เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่ 376 นามนั้นคือ…

ตอนที่ 376 นามนั้นคือ...

หลังจากที่โซโลม่อนกลับมาจากนครอันธกาลนั้นก็ได้พาผู้ติดตามมาทั้งหมดเพียงหนึ่งคน..ส่วนที่เหลือนั้นจะเคลื่อนทัพในทันทีหากได้รับคำสั่งจากโซโลม่อน..

หนึ่งคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ..บิดาแท้ๆของอู้เฉียง..ผู้พิทักษ์ประตูแห่งนครอันธกาลผู้มีพลังและจิตสองขั้วที่แข็งแกร่งท่ี่สุด!!

อีกอย่างจะเห็นได้ว่าทหารเทพนั้นได้ทำการแบ่งช่องว่างเว้นระยะห่างเอาไว้..ไม่ให้คนนอกเข้าไปในที่พักของเหล่าเทพชั้นสูง เว้นแต่จะมีเรื่องด่วนหรือได้รับอนุญาติเท่านั้น…

การที่โซโลม่อนอยู่ๆก็ปรากฎตัวออกมาก็ทำให้เหล่าเทพล้วนตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนที่สถานการณ์ทั้งหมดจะกลับเข้าสู่ช่วงปกติ…

“ บุตรของเจ้าอยู่ในนั้นเข้าไปสิ.. ”

โซโลม่อนบอกให้เว่ยซิ่วนั้นไปหาบุตรของตน…เพราะผ่านมาหลายสิบปีแล้วที่เว่ยซิ่วนั้นไม่ได้พูดคุยกับอู้เฉียงเป็นเรื่องเป็นราว..

เพราะครั้งล่าสุดที่เจอกันก็คือปีที่แล้ว..ตอนอู้เฉียงนั้นอยู่กับไป๋หลงในเขตสลัม..และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ตนได้เจอกับไป๋หลงด้วยเช่นกัน…

“ ข้าขอบคุณท่านมากที่ให้ข้าติดตามมาก่อนเวลาที่กำหนด..ข้าขอตัว.. ”

เว่ยซิ่วสวมใส่เกราะดำดูองอาจคิ้วหนา นัยน์ตาแหลมเฉียบคมดุจกระบี่เพียงแค่การเดินก็สร้างความกดดันให้กับทหารเทพสองคนที่กำลังเฝ้าหน้ากระโจมของอู้เฉียง..

ซึ่งทหารเทพสองคนนั้นก็รับรู้ได้ในทันทีว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งมากเพียงใดและจากการพูดคุยกันเมื่อครู่ทำให้รับรู้ว่า..นี่คือบิดาของร่างสถิตวิหคสวรรค์ จึงเก็บทวนเข้าลำตัวปล่อยให้เว่ยซิ่วนั้นผ่านทางเข้าไปได้…

ส่วนทางด้านโซโลม่อนที่มาถึงก็มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นไป๋หลง..จึงได้เดินไปถามแม่ทัพสวรรค์ตนหนึ่งที่กำลังกางแผนที่เพื่อเตรียมรับมือกับศึกที่ใกล้จะมาถึง…

“ ไป๋หลงยังไม่กลับมาอย่างงั้นเหรอ..ทำไมข้าถึงไม่เห็นเขา.. ”

แม่ทัพสวรรค์ตนนั้นได้ยินโซโลม่อนกล่าวถามตนก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยจึงสั่งให้ข้าราชบริวารออกไปให้หมดเสียก่อน..

จึงเหลือเพียงแค่แม่ทัพสวรรค์และโซโลม่อนที่อยู่ในบริเวณนี้…

“ ตอนนี้ท่านจ้าวสวรรค์ยังไม่กลับมาเลย..อีกอย่างท่านยังรับสั่งไม่ให้พวกเราตามไปด้วย..แต่ก่อนที่ท่านจ้าวสวรรค์จะไป..ดูเหมือนว่าท่านจะโกรธเคืองพวกเราอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว.. ”

“ โกรธเคืองพวกเจ้า? ”

“ ก็อย่างที่ท่านได้ยิน..ก่อนที่ท่านจะจากไปมีเทพหลายตนคัดค้านและไม่เชื่อใจท่านที่มาอยู่ฝ่ายเทพและมนุษย์เช่นนี้..เพราะท่านเองเป็นบุตรของราชันย์เทพปีศาจเบลเซบับ..ทำให้เหล่าเทพนั้นไม่เชื่อใจท่านอย่างสนิทใจ..ทำให้จ้าวสวรรค์นั้นโกรธเคืองอยู่พอสมควรก่อนที่ท่านจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง.. ”

โซโลม่อนที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันเล็กน้อยเท่านั้น..เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกไป..ก่อนจะกล่าวขอบคุณที่บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ตนได้เข้าใจ..แต่ทว่าการขอบคุณเพียงเล็กน้อย

ทำให้แม่ทัพสวรรค์ตนนั้นถึงกับแสดงท่าทีตะลึงงันอยู่พอสมควร…เพราะนี่ไม่ใช่คำกล่าวขอบคุณธรรมดา..แต่คำพูดของผู้ซึ่งเป็นจ้าวปกครองนครอันธกาลที่ลึกลับและแข็งแกร่งที่สุดในโลกเบื้องหลัง..

ในตอนนี้โซโลม่อนนั้นเพียงนั่งลงใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้กับเขตที่พักพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงจันทร์สีแดงโลหิตลอยเด่นอยู่กลางนภา..

หลังจากนั้นโซโลม่อนก็หลับตาลงพร้อมกับพูดบางอย่าง…

“ ไป๋หลง..ข้าจะรอการกลับมาของเจ้า..พร้อมกับบริวารทั้ง72…”

………………………………………………………

ในขณะเดียวกันนั้นตอนนี้..เสาหลักแห่งโลกมารทั้ง72 อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของไป๋หลงโดยสมบูรณ์แบบ…เพราะในสายตาของพวกมันนั้นบัดนี้ ไป๋หลงคือผู้เป็นนายโดยสมบูรณ์อีกทั้งยัง..เป็นสายเลือดแท้ของตระกูล ดิไคร์ เซอร์ เพียงหนึ่งเดียว..บุตรแห่งเทพมารและเป็นผู้มีสิทธิสืบราชบัลลังก์อย่างแท้จริง!!

“ ไป๋หลงหลังจากนี้เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป..”

อัลเบียร์กล่าวไป๋หลงผู้เป็นหลานชาย…เพื่อดูว่าไป๋หลงนั้นจะมีแผนการรับมืออย่างไรต่อไป…ซึ่งตรงหน้าของไป๋หลงนั้นก็มีเสาหลักแห่งโลกมารทั้ง 72 ตนกำลังนั่งอยู่ในท่าชันเข่าพร้อมรับคำสั่งของไป๋หลงผู้เป็นนายท่านอยู่ทุกชั่วขณะ..กองกำลังเพียงเท่านี้ก็สามารถลบทวีปหนึ่งทวีปไปได้ย่อมไม่เกินจริงแม้แต่น้อย..

เพราะผู้พิทักษ์ทั้ง 72 ล้วนเป็นเสาค้ำจุนโลกมารที่แข็งแกร่งที่สุด!! มีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับแม่ทัพปีศาจเลยทีเดียว..

“ ท่านป้า เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ก็คืออัญเชิญผู้พิทักษ์ทั้ง 72 ตนออกมา..ซึ่งบัดนี้ข้าก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์ไปหนึ่งอย่างแล้ว..กำลังรบก็เพิ่มมากขึ้นด้วย..อีกทั้งในครั้งนี้ยังมี ท่านโซโลม่อน และ ท่านเมดูซ่าที่เป็นจอมทัพหลักในสงครามครั้งนี้…หากว่าท่านป้า.. ”

“ ข้าก็มีเรื่องและหน้าที่ของข้าที่ข้าจะต้องทำ ส่วนเจ้าก็มีภาระหน้าที่ของเจ้า..ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยที่ข้าไม่อาจร่วมศึกช่วยเหลือกับเจ้าได้..”

อัลเบียร์พูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวไป๋หลงด้วยความเอ็นดู..และเป็นห่วงเป็นใยแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน…

“ เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว..เจ้าเรียกให้ผู้พิทักษ์ทั้ง 72 เข้ามาในสัญลักษณ์แห่งเทพมารเถอะ..ยิ่งช้าเวลาก็จะยิ่งหมดไปเรื่อยๆ.. ”

“ ทำเช่นนั้นได้ด้วยหรือ.. ”

ไป๋หลงกล่าวถามด้วยความสงสัย..

“ ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว..ไว้ข้าจะอธิบายคราวหน้า..ตอนนี้เจ้าต้องตั้งจิตให้มั่นใช้ตรีศูลเทวะปีกดำเรียกเสาหลักทั้ง 72 ให้มาอยู่ในศาสตราเทพที่ถูกก่อร่างขึ้นจากสัญลักษณ์ทั้งสอง มันจะช่วยให้พลังของตรีศูลเทวะปีกดำเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเลยทีเดียว..แต่ที่สำคัญเลยห้ามจิตหวั่นไหวเป็นอันขาดระหว่างนั้นข้าและแม่นางน้อยผู้นี้จะคอยดูแลเจ้าเอง.. ”

ซึ่งไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำตามอัลเบียร์ในทันที..ส่วนเทียร์นั้นก็เพียงแค่เฝ้ามองไป๋หลงอยู่เงียบๆด้วยความเป็นห่วง..

ไป๋หลงหยิบตรีศูลเทวะปีกดำออกมาก่อนจะใช้ด้ามของมันปักลงสู่พื้นดิน..ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเสาหลักหลักทั้ง 72 เริ่มกลายเป็นละอองแสดงสีขาวเข้ามาสิงสถิตในศาสตราเทพขิ้นนี้อย่างต่อเนื่อง..

อีกทั้งระดับพลังของตรีศูลเทวะปีกดำก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ..หากได้ตวัดเพียงหนึ่งครั้งในตอนนี้ก็สามารถตัดภูเขาได้ง่ายราวกับกระดาษ ย่อมไม่เกินจริงแต่อย่างใด..

ไป๋หลงจำต้องใช้จิตตั้งมั่นระดับสูงในการกำหนดระดับพลังไม่ให้มันสะท้อนเข้าหาตัวเองเพราะมันอาจจะระเบิดเส้นพลังทั้งหมดของตนได้อย่างง่ายดายหากพลาดเพียงนิดเดียวก็เท่ากับตาย!!

ซึ่งในขณะที่ไป๋หลงนั้นกำลังซึมซับพลัง..ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ๆก็โผล่ออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจ..

ที่มาของเสียงนั้นก็คือตรงบรรไดทางขึ้นปราสาทนั่นเอง…ในจังหวะนั้นเองก็มีลูกศรแห่งแสงจำนวนหนึ่งพึ่งมาโจมตีไป๋หลงในขณะที่เด็กหนุ่มอยู่ในสภาวะไร้การป้องกัน…

แต่มีหรือที่อัลเบียร์และเทียร์นั้นจะไม่รู้สึกตัว..

ตู้มม!!!

อัลเบียร์และเทียร์ทำลายลูกศรแห่งแสงนั้นทิ้งได้อย่างง่ายดายก่อนจะเผยให้เห็นโฉมหน้าของผู้ที่ลงมือในครั้งนี้..

ใบหน้าที่ขาวซีดนัยน์ตาสีแดง..อีกทั้งธาตุแสงบริสุทธิ์เข้มข้นที่แผ่ออกมานั่นอีก..

“ เจ้าเป็นใคร…มนุษย์ที่มีธาตุแสงแบบนี้มัน..หรือว่า.. ”

ดูเหมือนว่าอัลเบียร์นั้นพอจะรู้จักบุคคลที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว..ส่วนเทียร์นั้นเรียกศาสตราจิตวิญญาณเคียวมรณะสีม่วงทมิฬออกมาเพื่อปกป้องไป๋หลง..

ที่อยู่ในสภาวะสมาธิขั้นสูงทำให้ไม่อาจรับรู้ได้ถึงเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้น…

“ ฮ่าฮ่าฮ่า!!! ในที่สุดก็เจอ กลิ่นอายที่น่าขยะแขยงที่แผ่ออกมาจากตัวของเจ้า..มันทำให้ข้าต้องรีบมุ่งหน้ามาที่นี่เลยรู้ตัวบ้างไหม.. ”

อัลเบียร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาในทันที!! เพราะอัลเบียร์นั้นย่อมรู้จุดประสงค์ของคนผู้นี้ที่มีต่อไป๋หลงในทันที..จักรพรรดิ์ธาตุที่มีความเคียดแค้นต่อจักรพรรดิ์เงามากที่สุด…

“ 1 ใน จักรพรรดิ์ธาตุ…จักรพรรดิ์แห่งแสง เซเรฟ!!! ”

จบตอน..

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท