ในใจผมปั่นป่วนเล็กน้อย ในใจอยากกลับไปโรงแรมที่ไปมาเมื่อคืน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าช่างมันจะดีกว่า
เธอไม่อยู่ในโรงแรมก็ไม่สามารถจะยืนยันอะไรได้ เธอาจจะกำลังตัดสินใจฆ่าตัวตาย หรืออาจจะตายแล้ว หรืออาจจะไปห้างก็ได้
ขณะที่ในหัวกำลังหมกมุ่นแต่เรื่องนั้น เสียงข้อความก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ของผม
เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็ทำให้ผมเบาใจลง เพราะคนที่ส่งมาคือ ซูเสี่ยวฉิน
” คุณยังไม่ตาย ฉันจะตายได้ยังไง ”
ผมจุดบุหรี่ แล้วสูดมันเข้าไป ผมนั่งลงบนโซฟา นอนไปนอนมาก็ถึงเวลาสี่โมงเย็น แม้แต่ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดแล้ว ผมก็ขับรถไปยังที่อยู่ของJasonกับจางซานตั้น
เมื่อจอดรถ ก็เดินขึ้นตึกไปแล้วเปิดประตู
ในขณะนั้นตรงประตูรถ ผมก็พบกับเฉินหลิน ที่กำลังโค้งตัวลงใส่รองเท้าเพื่อจะเตรียมตัวออกไปข้างนอก
เมื่อเธอเห็นผม ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงใส่รองเท้าต่อไป
” Jasonล่ะ ”
” ไปทำงานแล้วล่ะ เหมือนช่วงนี้จะไม่กล้าไป เพราะเปลี่ยนไปทำร้านใหม่ ”
เฉินหลินโค้งตัวลงไปขยับรองเท้าสีม่วงประกายของเธอไปมา พอมาถึงด้านหลังตัวเธอ มือของผมก็จับเอวของเธอเอาไว้ แล้วชนเข้าอย่างแรงหลายครั้ง เมื่อคืนอดกลั้นต่อซูเสี่ยวฉินมานาน ตอนนี้เฉินหลินไม่จำเป็นต้องยั่วเพียงแค่ท่าทางของเธอที่ดูครุมเครือแบบนี้ ก็ทำให้ไฟในตัวผมโหมขึ้นมาอีกครั้ง
เหมือนมันไปชนเข้ากับตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ ทำให้เธอร้องอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาเสียงกระเส่า จึงเตะรองเท้าที่ใส่ยังไม่เสร็จออกไป ก็จะหันมาโอบคอผมด้วยแขนทั้งสองข้าง แล้วโดดขึ้นมาบนตัวผม ขาทั้งสองข้างหนีบเอวผมไว้ เหมือนรากต้นไม้ที่ยึดดินไว้แน่น
” ทำอะไร เป็นลิงอยู่บนต้นไม้หรือไง ลงมา คุณหนักเกินไปแล้ว อุ้มไม่ไหวหรอก ”
” ฉันไม่ได้หนักสักหน่อย น้ำหนักฉันไม่ถึงห้าสิบกิโลเลยด้วยซ้ำ! ”
เฉินหลินลงมาอย่างขัดอกขัดใจ จากนั้นผมจึงจูงมือเธอไปนั่งที่โซฟา แต่เธอโผงผางมากกว่าโดยการนั่งลงมาบนขาของผม ยังไม่หยุดที่จะยั่วยวนและปลุกปั่นอารมณ์ของผม
” อย่ามาโยกแบบนี้ ค่อยโยกให้น้ำแตกละกัน ผมขอถามอะไรคุณหน่อย ”
เฉินหลินหยุดโยกตัว ” ว่าไง ”
” คุณคิดว่าเราสองคนกำลังทำเรื่องแบบนี้อยู่ ถ้าJasonกลับมาพอดี จะเป็นยังไง ”
” ไม่เป็นไรหรอกหน่า เขาไม่กลับมาหรอก เขา… ”
” ผมอยากรู้ว่าเขาจะทำยังไง ”
คำพูดของเธอโดนผมตัดบท โดยเฉพาะเมื่อผมตั้งคำถามเชิงนี้ เธอเลยทำหน้าทำตา ” คงจะเอาชีวิตนายล่ะมั้ง ”
คำตอบนี้ไม่เกินความคาดหมายของผมเลย เพราะเมื่อก่อนไม่ว่าจะทางคำพูดหรือการกระทำ Jasonมักจะคลั่งรักในตัวเฉินหลินเสมอ พูดง่าย ๆ คือ เขารักเธอมาก รักจนหูหนวกตาบอด ถึงขนาดลืมผมไป
แต่นี่ คือสิ่งที่ผมต้องการทั้งหมด
” ถ้าสมมติว่าคุณบอกเขา ว่าผมข่มขืนคุณ เขาจะทำยังไง ”
ใบหน้าของเฉินหลินปรากฏรอยยิ้มออกมา ” คุณคงต้องหนีตายแล้วล่ะ เพราะเขาจะต้องฆ่าคุณตายแน่ ๆ ”
” ขนาดนั้นเชียว ”
” ก็ใช่น่ะสิ! ”
เฉินหลินพูดออกมาอย่างมั่นใจ เหมือนกฎคณิตศาสตร์ที่ตายตัวว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับเท่าไหร่ เธอตอบผมว่าสองอย่างนั้นเลย เธอไม่สงสัยในคำตอบของตัวเองแม้แต่น้อย
ผมคิดแล้ว เลยถามเธอไปอีก ” ผมต้องให้เงินคุณเท่าไหร่ ถึงคุณจะไปจากJason ”
เฉินหลินยื่นมือออกมาชูนิ้วทั้งห้า ผมนึกว่าห้าแสน แต่เธอส่ายหัว ยิ้มแล้วพูดกับผมต่อว่า ” ห้าเหรียญ ”
“ฉันชอบเวลาที่ได้อยู่กับคุณมาก ๆ เลยนะ ฉันไม่ชอบอยู่กับเขาหรอก ถึงตอนนี้จะอยู่ด้วยกันก็เถอะ ฉันแค่ต้องการเงินของเขาไว้ใช้ประทังชีวิตตัวเองเฉย ๆ เรื่องนี้คุณก็รู้นี่นา อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าฉันชอบอะไรคุณก็น่าจะเข้าใจนะ ”
ผมรู้ว่าเธอต้องการอะไร เธอไม่ได้ต้องการแค่ห้าเหรียญ เธอยังอยากได้เงินมากกว่านั้น แต่เธอไม่ได้บอกจำนวนเงินนั้นออกมาตรง ๆ เธอโลภมาก เธอไม่พูดตัวเลขที่แน่นอนออกมาเพราะจริง ๆ แล้วตัวเธอเองก็อยากได้มากกว่านั้น
เมื่อเฉินหลินใช้หน้าอกอันอวบอิ่มของเธอถูเบา ๆ บนอกอันแข็งแรงของผม ผมเลยพลิกตัวลงไปบนโซฟา
เธอปลดเข็มขัดของผมออกอย่างรู้งาน เหมือนเธอรู้อยู่แล้วว่าผมจะทำอะไรต่อไป
” คุณเตรียมตัวโดนขืนใจได้เลย! ”
พูดจบผมก็ใช้นิ้วดีดเข้าระหว่างขาของเฉินหลินอย่างจัง ขณะที่เธอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ผมก็จากไปพอดี
ผมลงมาชั้นล่างแล้วขึ้นรถ ผมคิดบางอย่างได้ เลยขับรถไปยังคฤหาสน์ตระกูลหยู่
เมื่อจอดรถเสร็จ ผมก็กดออดตรงประตู คนที่เดินมาเปิดประตูคือ ลู่หย่าฉี
เมื่อเดินตามเธอเข้าไปยังห้องรับแขก ผมจึงถามหาอยู่เสี้ยงเฉียน เธอบอกว่าเขาไม่อยู่บ้าน
” แล้วในบ้านยังมีคนอื่นอยู่อีกไหมครับ ”
ลู่หย่าฉีส่ายหัว จากนั้นก็มองมาทางผม แล้วเรียวขายาวสวยสองข้างนั้นก็สีกันไปมา เหมือนกระสับกระส่ายร้อนรนกับอะไรบางอย่าง
ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอ แล้วกดตัวเธอลงไป ผมจูบเธออย่างดุดัน ลิ้มรสลิ้นอันหอมหวานของเธอ ลิ้นของเธอนั้นดึงดูดผมราวกับร่างกายหญิงสาวที่เซ็กซี่ชวนมองอย่างไรอย่างนั้น มันเปี่ยมไปด้วยความเซ็กซี่และเสน่ห์เหลือล้น
เมื่อผมอยากได้อะไรบางอย่างจากเธอมากกว่านั้น เธอก็หยุดชะงัก
” เฉินเฟิง ที่นี่ไม่เหมาะหรอก อยู่เสี้ยงเฉียนกลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ เป็นวันอื่นได้ไหม เดี๋ยวฉันติดต่อคุณไป ”
” ถ้างั้นคุณก็จูบมันเสียหน่อยสิ มันคิดถึงคุณจะแย่ ”
ลู่หย่าฉีไม่พูดอะไร ผมก็ไม่พูดต่อ เราสองคนมองตากัน ไม่นาน เธอก็ยื่นมือนิ่มอันขาวนวลนั่นมารูดซิปกางเกงของผม
เมื่อการจูบและโลมเลียของเธอผ่านไป ผมก็เห็นได้ถึงความกระหายในตัวของลู่หย่าฉี มันชัดเจนที่ว่า อยู่เสี้ยงเฉียนก็ดี แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการของเธอได้เลย อีกทั้งยังทำให้ไฟในตัวเธอลุกโชติช่วงได้ขนาดนี้
เมื่อทำเรื่องอย่างว่ากันเสร็จ ผมก็บอกให้ลู่หย่าฉีโทรหาอยู่เสี้ยงเฉียน
” คุณจะโทรหาเขาทำไม ”
” ผมจะบอกมันว่า ผมรักคุณ ให้มันส่งคุณมาให้ผม ผมอยากเอาคุณทั้งวันทั้งคืนไปเลย ”
ลู่หย่าฉีหน้ายู่แต่ก็ยิ้มออกมา ” ถ้าคุณกล้าพูดแบบนั้น ถ้าฉันจะต้องตายไปพร้อมคุณมันก็ง่ายอยู่ แต่คุณจะนำความหายนะมาใส่ตัวฉันนี่สิ ”
ผมตีเข้าไปที่ตูดงอนเด้งของเธอหนึ่งที แล้วเธอก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ เพื่อโทรหาอยู่เสี้ยงเฉียน
ผมจุดบุหรี่หนึ่งมวนแล้วดูดมัน จากนั้นก็ฝากลู่หย่าฉีบอกอยู่เสี้ยงเฉียนว่า ” ผมปวดขี้ แค่อยากบอกเฉย ๆ ”
ลู่หย่าฉีขมวดคิ้ว เธอคิดว่าคำพูดนี้มันหยาบคายไปหน่อย แล้วก็ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร
” พี่ลู่ เชื่อผมเถอะ แค่บอกลุงอยู่แบบนั้นเขาก็เข้าใจเองนั่นแหละ ”
ลู่หย่าฉีเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ” ลุงอยู่อยากพูดกับคุณ ”
ผมรับโทรศัพท์มา แล้วดึงตัวลู่หย่าฉีเข้ามาอยู่ในอ้อมอก แล้วเล่นหน้าอกอันอวบอั๋นของเธอไปด้วย ทั้งนิ่มและยืดหยุ่นจริง ๆ เล่นเอาผมหลงจนแทบบ้า
โทรศัพท์ก็ตามมาด้วยเสียงของอยู่เสี้ยงเฉียน ” มีอะไรรึเปล่า ”
ผมมองไปที่ลู่อย่าฉีที่กำลังกัดปากกลั้นเสียงกระเส่านั่นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ก่อนจะตอบคนในสาย ” ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ แต่ถ้ามีเรื่อง เขาก็คงเข้าใจว่าเป็นขี้กองนี้คงเป็นลุงอยู่ที่เป็นคนขี้ที่บ้านของเขาเองล่ะมั้ง ”
อยู่เสี้ยงเฉียนขำตาม ” ถ้ามึงกล้าพูดกับกูขนาดนี้ ไม่กลัวกูเข้าประตูหลังมึงบ้างเหรอวะ ”
” คุณยังกล้าให้ตั่นโก๋ซูนมาบ้านได้ทั้งวันทั้งคืนเลย ผมว่าท่านคงไม่รังเกียจผมเหมือนกัน ”
ไม่ได้แค่พูดอย่างเดียว ขาสองข้างที่เรียวยาวของลู่หย่าฉีนั้นดึงดูดผมเสียเหลือเกิน ผมเลยผลักเธอลงไปนอนลนโซฟา แล้วค่อยๆ ลูบมันไปมา มันทั้งละเอียดแล้วนิ่มสู้มือสุด ๆ อีกทั้งยังยืดหยุ่นได้ดี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งสวยงามของโลกใบนี้เลยทีเดียว
” แล้วมึงมีอะไรจะพูดอีก ”
” คุณเป็นพ่อของหยู่ถิงกับปู้หนานนี่ครับ ”
คนในโทรศัพท์เงียบไปหลายวิ จากนั้นก็มีเสียงอยู่เสี้ยงเฉียนดังออกมา
” พักนี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี เดินไปไหนก็ขี้ตรงนั้นนั่นแหละ ”
” ครับ สวัสดีครับ ”
เมื่อวางโทรศัพท์ ลู่หย่าฉีก็ร้องน้ำเสียงกระเส่าที่กลั้นมานานอย่างสุดเสียง มันเป็นเสียงที่น่าลุ่มหลงเสียเหลือเกิน ทำให้ใครก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น