วันชาติ มาถึงอย่างเงียบเชียบ ช่วงนี้ผมงานยุ่งจนลืมไปเลยว่ามีวันชาติอยู่ จนกระทั่งได้รับสายนี้ ผมถึงได้เห็นว่าข้างทางระหว่างไปสถานีรถไฟมีธงชาติเล็กๆ ปักอยู่ กลางจัตุรัสประดับด้วยดอกไม้เป็นตัวอักษร ‘สุขสันต์วันชาติ’
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น ผมรีบไปที่สถานีรถไฟ จากนั้นลู่ปู้หนานก็โทรหาผม
“พี่เฟิง ฉันกลับมาแล้ว ตอนนี้อยู่ที่สถานีรถไปแล้วนะ พี่อยู่ไหน ให้พวกฉันโบกรถไปหาพี่เหรอ?”
“ผมรู้แล้ว ยังมีจี้หลิน ผมอยู่ที่สถานีแล้ว”
“ฮ่า ฉันกะแล้วว่าเจ้าชายไก่ทอดของฉันไม่มีทางลืมเสียงของฉันแน่”
จี้หลินที่กำลังเล่นทวิตเตอร์ พูดไปเรื่อยจนเจอกันถึงได้วางสายลู่ปู้หนาน จากนั้นก็ตัวลอยโผเข้าหาผม
ต่อมา ผมก็เบี่ยงตัวนิดๆ หลบ หน้าอกอวบอิ่มที่จู่โจมมาของเธอ จากนั้นก็กอดลู่ปู้หนานที่อยู่ด้านหลังเธอ และจูบหนักๆ ที่ใบหน้าเล็กแสนน่ารักของเธอ
จูบนี้ ทำให้หน้าของลู่ปู้หนานเต็มไปด้วยความอิ่มเอม ยิ่งปลุกความผยองเล็กๆ ในสายตาของเธอ ให้มองไปทางจี้หลินอย่างหยอกเย้า
“เจ็บปวดเกินไปแล้ว โจมตีกันเกินไปแล้ว ……”
จี้หลินมุ่ยปาก แล้วดึงแขนของลู่ปู้หนานไว้ “ปู้หนาน ให้ฉันยืมกอดหน่อยเป็นไร เป็นผู้ชายที่ดีอะไรอย่างนี้ เธอแบ่งแขนให้ฉันสักข้างก็ได้”
“ไม่มีทาง พี่เฟิงเป็นของฉัน!”
ในที่สุดผมก็ไม่ได้หลบจากหน้าอกทรงเสน่ห์ของจี้หลิน แขนข้างหนึ่งถูกลู่ปู้หนานกอด แขนอีกข้างถูกจี้หลินกอด และไม่รู้ว่าจี้หลินจงใจหรือไม่ ถึงได้เอาหน้าอกอวบอิ่มมาบดเบียดแขนของผม ผมเดาว่าผิวเรียบลื่นของเธออาจจะเสียดสีกันอยู่
“คุณไม่ได้บอกน้าลู่เรื่องที่พี่สาวคุณกลับมาเหรอ?”
บนรถ ผมถามลู่ปู้หนาน
ลู่ปู้หนานตอบ “พี่สาวของฉันบอกจะเลี้ยงอาหารกลางวัน แม่ของฉันไม่มีว่าง ต้องอยู่บ้านดูแลพ่อของฉัน”
ดูเหมือนอยู่เสี้ยงเฉียนจะกลับมาแล้ว ดังนั้นเรื่องของผมที่จะเกิดเร็วๆ นี้ คงต้องหาเวลาไปพบเขา
ลู่ปู้หนานเชิญจี้หลินไปอยู่บ้านของเธอ จี้หลินปฏิเสธไปเพราะไม่คุ้นเคย จากนั้นก็ให้ผมไปส่งเธอที่โรงแรม
โรงแรมเป็นสถานที่ที่ดี สถานที่ที่สามารถปลดปล่อยได้ตามใจ นี่ดีมาก
ช่วยจี้หลินเลือกโรงแรมที่ใกล้กับคฤหาสน์ตระกูลหยู่ และผมก็กลายเป็นคนขับรถของนายหญิงทั้งสองท่านนี้ พวกเธอมีหน้าที่ช้อปปิ้ง ผมมีหน้าที่ถือของ ขาพันกันทั้งเช้า
เมื่อถึงมื้อกลางวัน มาถึงร้านอาหารที่หยู่ถิงจองไว้ จากนั้นผมก็กอดเธอ และจูบอย่างเร่าร้อน
ใบหน้าของลู่ปู้หนานปรากฏรอยยิ้มใจดี ชัดเจนว่าเธอไม่ใส่ใจอะไรแบบนี้ สองสาวพี่น้องแม้แต่ครั้งแรกยังมอบครั้งแรกให้ได้ เรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นอะไร
แต่เห็นได้ชัดว่าจี้หลินไม่คิดแบบนี้ เธอรู้สึกสับสน
มองลู่ปู้หนาน มองหยู่ถิง เธอคล้ายจะเจอเรื่องยุ่งยากแล้ว สุดท้ายแล้วก็สับสนไปหมด
“นี่เป็นพี่สาวของเธอ แต่เฉินเฟิงกับเธอ……”
ลู่ปู้หนานมีสีหน้ากระดากอายนิดหน่อย แต่ยังฟุบอยู่ข้างหูของจี้หลิน พูดบางอย่างกับเธอ
จากนั้น ผมก็เห็นว่าจี้หลินตกใจจนอ้าปากค้าง ทุกเรื่องที่ผมทำเป็นเรื่องที่ไม่อาจรับได้
เนิ่นนาน จู่ๆ เธอก็พูด “เจ้าชายไก่ทอด ถ้างั้นนายก็พาฉันไปด้วยสิ ฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าสนุกมาก ดูท่าทางจะสนุกสุดๆ!”
จากนั้น ก็มีใบหน้ายิ้มแย้มสองใบหันมองทางเธอ หนึ่งคือหยู่ถิง อีกหนึ่งคือลู่ปู้หนาน ใบหน้ายิ้มแย้มทั้งสองมีท่าทีคุกคามเหมือนกัน
“ล้อเล่น ก็แค่ล้อเล่นเอง ฉันก็แค่ฉวยโอกาสวันชาติมาเที่ยวหาพวกคุณที่นี่กับปู้หนานเท่านั้น”
ทุกคนกินข้าวด้วยกัน เป็นการต้อนรับจี้หลิน พวกเธอทั้งสามคนต่างดื่มเหล้า แต่ไม่มาก ผมมีหน้าที่แค่ขับรถ เป็นธรรมดาที่จะไม่ดื่ม
ระหว่างทานข้าว ทุกคนก็พูดคุยกันเสียงดัง ทั้งคุยทั้งหัวเราะ
ใต้โต๊ะเองก็คึกคัก บางครั้งเท้าก็ทะเลาะกับหยู่ถิง บางครั้งก็เอาเท้าไปเตะเท้าเล็กของลู่ปู้หนานที่อยู่ใต้โต๊ะ บางครั้ง ก็ยั่วเย้าจี้หลินที่อยู่ทางขวา ถูไถกับปลีน่องเรียบเนียนของเธอ
เธอไม่ได้ปฏิเสธ ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังทานข้าวกลางวัน หยู่ถิงยังต้องทำงานจึงปลีกตัวออกไป กำชับพวกเราเล่นกันให้สนุก ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเธอรับผิดชอบเอง
ผมขับรถไปส่งเธอ ระหว่างทางผมถามสถานการณ์ของลู่ปู้หนานกับเธอ
“สบายดี ทุกอย่างปกติ และยังไม่ได้ออกไปไหนอีก”
“ผมได้ยินมาว่าลุงหยู่กลับมาแล้ว”
หยู่ถิงพยักหน้า เธอรู้ว่าผมอยากถามอะไร
“อยากได้อย่างละเอียดไหม ฉันเองก็รับปากไม่ได้ เรื่องนี้ฉันถามพ่อของฉันตรงๆ ไม่ได้ ฉันหาโอกาสถามลู่ปู้หนานก็รู้แล้ว”
“ไม่ต้อง ถ้ามีโอกาสผมจะไปพบลุงหยู่ เรื่องนี้ผมต้องการถามเขาด้วยตัวเอง มีเพียงคำตอบของเขาที่เป็นความจริงที่สุด”
หยู่ถิงครุ่นคิด แล้วพยักหน้าเบาๆ เธอเข้าใจความหมายของผม
เมื่อใกล้ถึงประตูบริษัท จู่ๆ หยู่ถิงก็ถามผม “เจ้าชายไก่ทอดเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ผมรู้ว่าเธอฉลาดขนาดไหน คงไม่พลาดคำที่จี้หลินเรียก
ดังนั้น ผมเลยบอกหยู่ถิงเรื่องที่เดิมทีแล้วจะไปโตเกียว
เรื่องที่พูดก็จบลงแล้ว และก็มาถึงหน้าประตูบริษัทของเธอแล้ว
จากนั้น ก็มีมือขาวนวลหยิกมาที่ต้นขาด้านในของผม แบบนี้เจ็บจี๊ดมาก เจ็บจนต้องกัดฟัน
“คุณทำอะไร?”
“ฉันอิจฉาแล้ว สมน้ำหน้าคุณ ให้คุณแบกฉันไปแอบกินปู้หนาน……”
หลังจากหยู่ถิงลงรถ เขากำลังจะออกไป ไอ้หวางพนักงานรักษาความปลอดภัย ก็ส่งบุหรี่ให้ผมมวนหนึ่ง
ไม่ใช่บุหรี่ที่ดีนัก แต่เขายังจำผมได้ จำได้ว่าหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของเขามาจากผม
สูบบุหรี่กับไอ้หวาง จากนั้นก็ขับรถออกไป จนกลับมาถึงร้านอาหาร
เมื่อถึงร้านอาหารฝันร้ายก็ได้เริ่มขึ้น ลู่ปู้หนานกับจี้หลินก็เริ่มบ้าซื้อของอีกครั้ง นี่ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจ โตเกียวเมืองระดับโลกที่ใหญ่มาก ถ้าไม่มีอะไร กลับมาซื้อทำไมกัน?
คำอธิบายของพวกเธอทำให้ผมรู้สึกไร้คำพูด เพราะราคาถูกกว่า……
ซื้อของตลอดบ่าย เมื่อถึงตอนเย็นลู่ปู้หนานกับจี้หลินก็กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลหยู่แล้ว
ถึงอย่างไรก็กลับมาจากพักร้อน ลู่ปู้หนานก็อยากกลับไปดูบ้านสักหน่อย
แต่เธอได้บอกไว้ก่อนแล้ว เย็นวันนี้ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น ต้องรอสายของเธอ เพราะคืนนี้เธอเตรียมจะไม่อยู่บ้าน ไปพักกับไฟแช็กหนึ่งคืน
แน่นอนว่า นี่เป็นแค่สิ่งที่บอกแก่อยู่เสี้ยงเฉียนกับลู่หย่าฉี
เวลาสองทุ่มกว่า ลู่ปู้หนานก็โทรหาผม จากนั้นผมก็ไปรับพวกเธอในที่ที่นัดกันไว้
ลู่ปู้หนานขอตัวกลับไปนอน จี้หลินกลับขอตัวไปร้องเพลง ด้วยจิตวิญญาณของแขกที่มาจากแดนไกล ลู่ปู้หนานยอมประนีประนอม
จากนั้นฉันพาพวกเธอมาจนถึงเฟิงหวู่KTVคาราโอเกะ
พวกเราเจอถังก๋อก่อที่ล็อบบี้ เท้าของเธอดูดีขึ้นมาก ถ้าไม่สังเกตดีๆ ย่อมมองออกว่ามีร่องรอยของการเคล็ดอยู่
หลังจากพนักงานพาลู่ปู้หนานกับจี้หลินเข้าไปในห้องส่วนตัว ถังก๋อก่อก็จ้องเขม่งมาที่ผมอย่างดุร้าย
“เถ้าแก่เป็นคนเลว เถ้าแก่เสร็จไปสองรอบ!”
“เธอนี่ช่างไม่รู้อะไรเลย ไม่งั้นนายก็เพิ่มอีกหนึ่ง เป็นสามรอบ?”
หน้าเล็กๆ ของถังก๋อก่อแดง “ไม่!”
มาที่ในห้องส่วนตัว พาคนบ้าสองคนร้องเพลง พวกเธอประหลาดใจมาก และไม่รู้จะร้องเพลงอะไรดี แต่ดูแล้วมีความสุขมาก
ร้องมาได้ครึ่งทาง โทรศัพท์ของลู่ปู้หนานก็ดังขึ้น เป็นลู่หย่าฉี ดังนั้นจึงหยิบโทรศัพท์แล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ อีกแล้ว ในห้องเหลือแค่ผมคนเดียว กับจี้หลินที่จ้องจะเขมือบผมตลอดเวลา
เธอมีจิตใจที่ชั่วร้าย……