บทที่ 154 คุณรออะไรอยู่
เสียงปืนไม่ได้ดังมากขนาดนั้น อย่างน้องก็ไม่ได้เกิดเรื่องแบบที่ผมคาดการณ์ว่าเหมือนหูหนวก เพียงแต่คล้ายกับประทัดธรรมดาทั่วไป มีเสียงหวีดร้องอยู่ในหู
แต่ว่าหน้าผากของผมนั้นเจ็บมาก ระดับความเจ็บนั้น เหมือนว่ากระดูกนั้นจะถูกเจาะแตก
แค่หลังจากอยู่เสี้ยงเฉียนเอาปืนที่ถือในมือออกไป พอมองเห็นที่ในกระบอกปืนนั้นมีลูกกระสุนพลาสติกที่แตกแล้วหล่นออกมา ผมก็รู้สึกทันทีว่าความเจ็บปวดนี้มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นเลย
“ปืนนะเป็นของจริง ดินระเบิดน้อย หัวกระสุนภายในเปลี่ยนเป็นเม็ดพลาสติก”
การอธิบายของอยู่เสี้ยงเฉียน ผมอยากจะพูดแค่ว่า เชรดแม่!
ลูบหน้าผากที่เจ็บ มีเลือดซึมออกมาบ้าง แต่ว่าไม่ได้หนักหนาอะไร แม้ว่าจะเลือดจะไม่ออกเหมือนตอนบีบสิวก็ตาม
อยู่เสี้ยงเฉียนเอาปืนลูกโม่มาตั้งใหม่อีกครั้ง จากนั้นส่งสัญญาณมือมาให้ผม “ลุกขึ้นมา”
ผมเลยเลื่อนเก้าอี้ออก จากนั้นก็ยืนขึ้นมา
“ไม่ปัสสาวะ ไม่อุจจาระ ไม่เลวเลยทีเดียว”
ผมคิดไม่ออกจริงๆที่แท้การกระทำของเขานี้เพื่อจุดประสงค์แบบนี้
สัญญาณจากอยู่เสี้ยงเฉียน ผมเลยนั่งลง
“น้องจางหวู่ฉันเคยเจอ เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มาก คุณอดทนที่จะไม่นอนกับเธอ?”
ผมสูบบุหรี่เข้าไป จากนั้นตอบ: “เธอเป็นคนพาผมเข้ามา นับว่าเป็นอาจารย์ ดังนั้นผมเคารพเธอ อนาคตตอนที่ผมปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งที่สูงกว่าเธอ ถึงตอนนั้นจะนอนกับเธอได้ก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“โดยพึ่งพาส่วนนั้นด้านล่างของแก?”
ผมเข้าใจ อยู่เสี้ยงเฉียนชี้ให้เห็นถึงปัญหาของการปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูงขึ้นของผม
“สิ่งนั้นก็เป็นแค่สิ่งล่อใจ เหมือนกับผูกลาที่มีหญ้าอยู่บนหัวนั้นไว้ที่หินบดแบบนั้น”
พูดไป ผมก็หยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋า ห้านิ้วพลิกไปมา เหรียญนั้นหมุนไปมาด้วยความเร็วแต่เริ่มต้นจนสุดท้ายก็ไม่ตก
“ผมพึ่งพาสิ่งนี้เพื่อเติมเต็มความสุขให้ผู้หญิง ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ลูกค้าของผมยังไม่เคยกินผม คนเดียวก็ไม่เคย”
อยู่เสี้ยงเฉียนมองมาที่ผม จากนั้นแตะชามเซรามิกที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ
ผมรู้ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องนอนกับลูกสาวทั้งสองของเขานั้นท้ายที่สุดก็จบลงชั่วคราว เหรียญก็ถูกผมเก็บไป ใส่กลับเข้าไปในกระเป๋า เหมือนว่าหัวใจที่เต้นรัวนั้นได้กลับเข้าไปในหน้าอกอีกครั้ง
“ชามใบนี้ไม่เลว เคยมีชามที่คล้ายกันได้มีการประมูลขายออกไปสี่ล้านหยวน มันมีชื่อว่าชามหลากสีสลักด้วยไข่ขาวเคลือบ เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบลายครามที่ผลิตขึ้นในราชวงศ์หยวน……”
อยู่เสี้ยงเฉียนพูดออกมามากมาย แต่ลักษณะเฉพาะผมไม่ค่อยเข้าใจ อย่างไรก็ตามรู้เพียงว่าชามนี้แพงกว่าชามสี่ล้านนั้นอยู่พอสมควร และยังเป็นของแท้อีกด้วย
หลังจากพูดหลายสิ่งหลายอย่างจบ อยู่เสี้ยงเฉียนก็หันมามองผม “ของพวกนี้ที่ขุดออกมาจากสุสานยังมีอีกเท่าไหร่ ฉันจะรับไว้ทั้งหมด”
ผมไม่เข้าใจเขาตัดสินใจจากตรงไหนออกมาว่าชามนี้มาจากสุสาน แล้วผมก็ไม่สนใจในจุดนี้ด้วย
“ของมีครับ แต่ว่าผมกลัวว่าหลังจากที่ให้ของคุณไปแล้ว ผลประกอบการของพี่น้องคนนั้นของผม คงจะพังทลาย”
“นั่นมันเป็นเรื่องของการทิ้งสถานภาพ ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีสถานภาพหรืออนุญาตให้ทำได้ แต่ว่าตอนนี้หน้าของฉันอยู่เสี้ยงเฉียนเทียบกับสิ่งของพวกนี้แล้วมีค่ามากกว่า แกก็น่าจะเข้าใจ”
ที่อยู่เสี้ยงเฉียนพูดนั้นเป็นความจริง ดังนั้นผมเลยพยักหน้า
“ผมสามารถช่วยติดต่อให้คุณได้ ให้เขานำสิ่งของพวกนั้นมาให้คุณ แต่ว่าผมมีเงื่อนไข”
อยู่เสี้ยงเฉียนเอนกายอยู่บนเก้าอี้หวาย ค่อยๆจ้องมองมาที่ผม “เงินไม่ใช่ปัญหา”
ผมจองมองกลับไปที่อยู่เสี้ยงเฉียนเหมือนกัน “ผมไม่ต้องการเงิน ผมต้องการหัวของผังเจี้ยนจวิน”
อยู่เสี้ยงเฉียนเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย นอกนั้นบนใบหน้าไม่มีการแสดงออกใดๆออกมาอีก ดูเหมือนว่าจะไม่แปลกใจเลยสักนิดที่ผมต้องการหัวของผังเจี้ยนจวิน
“คุณน่าจะรู้ หัวของผังบายีมีค่ามากกว่าชามใบนี้เยอะมาก และหัวของเขาสำหรับฉันคนนี้ไม่สามารถประเมินค่ากับของเก่าได้ ของเก่าเป็นของที่ตายแล้ว แต่คนยังมีชีวิต คนมีชีวิตย่อมมีประโยชน์มากกว่าของเก่าที่ตายแล้วมาก”
ทันที อยู่เสี้ยงเฉียนจ้องมาที่นัยน์ตาของผม “แต่ว่าความคิดของคุณนี้ ถ้าไม่มีความมั่นใจมากพอ อาจจะทำให้หัวของคุณหลุดออกมาได้ ดังนั้นฉันเลยอยากจะรู้จริงๆ และมีสิ่งของอะไรที่ทำให้คุณมีความกล้ามากพอ ที่จะทำให้คุณกล้ามาเสนอเงื่อนไขแบบนี้ออกมายื่นให้ฉัน”
“ผมสามารถบอกคุณตามตรงได้หรือเปล่า?”
“นี่คงไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงที่คุณมาพบฉันใช่มั้ย?”
พูดคุยเจรจากับจิ้งจอกเฒ่านั้นเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก แต่ก็มีบางครั้งที่ดูจะง่ายมาก เขาอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วผมต้องการอะไร และผมมีอะไร
ดังนั้น หลังจากการไตร่ตรองมาสักพัก ผมก็เอ่ยปากออกไปตรงๆ: “ผมมีรากตี้หวัน”
ตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามา จนถึงเมื่อกี้ ผมยังไม่เห็นอยู่เสี้ยงเฉียนมีการเปลี่ยนแปลงการแสดงความรู้สึกอะไรออกมา
แต่พอหลังจาก ‘รากตี้หวัน’ออกมา อยู่เสี้ยงเฉียนก็ยากที่จะเก็บอาการรักษาอารมณ์ให้สงบเงียบเหมือนบ่อน้ำที่ไม่มีคลื่นได้อีกต่อไป
อยู่เสี้ยงเฉียนเคาะโต๊ะ จ้องมองมาที่ตาทั้งคู่ของผม “ลู่หย่าฉี”
ผมส่ายหัว “ไม่ใช่ป้าลู่”
“นอกจากเธอแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เธอสามารถเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณได้ และพิสูจน์ได้ว่าพวกคุณสองคนไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป”
“ผมไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะมีกำแพงที่ลมผ่านไปไม่ได้ คุณส่งคนให้ไปหารากเทียนหวัน ป้าลู่เองก็เคยส่งคนไปหา จางหงหวู่เคยจัดหาผู้หญิงมาให้คุณ……เรื่องนี้นั้นมาจากหลายทาง คนที่ห่วงใยก็สามารถดมกลิ่นพวกนี้เจอได้”
“ทำไมคุณถึงกลายเป็นคนห่วงใยขึ้นมา”
“นั่นเป็นเพราะว่าหลังจากผมนอนกับลูกสาวสองคนของคุณจึงได้รู้ คุณพ่อของพวกเธอเป็นเพียงสิงโตจำศีล”
อยู่เสี้ยงเฉียนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เคาะโต๊ะต่อไปเรื่อยๆ จากนั้นหยิบบุหรี่จากในกล่องบุหรี่ไม้ออกมาจุดอีกมวน
เขาสูบบุหรี่ ดังนั้นผมก็อยากสูบด้วย อยากสูบก็สูบ ผมเลยจุดบุหรี่ขึ้นมาอีกหนึ่งมวน
ในห้องเต็มไปด้วยควันบุหรี่ ไม่นานก็เหมือนดินแดนสวรรค์ แต่ว่าก็สำลักบ้าง
อยู่เสี้ยงเฉียนลุกขึ้น เปิดหน้าต่าง ให้แสงอาทิตย์ช่วงเที่ยงส่องเข้ามาในห้องหนังสือ ส่องมาที่บนตัวเขา เหมือนส่องมาที่หัวใจของเขา ทำลายหมอกควันและความเสียใจที่มีมายาวนานหลายปีออกไป
“รากตี้หวันไม่ใช่รากเทียนหวัน ถึงแม้ว่ารากเทียนหวันจะไม่สามารถแลกกับหัวของผังบายีได้ ถ้าหากว่าคุณยังยืนกรานว่าจะเลือกแบบนี้ ฉันก็จะสามารถทำให้คุณกับจางหงหวู่หายไปด้วยกัน ของหายไปก็ให้มันหายไป ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น ฉันอายุเกินหกสิบปีแล้ว กับเรื่องความต้องการแบบนั้นก็น้อยลงไปตามอายุ แต่ว่าคนอื่นยังคงต้องมีชีวิตอยู่”
พูดจบ อยู่เสี้ยงเฉียนก็หันศีรษะมาจ้องมองผม “คุณพูดว่าคุณพ่อของถิงถิงและปู้หนานเป็นหัวสิงโต ถ้าอย่างงั้นคุณเคยได้ยินสิงโตตัดสินใจหักเล็บตัวเองมั้ย?”
“เล็บสามารถต่อได้”
“แล้วถ้าต่อแล้วไม่เชื่อฟังจะทำอย่างไร?”
“งั้นหัวสิงโตมีความสามารถเพียงพอที่จะกัดให้หักอีกรอบ”
“คุณสามารถให้หวูเจิ่นดงตายได้เหรอ?”
นี่เป็นการถามกลับสุดท้ายของอยู่เสี้ยงเฉียน การถามกลับของเขาทำให้ผมพูดไม่ออก
เห็นได้ชัดว่า เขาได้รับรู้เรื่องการดำรงอยู่ของหวูเจิ่นดงจากดงป๋อชวน รู้จักผมอย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับการรู้จักนิสัยผมแบบตื้นเขินเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งตอนนี้ผมมีความโชคดีอยู่บ้าง โชคดีที่ตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสุดท้ายนอกเหนือจากเรื่องลู่หย่าฉีแล้ว ไม่ได้พูดโกหกกับเขาอะไรอีกเลย
แต่ว่าผมก็ยังมีความรู้สึกกลัวอยู่บ้าง เรื่องของลู่หย่าฉี สิงโตจำศีลตัวนั้นไม่รู้จริงๆเหรอ? หรือว่ามีเหตุผลบางอย่าง ที่เขาจงใจไม่ยอมเปิดเผย
สีหน้าของผมอันสงบเยือกเย็นนั้นแต่ในใจเกิดคลื่นลูกใหญ่ภายใน อยู่เสี้ยงเฉียนเปิดปากอีกครั้ง
“ผังบายีไม่สามารถตายได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่สามารถตายด้วยมือของฉัน”
เสียงพูดของเขานั้นสงบราบเรียบ เหมือนมหาสมุทรที่เงียบงัน แต่ว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถละเลยพลังที่คาดเดาไม่ถูกเวลาที่เกรี้ยวกราดได้
ท้ายที่สุด ผมเพียงแค่เลือกที่จะถอยออกมาหนึ่งก้าว ถึงแม้ว่าก้าวนี้จะยังไม่ได้แตะจุดสุดท้ายของผมเลยก็ตาม
“ผมต้องการความปลอดภัยที่แน่นอนของผมและจางหงหวู่ และผังบายีรามือจากการเกี่ยวกับสถานบริการกลางคืน”
อยู่เสี้ยงเฉียนหันศีรษะ หันไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง “ฉันทำได้เพียงรับปากเรื่องความปลอดภัยของจางหงหวู่ ปลอดภัยอย่างแน่นอน”
“แบบนี้ก็ดีมาก”
ผมลุกขึ้นแตะชื่อที่แสนยาวบนโต๊ะนั้น ชามเก่าๆที่มาจากในสุสานคนตาย จากนั้นก็ทำมันแตกลงไปบนพื้นโดยตรง
เสียงดังฟังชัดมาก แตกออกเป็นชิ้นใหญ่เล็กไม่มีชิ้นดีหลายสิบชิ้น
อยู่เสี้ยงเฉียนไม่ได้หันศีรษะกลับมา “คุณกำลังรนหาที่ตาย”
“ใช่แล้ว อย่างงั้นคุณอยู่เสี้ยงเฉียนยังจะรออะไรอีก?!”