เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่ 356 ศึกใต้ทะเล 3

ตอนที่ 356 ศึกใต้ทะเล 3

เหล่าปีศาจระดับชนชั้นจักรพรรดิ์หลายพันตัวต่างออกตามหาร่างสถิตวิหคสวรรค์ในท้องทะเลทั่วทั้งสี่ทิศ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันนั้นจะไม่สามารถสามารถฝ่าระดับความลึกก้นสมุทรลงไปได้แม้จะเป็นชนชั้นจะกรพรรดิ์ก็ตาม

การที่จะลงไปยังก้นสมุทรแม้แต่ชนชั้นเทพนักรบหรือกระทั่งชนชั้นเทพสงครามก็ลงไปข้างล่างได้อย่างยากยิ่ง..

ปีศาจบางตัวถูกแรงดันน้ำจำนวนมหาศาลบีบอัดร่างจนระเบิดบ้างก็ถูกสัตว์อสูรทะเลโจมตีเนื่องจากบุกรุกอาณาเขตใต้ท้องทะเลของพวกมัน..

ความลึกระก้นสมุทรทำให้เหล่าปีศาจต่างเกรงกลัวที่จะต้องลงไปยังจุดนั้น…

“ ท่านเซร่า ทั่วน่านน้ำทั้งสี่ทิศพวกเราระดมกำลังพลกันค้นหาแล้วไม่พบร่องรอยของร่างสถิตวิหคสวรรค์แม้แต่น้อย..เกรงว่าระดับความลึกที่ร่างสถิตหลบซ่อนตัวอยู่ ลำพังระดับพลังอันต่ำต้อยของพวกข้า ไม่อาจที่จะฝ่าลงไปได้..”

“ อืม..ข้างล่างที่พวกเจ้าลงไปพวกเจ้าไม่ได้พบเจอสิ่งผิดปกติใดๆใช่หรือไม่.. ”

“ ใช่ขอรับท่านเซร่า นอกจากสัตว์อสูรทะเลที่มุ่งมาโจมตีพวกเราก็ไม่มีอย่างอื่นนอกเสียจากว่า..”

เซร่ามองปีศาจด้วยใบหน้าที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง..ปีศาจชั้นต่ำตนนั้นแทบจะคลองสติเอาไว้ไม่อยู่..

“ นอกเสียจากว่าอะไร..”

“ อะ..อาจจะเป็นไปได้ว่าจักรพรรดิ์เทพอสูรทะเลถูกสังหารด้วยฝีมือของใครบางคน..”

ปีศาจสาวชั้นสูงที่ได้ยินดังนั้นก็แสดงท่าทีแปลกใจเล็กน้อย…

“ อะไรที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น ”

“ เรียนท่านเซร่า ปกติแล้วอสูรทะเล จะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มไม่แตกแยกออกเป็นเช่นนี้ อีกอย่างก่อนจะถึงระดับความลึกขั้นก้นสมุทร ปกติแล้วจักรพรรดิ์เทพอสูรทะเลต้องออกมาโจมตีพวกเราอย่างแน่นอนที่มาบุกรุกอาณาเขตของมัน..แต่ว่าในครั้งนี้นั้นทุกอย่างกลับนิ่งสงบผิดปกติ…”

ปีศาจตนนั้นบอกเล่าสิ่งที่ตนเองรู้อยู่ทั้งหมดออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะสบตามองเซร่า…

“ ไปได้แล้ว..”

“ ขะ..ขอรับ.. ”

เซร่าที่ได้ยินปีศาจระดับต่ำตนนั้นพูดเมื่อครู่ก็รู้สึกตะหงิดใจอยู่ไม่น้อย..

“ หากเป็นเช่นนั้นจริง ร่างสถิตวิหคสวรรค์ไม่มีทางทำได้แน่ๆ แม้จะเป็นเปลวเพลิงที่เกิดจากเทพอสูรศักดิ์อย่างหงส์เพลิงนกอัมตะ การจะต่อกรกับเทพอสูรทะเล เป็นไปได้ยากยิ่ง…จะต้องมีใครบางคนให้ความช่วยเหลือเด็กคนนี้เป็นแน่..เห็นทีข้าคงต้องลงไปดูให้เห็นกับตาซะแล้ว.. ”

“ เจ้าคิดจะลงไปข้างล่างด้วยตัวเองอย่างงั้นหรือเซร่า.. ”

เดียร์รอสที่พึ่งเดินทางมาถึงได้ยินสิ่งที่เซร่ากำลังพูดอยู่เข้าพอดี..

“ ก็มีแค่พวกเราเท่านั้นที่มีพลังมากพอที่จะลงไปข้างล่างนั่น…ข้าไม่อยากเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นข้าจะลงไปด้วยตัวเอง..แล้วทางเจ้าเป็นยังไงบ้างดูท่าคงจะไม่ราบรื่นอย่างที่เจ้าคิดสินะ.. ”

เซร่ามองเข้าไปนัยน์ตาของเดียร์รอสก็รับรู้ได้ถึงความกังวลที่ส่งออกมาผ่านสายตา…

“ เป็นถึงมือขวาของท่านเบลเซบับ มีเรื่องอะไรให้เจ้ากลุ้มใจอย่างงั้นเหรอเดียร์รอส.. ”

“ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน…รู้สึกเหมือนกับว่าข้างล่างมีอะไรบางอย่างที่น่าหวาดหวั่นอยู่ข้างล่างนี้.. ”

เซร่าก็สัมผัสได้เช่นเดียวกับเดียร์รอสแต่มันช่างเบาบาง..อาจจะเป็นเพราะอยู่ห่างกันเกินไป อีกอย่างหากเป็นสิ่งที่เดียร์รอสเป็นกังวล การนำตัวร่างสถิตวิหคสวรรค์ขึ้นมาอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด..

“ ช่างเรื่องนี้เถอะ เอาเป็นว่าข้าจะระวังตัวส่วนเรื่องที่เจ้าขอ ข้าจะทำเท่าที่ทำได้..อีกอย่างหนึ่งเจ้าไปที่พำนักของเทพมารซีสมาแล้ว..ได้กลับมาไหม..แต่ดูจากร่องรอยการต่อสู้บนตัวเจ้า ถ้าข้า มองไม่ผิดแขนของเจ้าบาดเจ็บ..จากการต่อสู้กับเทพมารซีสอย่างงั้นใช่ไหม..หรืออาจะไม่ได้เกิดจากเทพมารซีส ลำพังเทพมารซีสข้ามั่นใจว่าไม่อาจทำอะไรเจ้าได้แน่นอน..แสดงว่ามีผู้อื่นอยู่ที่นั่นด้วยสินะ..”

“ เหตุการณ์เหนือความคาดหมายของข้า..บาดแผลนี้เกิดจากเทพมารซีสจริง..แต่ราชันย์แวมไพร์ก็อยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน..หากปะทะกันซึ่งๆหน้าอีกครั้งข้าก็ไม่อาจรู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร..อาจจะต้องตายกันไปข้าง ”

“ อะไรนะ!! เจ้าบอกว่า ราชันย์แวมไพร์ อัลเบียร์ อยู่ที่พำนักเทพมารซีสอย่างงั้นเหรอ…เป็นไปได้ยังไง นางหลุดออกมาจากการผนึกแล้วอย่างงั้นหรือ..แล้วฝีมือกับระดับพลังของนางเป็นเช่นไรบ้าง.. ”

เซร่ากล่าวถามด้วยความสงสัยใคร่รู้..แม้จะพยามปกปิดความตกตะลึงไว้ในใจก็ตามที..

“ ข้าประมือกับนางประมาณ 5-6กระบวนท่า นางสามารถป้องกันและโต้ตอบกระบวนท่าของข้าได้ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ..ความแข็งแกร่งไม่ต่างจากเมื่อก่อนแม้แต่น้อย ฝีมืออาจจะทัดเทียมกับเจ้า หรือไม่ก็เหนือกว่าไปหนึ่งขั้น.. ”

เดียร์รอสพูดจบดูเหมือนว่าเซร่านั้นคิดไม่ต่างจากตนตัวแปรอีกตัวแปรที่สำคัญในสงครามครั้งนี้อาจจะเป็นราชันย์แวมไพร์อย่างอัลเบียร์ก็เป็นไปได้..

“ อย่างงั้นเหรอ….แสดงว่าสงครามครั้งนี้ดูท่าจะไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิดไว้ซะแล้ว..แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะยังไงสงครามครั้งนี้เผ่าปีศาจจะต้องชนะ..ข้าจะลงไปด้านล่างฝากที่เหลือไว้กับเจ้าก็แล้วกัน.. ”

“ ตกลง..”

หลังจากนั้นไม่นานเซร่าก็ดำดิ่งลงไปใต้มหาสมุทรด้วยความเร็ว…

………………………………………………..

ณ โบราณสถานใต้น้ำ

“ ท่านเมดูซ่ามีอะไรอย่างงั้นหรือ..ข้าเห็นท่านมองขึ้นไปด้านบนหลายครั้งแล้ว..”

อู้เฉียงกล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย..เพราะตนนั้นเห็นเมดูซ่ามองขึ้นไปด้านบนหลายครั้งแล้ว..ซึ่งตนก็มองขึ้นไปก็เห็นเพียงแค่มวลน้ำจำนวนมหาศาลและสัตว์อสูรทะเลโดยรอบ..

“ พวกมันกำลังจะลงมาข้างล่างแต่ดูเหมือนว่าด้วยแรงดันน้ำมหาศาลและสัตว์อสูรทะเลโดยรอบทำให้พวกปีศาจไม่อาจที่จะลงมาที่ได้..จนถึงเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าจะมีปีศาจระดับสูงกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่…”

“ !!!! ”

อู้เฉียงแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด..ปีศาจที่ลงมาที่นี่ ระดับความลึกก้นสมุทรย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อู้เฉียงจะเอาชนะได้ในตอนนี้..

“ แล้วเจ้าจะเอายังไง จะสู้หรือจะหนี ไม่ว่าจะเลือกทางไหนข้าก็จะทำตามหนทางที่เจ้าเลือกถ้าจะหนีข้าก็จะพาเจ้าหนีไปจากที่นี่…การหนีไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด..”

“ ถ้าข้าหนี..ข้าก็จะต้องหนีต่อไปเรื่อยๆอย่างงั้นเหรอ..ข้าจะไม่หนีอีกต่อไปแล้วข้าจะสู้..ตัวข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้ยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างกับไป๋หลง!! ”

อู้เฉียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ไม่ไหวติง..

“ ข้ารู้สึกชื่นชมในความใจสู้ของเจ้า..แต่เจ้าจงอย่าลืมอู้เฉียงทุกคนในยุทธภพต่างเสียสละปกป้องเจ้า แม้แต่สหายของเจ้าในตอนนี้กำลังทำเรื่องที่คนเสียสติเท่านั้นถึงจะทำ..ถ้าพวกมันได้ตัวเจ้าไปทุกอย่างก็จบ สงครามในครั้งนี้เราจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ในทันที.. ”

“ ข้ารู้ดีเพราะแบบนั้นข้าจะไม่เป็นภาระของท่านอย่างแน่นอน!! ข้าจะเข้าร่วมศึกในครั้งนี้!!!.. ”

เมดูซ่าที่ได้รับฟังอยู่ก็รู้สึกชื่นชมอู้เฉียงอยู่ลึกๆภายในจิตใจ…

“ เจ้าพูดผิดนะ..ตั้งแต่ที่เจ้าฝึกกับข้า เจ้าก็ไม่ได้เป็นตัวถ่วงของใครอีกต่อไปแล้วแสดงผลการฝึกให้ข้าดูหน่อยก็แล้วกันอู้เฉียง.. ”

ตึง!!!

ขณะนั้นเองดูเหมือนว่าปีศาจที่เมดูซ่ากล่าวถึงจะลงมาถึงที่นี่แล้ว..อู้เฉียงเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบเจอกับสตรีงามผู้หนึ่ง แต่กลิ่นอายแผ่ออกมาชายหนุ่มย่อมรับรู้ได้ภายในทันที.

ทั้งกลิ่นอายรวมถึงระดับพลังเหนือกว่าอู้เฉียงในทุกด้าน..สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังเผชิญอยู่ก็หนึ่งในขุนพลปีศาจชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด!!

“ ในที่สุดก็เจอ..ร่างสถิตวิหคอัมตะ!! ”

จบตอน..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท