดับสูงไม่กี่ตนเท่านั้น..
ก่อนที่ซีสจะพลาดท่าในช่วงวินาทีสุดท้ายถูกฝ่ามือซัดเข้าที่หน้าท้องก่อนจะถูกปิดผนึกพลังชั่วขณะ..แม้ซีสจะแข็งแกร่งในฐานะของเทพมาร
แต่อัลเบียร์นั้นแข็งแกร่งกว่าไปหลายขั้นจากสายเลือดของแวมไพร์และพลังฟื้นตัวระดับสัตว์ประหลาดที่เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว..
“ ผ้าปิดตานี่..”
ราชันย์แวมไพร์ดึงผ้าปิดตาของซีสออกก็เผยให้เห็นถึงดวงตาที่ผิดแปลกไป…แต่มันกลับทำให้อัลเบียร์รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก..
“ นี่เจ้าสร้างสัญลักษณ์แห่งเทพมารขึ้นมาอย่างงั้นเหรอ.. ”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันนั้นอยู่ใจกลางห้องโถงก็ปรากฎมิติสีดำปริศนาขึ้น..เหล่ามารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกดูดหายเข้าไปในทันที..อย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนมารที่มีระดับพลับที่แกร่งกล้า
พร้อมกับความตื่นตัวทำให้สามารถต้านทานต่อแรงดึงดูดปริศนานี้ได้..
“ อ้ากกกก!! ”
ทั้งอัลเบียร์และซีสต่างขมวดคิ้งเป็นปมกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญคนที่2…
“ แหมๆ พลังของเผ่ามารก็หอมหวานเหมือนกับเผ่าเทพจริงๆ..ตัวข้าคงต้องขอขัดจังหวะพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว..เทพมารซีสและ..ราชันย์แวมไพร์อัลเบียร์…”
ซึ่งเจ้าของน้ำเสียงนี้ก็คือปีศาจตนหนึ่งมี่เดินออกมาจากหลุมมิติพร้อมกับแผ่รัศมีที่น่าขนลุกออกมา…อีกทั้งยังรู้จักตัวตนของทั้งสองเป็นอย่างดี..
“ การเสวนาของเราคงต้องพักไว้ก่อนสินะ…ซีส ”
“ เห็นๆกันอยู่ว่ามันไม่ได้มาในฐานะมิตรอย่างแน่นอน..เผ่าปีศาจเจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่!! ”
ปีศาจตนนั้นแสยะยิ้มที่น่าขนลุกออกมาพลางชี้ไปที่ด้านหลังของบัลลังก์เทพมาร..ซึ่งถัดต่อไปจากนั้นคือห้องเก็บสมบัติบรรพกาล!!!..
ที่มีแค่สายเลือดมารที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิเข้าถึง..
“ ข้ามีของบางอย่างที่ต้องการอยู่ในนั้น..ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากหลีกเลี่ยงการปะทะได้ข้าก็คงเลือกเช่นนั้น แต่ดูเหมือนท่าทางของพวกเจ้าสองคนแล้ว..ข้าคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้น.. ”
แป่ก!!
ปีศาจตนนั้นดีดนิ้วก่อนจะปรากฎช่องว่างมิตินับสิบที่คล้ายคลิงกับมิติของเทียนร์..แต่นี่แข็งแกร่งกว่าเทียร์เป็นสิบเท่า!!
ไม่นานก็มีปีศาจชั้นสูงกว่า10ตนห้อมล้อมอัลเบียร์และซีสเอาไว้..
“ เจ้าจะเอายังไงต่อท่านอัลเบียร์…ลำพังแค่เจ้าคนเดียวดูเหมือนมันจะเกินมือไปหน่อย เจ้ากับข้าร่วมมือกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะมันก็สังหารทหารของข้าไปเช่นกัน!! ”
เป็นอย่างที่ซีสบอกลำพังอัลเบียร์ยังไม่มีความมั่นใจที่จะสยบปีศาจพวกนี้ลงพร้อมกัน..เพราะยังไม่รู้ฝีมือที่แท้จริงของปีศาจเหล่านี้..
“ แค่ครั้งนี้.. ”
อัลเบียร์ปลดผนึกพลังของซีสก่อนที่พลังทั้งหมดจะประทุออกมา..
ตู้ม!!!
ซีสปลดปล่อยจิตสังหารที่ดุดันออกมาแต่ดูเหมือนว่าปีศาจเหล่านี้กลับสงบนิ่งจนน่ากลัว…
“ เป็นจิตสังหารที่รุนแรงใช้ได้..แต่ว่ามันก็แค่นั้น ”
“ ซีส พวกมันต้องการอะไรในห้องเก็บสมบัติทำไมพวกมันพยามที่จะเข้าไปในนั้น ข้างในมีอะไรอยู่กันแน่…..”
สิ่งที่อัลเบียร์ถามไถ่นั้นย่อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างแน่นอน หากไม่มีความสำคัญเผ่าปีศาจคงไม่ยกจำนวนมาถึงขนาดนี้…
“ หรือว่าจะเป็นสิ่งนั้นจะเป็น!! ”
………………………………………………………
ณ สถานที่อันไกลโพ้นออกไป
เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ อีกทั้งยังมีสมุนไพรระดับบรรพกาลตามข้างทาง แม่น้ำใสสะอาดสามารถมองเห็นไปถึงก้นของแม่น้ำได้..
อากาศสะอาดสงบบริสุทธิ์ สัตว์ป่าสายพันธุ์ต่างอาศัยอยู่ร่วมกันสงบสุข..หากมองขึ้นไปบนท้องนภาจะเห็นดวงตะวันถึง2 ดวงด้วยกัน..
ซึ่งนี่ก็เป็นอันชัดแจ้งแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ทั้งแดนมนุษย์ แดนเทพ หรือแดนบาดาล แต่เป็นดินแดนที่อยู่อีกมิติหนึ่ง…
ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมไปด้วยความสมบูรณ์นั้นมีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนอนหลับไหลอยู่ใกล้กับริมแม่น้ำ
ปีกสีขาวนวลและปีกที่คล้ายคลึงกับค้างคาว แต่ให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามและกดดัน..ซึ่งนั่นก็คือปีกของเผ่าปีศาจและเผ่าเทพติดอยู่กลางแผ่นหลัง!!
เปลือกตาทั้งสองข้างค่อยๆพลันขยับเผยให้เห็นถึงนัยต์ตาสีแดงและสีทองสลับกันคนละด้าน..ซึ่งการตื่นขึ้นของบุรุษคนนี้ย่อมมีสาเหตุ..บางอย่าง..
ชายหนุ่มผู้นี้นั้นค่อยๆยืนขึ้นพร้อมกับหลับตาลงคล้ายกับกำลังตรวจสอบบางอย่าง..ก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเศร้า..
“ มันเริ่มขึ้นอีกแล้วสินะ..การต่อสู้ของสงครามแร็คนาร็อคครั้งใหม่..เพราะเหตุใดกัน ความเคียดแค้นของท่านถึงได้มากมายได้ถึงเพียงนี้..ท่านพ่อ.. ”
จบตอน.