เทพมารตกสวรรค์ – ตอนที่ 379 การรวมตัวของเหล่าสัตว์ประหลาด 2

ตอนที่ 379 การรวมตัวของเหล่าสัตว์ประหลาด 2

ถ้าหากเป็นอย่างที่กาเบรียลได้บอกมา..อาจจะเป็นไปได้ว่าตัวของไป๋หลงนั้นอาจจะ….เพียงแค่ไป๋หลงนึกคิดก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว…

“ การกลืนกินของพลัง… ”

“ ข้าอยากจะเตือนเจ้าก็มีแค่นี้แหละ..ความจริงแล้วเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าเจ้าไม่จุติเป็นเผ่าปีศาจอีกทั้งยังมีสายเลือดบริสุทธิ์..ตัวเจ้าในตอนนี้นั้นก้ำกึ่งระหว่างสามเผ่าพันธุ์ เทพ ปีศาจ และสายเลือดของมาร ตอนนี้ในตัวของเจ้ามีพลังทั้งสามแบบไหลเวียลอยู่ภายในตัวเจ้า..พลังที่ควบคุมยากที่สุดก็คือ พลังของเผ่าปีศาจ เจ้าจงอย่าลืมว่ารากเหง้าของพลังปีศาจคือความเกลียดชัง และริษยา แม้เจ้าจะมีพลังเทพ ในการต่อต้าน แต่ทว่าบัดนี้นั้น ธาตุแสงของเจ้า จะสะกดข่มพลังแห่งความมืดทั้งสองได้สักแค่ไหน…อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน..ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดที่จะทำอะไรต่อไปหลังจากนี้..เจ้าคิดที่จะซึมซับเคล็ดกระบวนท่าขอฃเผ่าปีศาจจากผลึกปีศาจใช่หรือไม่…พลังที่มากเกินไปก็ยากที่จะควบคุม ”

สิ่งที่กลาเบรียลพูดมาย่อมไม่มีผิดเพี้ยนไปแม้แต่ประโยคเดียว..แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือการกลืนกินของพลัง..ตัวของไป๋หลงเองนั้นพึ่งจะรู้ถึงความร้ายแรงพลังของตน ออกมาจากปากของกาเบรียล..

“ เป็นอย่างที่ท่านว่ามาทั้งหมด..แต่ทำไมการกลืนกินของพลังมันถึง.. ”

“ เจ้าอยากรู้ใช่ไหมว่าข้ารู้ได้ยังไง..เอาเป็นว่าข้าเคยเห็นมากับตัวก็แล้วกัน..อย่าได้หลงละเริงในพลัง จงควบคุมพลังของตัวเอง อย่าได้ให้พลังควบคุมตัวเจ้า..ความน่ากลัวที่สุดไม่ใช่พลัง แต่เป็นอารมณ์ความรู้สึก ยิ่งเจ้าถูกกระตุ้นมากเท่าไหร่ในการต่อสู้ สภาวะกลืนกินของพลังก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วหากเจ้าไม่มีจิตที่เข้มแข็งพอ พลังมันก็เปรียนเสมือนสุราเมไร ยิ่งใช้ก็ยิ่งเสพติดมากเท่านั้นก็เหมือนกับอำนาจพลังที่เจ้ามี..จริงอยู่ที่ว่าพลังเป็นของเจ้า แต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้าเพลี้ยงพล้ำเจ้าจะกลายเป็นเพียงตัวหายนะเดินได้ก็เท่านั้น..เพราะฉะนั้นข้าขอเตือนอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นอันขาด.. ”

กาเบรียลกล่าวบอกด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับชี้แนะไป๋หลง…

ซึ่งไป๋หลงนั้นก็ยอมรับคำชี้แนะมาแต่โดยดี..อีกอย่างตนนั้นไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนจากพลังของตนทั้งนั้น..

ไม่นานไป๋หลงก็บินมาถึงค่ายหลบภัยที่ตนสร้างเอาไว้พร้อมกับเซเรฟที่ตามมาติดๆ…

เหล่าทหารเทพที่เห็นถึงการมาของไป๋หลงก็ต่างก้มศรีษะแสดงความเคารพต่อจ้าวสวรรค์..ปีกสีทองและเรือนผมสีทองยาวสลวยแสดงให้เห็นถึงธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์และรัศมีของผู้เป็นจ้าวปกครอง…

ส่วนเซเรฟที่ติดตามไป๋หลงมานั้นก็ค่อยๆล่อนตัวลงที่พื้น..เหล่าทหารเทพเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ต่างชี้ศาสตราวุธใส่เซเรฟในทันที…

“ เขาเป็นแขกของข้าเอง… ”

เหล่าทหารสวรรค์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ต่างลดอาวุธลง…

“ กลับมาแล้วสินะไป๋หลง…ดูเหมือนว่าจะสำเร็จราบรื่นไปได้ด้วยดีสินะ…แต่ว่านะเจ้าจะอุ้มนางไปถึงเมื่อไหร่กัน.. ”

โซโลม่อนกล่าวแซวไป๋หลง..เทียร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของไป๋หลงและเดินปลีกตัวแยกออกไปในทันทีด้วยความเขินอาย..

“ ราบลื่นอย่างงั้นเหรอ…จริงสิข้ามีใครบางคนอยากให้ท่านรู้จัก.. ”

ไป๋หลงหันกลับไปหาเซเรฟแต่ทว่าตัวของเซเรฟนั้นถอยหลังไปติดต้นไม้บริเวณใกล้เคียงพร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีดทันทีที่พบหน้ากับ…

โซโลม่อนที่เห็นเซเรฟก็รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะเรียงลำดับความคิดทำให้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที…

“ ไงจักรพรรดิ์ธาตุจรัสแสง เจอกันอีกแล้วนะ.. ”

“ ตัวอันตราย!! สัตว์ประหลาด!! ”

เสียงของเซเรฟนั้นคล้ายกับว่ามีสองเสียงออกมาจากร่างของตนในเวลาเดียวกัน…

“ ไม่เจอกันนานเลยนะ..ตอนนั้นเจ้ายังท้าตีท้าต่อยกับข้าอยู่เลย..ทำไมตอนนี้ถอยหนีซะเล่าไม่สนใจรำลึกความหลังหน่อยอย่างงั้นหรือ.. ”

ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมาชั่วขณะ…ต่อสู้กับโซโลม่อนจ้าวแห่งนครอันธกาลเนี่ยนะ..ถ้าไม่บ้าจริงก็คงทำไม่ได้..แต่ก็มีคนบ้าอยู่ที่นี่แล้วหนึ่งคน!!

“ ดูท่าแล้วการที่เจ้าจะสังหารจักรพรรดิ์เงา คงจะเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าว่าไหม…เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะขัดเจตนารมณ์ของเจ้าหรอกนะ…ถ้าช่างน่าเสียดายที่จักรพรรดิ์เงาคนนี้เป็นน้องคนสนิทของข้าคนนึงล่ะนะ.. ”

“ ท่านโซโลม่อนเรื่องนี้ข้าได้พูดคุยกับเซเรฟเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว..”

แน่นอนว่าไป๋หลงจะผิดสัญญาก็ย่อมได้ในเมื่อมีโซโลม่อนเป็นผู้สนับสนุน แต่ทว่า..ครั้นจะผิดสัญญาก็ไม่ใช่นิสัยของไป๋หลง..ละมั้งนะ

ตัวไป๋หลงได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับโซโลม่อนได้รับฟัง..ซึ่งโซโลม่อนก็ยอมรับฟังแต่โดยดี ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของไป๋หลง โซโลม่อนนั้นก็ไม่คัดค้าน..

“ เป็นอย่างงี้เองสินะ.. ”

โซโลม่อนพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก..ก่อนจะลากตัวเซเรฟเข้ามาใกล้ตนด้วยพลังแรงดึงดูดที่มหาศาล..แม้เซเรฟจะขัดขืนก็เปล่าประโยชน์!!

ร่างของเซเรฟถูกดึงดูดเข้ามาหาเซเรฟ…อย่างมิอาจขัดขืน..

“ นะ..นี่เจ้า!! ”

“ ข้าแค่อยากจะทำความรู้จักใหม่กับเจ้าก็เท่านั้นเอง.. ”

โซโลม่อนกอดคอเซเรฟพร้อมกับยิ้มเย็นออกมา..เหล่าทหารเทพต่างกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแม้เป้าหมายจะไม่ใช่พวกตน..แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงและรอยยิ้มนั่น…

ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเท่านั้นก่อนที่ตัวของชายหนุ่มจะทำการเรียกรวมพลเตรียมรับมือสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น…

แต่ในขณะนั้นเองมิติช่องว่างก็เกิดบิดเบี้ยวขึ้นมาก่อเกิดเป็นบานประตูสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ขึ้น!!

พร้อมกับร่างของใครบางคนที่ก้าวออกมาจากประตูที่ค่อยๆถูกเปิดออก..ไป๋หลงขมวดคิ้วแน่นเพราะตนนั้นได้ใช้พลังในการขัดขวางการใช้พลังมิติในการก้าวเข้ามา ณ ที่แห่งนี้..อีกทั้งไป๋หลงนั้นยังจับสัมผัสถึงจิตสังหารไม่ได้แม้แต่น้อย

เหล่าทหารเทพและตุลาการสวรรค์ทั้งสองต่างพุ่งตรงมาด้วยความเร็วเพื่ออารักษ์ขาความปลอดภัยของไป๋หลงในทันที..

“ ปกป้องจ้าวสวรรค์!!! ”

ร่างที่เดินออกมานั้นสวมใส่อาภรณ์ที่ประดับประดาไปด้วยสีเขียวมรกตอาภรสีเขียวขริบทอง รวมถึงเรือนผมสีเขียวนั่นไป๋หลงรับรู้ได้ในทันทีว่าบุคคลดังกล่าวคือคนที่ไป๋หลงนั้นรู้จักเป็นอย่างดี…

“ ทุกคนลดอาวุธลง นี่เป็นแขกคนสำคัญของข้า..”

“ จักรพรรดิ์เทียนหยก!! ”

“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..ก็ว่าอยู่ทำไมข้าถึงแทรกแซงมิติด้วยพลังของตัวข้าเองไม่ได้ ทำให้ข้าต้องให้ท่านเต่าทมิฬเป็นผู้แทรกแซงด้วยตัวเอง..เพราะเจ้าทำเขตแทนเอาไว้นี่เอง..แต่ก็สมควรแล้วล่ะนะ.. ”

จักรพรรดิ์เทียนหยกโบกพัดไปมาก่อนที่สายตาจะมาหยุดลงที่บุคคลผู้หนึ่งที่ยืนเทียบเคียงกับไป๋หลง..เพราะระดับพลังที่มิอาจหยั่งและบรรยากาศที่ชวนขนลุกนั่น…

“ ไงเจ้าหนูไป๋หลงไม่ได้เจอกันซะตั้งนาน.. ”

เต่าทมิฬที่เกาะอยู่ข้างหลังของจักรพรรดิ์เทียนหยกกล่าวขึ้น..ไม่ใช่แค่นั้น มีเหล่าทหารฝีมือระดับสูงเดินออกมาจากประตูหยกขนาดใหญ่เรื่อยๆ..

“ นี่ท่าน… ”

“ เสาแสงสีแดงนั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มสงคราม..จะให้ข้านั่งดูโดยไม่ทำอะไรก็ไม่ใช่นิสัยของข้าสักเท่าไหร่นัก ข้าเลยตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน..พร้อมกับทหารที่มีพลังระดับสูง อีก 5,000 คนที่ข้านำพามาด้วย..”

ซึ่งการได้ทัพเสริมย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน..เพราะทหารที่มีระดับชั้นพลังอยู่ในระดับสูงหนึ่งคนก็มีสิทธิพลิกแพลงผลชนะของสงครามครั้งนี้ได้..แม้ไป๋หลงจะไม่ได้ออกปากขอความช่วยเหลือ..

แต่จักรพรรดิ์เทียนหยกนั้นก็ยินดีเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้!!

จากที่ไป๋หลงดูระดับพลังของทหารเหล่านี้ล้วนอยู่ที่ชนชั้นจักรพรรดิ์แทบทั้งหมด!!

หลังจากเหล่าทหารออกมาจนหมด..ประตูมรกตสีเขียวก็สลายหายไป..แต่ทว่ายังไม่หมดแค่นั้นดูเหมือนว่าจะมีเหล่าจอมยุทธ์ที่รวมตัวกันมาเดินทางมาถึง ณ ที่แห่งนี้ อีกจำนวนมาก..

และในช่วงระยะเวลานั้นเองไป๋หลงก็สัมผัสพลังที่แข็งแกร่งได้ถึงหลายร้อยจุดที่กำลังบินตรงมา..ไป๋หลงเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าก็พบเจอ มังกรนับร้อยตัว…แน่นอนว่าการมาถึงที่นี่มีแค่จุดประสงค์เดียว คือเข้าร่วมสงคราม แต่ทว่าไป๋หลงนั้นกลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมาในทันที..

“ เผ่าพันธุ์มังกรเข้าร่วมสงครามอย่างงั้นหรือ…อะไรกันที่ทำให้เหล่ามังกรที่ไม่สนความเป็นไปของโลกนี้ถึงขนาดยอมเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้… ”

……………………………………………………..

ย้อนกลับไปไม่นานก่อนหน้านี้

ณ หุบเขามังกร

ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!

“ นี่เจ้าจะบังอาจเกินไปแล้ว!!! ”

เหล่ามังกรชั้นสูงต่างร่วงเลยลงสู่พื้นราวกับใบไม้แห้งที่ล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน..แต่ทว่ามังกรเหล่านั้นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต..เพียงแค่ถูกทำให้ต่อสู้ไม่ได้ก็เท่านั้น…

ราชามังกรตะหวาดเสียงออกมาด้วยความฉุนเฉียว..สตรีนางนั้นที่ได้ยินก็ใช้มือปิดหูเอาไว้..

“ หนวกหู ซะจริงๆ.. ”

ตู้มมม!!!

สตรีผู้นั้นเตะเข้าที่ปากของผู้เป็นราชามังกร..ถึงขนาดที่ทำให้ร่างใหญ่ยักษ์กระเด็นกระดอนไปหลายตะหลบ…ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง!!

“ ระ..ราชินีแวมไพร์อัลเบียร์!! เจ้าต้องการอะไรกันแน่!! ”

อัลเบียร์เดินขึ้นไปบนบัลลังก์ก่อนที่จะนั่งลงบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทางไขว่ห้างสายตามองต่ำปลดปล่อยแรงกดดันออกมาสยบเหล่ามังกรที่แข็งข้อ..รวมไปถึงราชามังกร…

“ เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้และให้การสนับสนุนจ้าวสวรรค์ซะ..นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจากพวกเจ้า..ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะใช้แรงพวกเจ้าโดยไม่มีสิ่งตอบแทน..หากสงครามจบลงข้ายินดีทำตามข้อเรียกร้องของพวกเจ้าหนึ่งประการ..แต่หากพวกเจ้าปฏิเสธ.. ”

อัลเบียร์เคลื่อนที่ในพริบตาก่อนจะเหยียบหัวของราชามังกรให้หมอบราบลงกับพื้นอีกครั้ง…

ตึง!!!

ท่ามกลางเหล่ามังกรกว่าร้อยตนที่หมอบราบลงกับพื้นอย่างมิอาจแข็งขืน…

“ แต่หากเจ้าปฏิเสธ ก็จงสูญพันธุ์ไปซะ!!! ”

จบตอน…

เทพมารตกสวรรค์

เทพมารตกสวรรค์

Status: Ongoing

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบนเท่านั้น แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสง และความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

"ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม

" เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน"

เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้"

เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! "

หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ

" ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

"ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ"

หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

" ท่านเทพสู- " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!"

" นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

"ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!"

ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

"ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย"

ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

"เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

"อืม...ข้าให้สัญญา"

หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น

"อุแว้ๆ"

เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว... ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

"หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้"

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!!

เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! "

ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

"ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ"

หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

" อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ"

เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

"ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! "

องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

"เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึก10000ปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"

เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

"ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"

ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า"

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

"หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ...

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม 1-9

นักรบจิตวิณญาณ 1-9

นักรบหลอมรวม 1-9

นักรบที่แท้จริง 1-9

ราชันนักรบ 1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพนักรบ 1-9

เทพสงคราม 1-9

มหาเทพ 1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม 1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม 1-9

อสูรที่แท้จริง 1-9

ราชันอสูร 1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง 1-9

จักรพรรดิ 1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง 1-9

เทพอสูร 1-9

มหาเทพอสูร 1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง)

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง = 1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน = 1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง = 1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

อาวุธประเภทแรก

อาวุธระดับ 1 ดาว (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ 2 ดาว (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ 3 ดาว ( นักรบ)

อาวุธระดับ 4 ดาว ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ 5 ดาว (ราชา)

อาวุธระดับ 6 ดาว (ราชัน)

อาวุธระดับ 7 ดาว (มายา)

อาวุธระดับ 8 ดาว (ตำนาน)

อาวุธระดับ 9 ดาว (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป จรัสแสง (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป ปักษา

ทวีป อสูร

ทวีป มืด

ทวีป สีชาด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน 5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10 ระดับกลาง 7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ (สีเทา)

โอสถระดับ กลาง (สีเขียว)

โอสถระดับ สูง (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน (สีทอง)

โอสถระดับ มายา (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ (สีรุ้ง)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท