กลับมาถึงที่พัก ผมอุ้มหันเจิงลู่ขึ้นข้างบน วางเธอลงบนเตียงทันที ทั้งหมดนี้ เธอไม่ปฏิเสธเลย
จากนั้นช่วยเธอถอดรองเท้า ช่วยเธอถอดถุงน่อง ไม่ง่ายเลยที่ดูแลให้ดีๆ จากนั้นก็รีบลงไปชั้นล่างซื้อของเตรียมตัวทำอาหาร
“คุณนี่มันโง่จริงๆ คุณพูดมาสิว่าคุณโง่หรือเปล่า สั่งอาหารไม่ได้หรือยังไงกัน? คิดไม่ถึงว่าจะยังมาทำอาหาร ฉันจ่ายเงินให้เอง!”
“คุณฉลาด ทั้งโลกนี้คุณเป็นคนฉลาดแล้วยังไง คุณฉลาดมากกว่าพ่อแม่หรือเปล่า? คุณมีเงินแล้วยังไง คุณมีมากกว่าลุงบิลเกตส์หรือเปล่า? สั่งอาหารแน่นอนว่ามันง่าย คนโง่ก็ยังรู้แล้วทำไมผมจะไม่รู้ละ แต่คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า คุณตอนนี้คุณอยู่ช่วงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาใช้น้ำมันอะไรให้เนื้ออะไร ผมไม่ไว้ใจ!”
หันเจิงลู่ถูกผมเถียงไปหนึ่งยก แต่ว่าเธอก็ไม่เถียงกลับมา
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ เธอจึงจะส่งเสียงอย่างจริงใจออกมาจากห้องนอน “ขอบคุณ”
“ไม่ต้องขอบคุณ รอจนร่างกายของคุณดีขึ้นแล้วก็มารับใช้ผมให้ดีก็พอ คุณถือว่าขายร่างกายให้กับผมแล้ว หรือว่าเป็นทาสทางเพศก็ได้ ถึงยังไงจากนี้ไปคุณอยู่ที่นี้ ไม่อนุญาตให้ไปไหน พออยากผมจะกลับมาให้คุณช่วยแก้ปัญหา คราวหน้าผมจะซื้อกางเกงในเหล็กมาล็อกให้คุณ จะได้ไม่แอบเข้าไปเล่นสนุกกับคนอื่นอย่างอิสระ……”
“ไสหัวไป คนเลวพูดยังไงก็มีแต่เรื่องเลวๆ!”
“ไม่ไป ปากคุณเองยังพูดจาเลวๆออกมาได้เลย!”
ตอกกลับไป ดูซิว่าผู้ชายอย่างผมเคยกลัวใครที่ไหน?!
หลังจากที่ทำโน่นทำนี่อย่างรีบร้อน ตอนกินข้าวเที่ยงก็เวลาเกือบจะบ่ายโมงครึ่งแล้ว ที่จริงทำซุปไก่นั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน
หลังจากที่อาหารทั้งหมดได้เก็บเรียบร้อยแล้ว จริงๆแล้วเธอนั้นอยากจะลงจากเตียงมากินข้าวด้วยตัวเอง จากนั้นถูกผมบังคับห้ามปรามไว้
หลังจากประคองเธอลุกขึ้น พาเธอพิงที่หัวเตียง จากนั้นผมตักซุปไก่ขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าเสร็จ ก็ป้อนเข้าปากของเธอ
เธอไม่ได้อ้าปาก แค่จ้องมองผม
ผมไว้ซุปไก่ลง หยิกหน้ารูปไข่ของเธอจูบปากเล็กๆที่ค่อนข้างซีดขาวอย่างรุนแรง สุดท้ายขนาดลิ้นก็บุกเข้าไป
แต่ว่า ผมไม่ได้แหย่ และหยุดจูบอย่างรวดเร็ว
“เอาละ ตอนนี้ขนาดน้ำลายคุณก็กินแล้ว เป่าซุปไก่ให้คุณกินก็คงไม่มีปัญหาอะไร ดื่มเถอะ!”
สีหน้าของหันเจิงลู่ค่อนข้างแดง และไม่รู้ว่าอายหรือว่าอย่างไรกัน
“ฉันไม่ได้รังเกียจที่คุณช่วยฉันเป่า ฉันก็แค่รู้สึกซาบซึ้งเท่านั้นเอง นอกจากแม่ของฉันที่จากไปแล้ว ฉันก็จำไม่ได้ว่าเคยมีคนช่วยฉันเป่าซุปไก่อีก ฉันซาบซึ้งมากจริงๆ ฉัน……”
เธอเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก ผมรีบยับยั้งเอาไว้ “เอาเถอะ หยุดก่อน ผมไม่ต้องการความซาบซึ้งของคุณ คุณตอนนี้อย่าซาบซึ้งอย่างเด็ดขาด ช่วงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษร้องไห้ไม่ได้ หยุดไว้ก่อน เก็บน้ำตาเอาไว้ทีหลัง ตอนผมทำกับคุณอย่างดุเดือดคุณค่อยร้อง และร้องยิ่งดังเท่าไหร่ผมก็ยิ่งดีใจมากเท่านั้น”
“คุณช่วยมีมารยาทหน่อยได้ไหมเนี่ย!”
“มีมารยาท มีมารยาทถ้าอย่างนั้นคุณต้องไม่ร้องไห้ฟูมฟายแล้วนะ?”
หันเจิงลู่เพิ่งจะเกิดอารมณ์โมโห จากนั้นถูกคำพูดของผมทำให้รู้สึกอบอุ่นอีกครั้ง
ไม่เลว ซาบซึ้งและอบอุ่น ทั้งหมดนั้นผมตั้งใจให้เธอรู้สึกแบบนั้น
แต่ว่าพูดตามความจริง เธอนั้นก็น่าสงสารมาก……
หลังจากป้อนให้เธอกินเสร็จเรียบร้อย และช่วยเธอเทน้ำ จากนั้นผมก็ออกจากบ้านไป
เธอถามว่าผมจะไปไหน ผมบอกออกจากบ้านไปเชิญพยาบาลมาดูแลเธอหลายวันนี้ แต่เธอปฏิเสธ
แต่ผมก็ยังคงออกจากบ้าน แน่นอนว่าผมไม่หานางพยาบาล โอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ ผมจะไม่เหลือไว้ให้คนนอนเด็ดขาด
ไปร้านแม่และเด็กซื้อสิ่งของและของบำรุงที่ใช้สำหรับผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกมามากมาย จากนั้นของเล็กของใหญ่ผมก็ขนกลับมา
“ผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักพวกเข็มขัดรัดหน้าท้องพวกนี้ พวกแผ่นรองต่างๆนี่มีประโยชน์ ผมก็เลยซื้อกลับมาหมดเลย ของบำรุงพวกนี้ช่วยกินนะ อะไรก็สามารถเสียหายได้แต่ร่างกายอย่าเสียหาย คุณดูซิคุณตัวเล็กขนาดนี้ ตอนเด็กๆจะต้องเสียหายอย่างหนักมาแล้วแน่ๆ”
“ถึงฉันจะเล็กแต่ฉันก็ภูมิใจ ฉันประหยัดเพื่อประเทศ คุณไม่ต้องมายุ่ง!”
หันเจิงลู่ในตอนนี้ เหมือนสาวน้อยที่โมโหอย่างเด็กๆ การแสดงออกว่าโมโหแบบเด็กๆนี้อยู่บนใบหน้าของคนจะอายุสามสิบอย่างเธอนั้น ไม่มีความไม่เข้ากันเลยแม้แต่นิดเดียว
“จะพูดไป คุณไม่ต้องการให้ผมช่วยหาพยาบาลมาดูแลคุณจริงๆใช่ไหม? ไม่อย่างงั้นคืนนี้ผมไปทำงาน คุณว่าอย่างไร?”
“ไม่เป็นไร คุณไม่ต้องกังวลเรื่องฉัน เพียงแค่คุณเลิกงานแล้วกลับมาอยู่เพื่อนฉัน ฉันก็ไม่กลัวแล้ว”
ผมจ้องมองหันเจิงลู่ เธอเองก็จ้องมองผม จากนั้นผมก็ปิดตา ค่อยๆเคลื่อนตัวไปหาเธอ
ชั่วพริบตา ขณะที่ปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ความรู้สึกอ่อนนุ่มแบบนั้น ค่อยๆทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม ปากเล็กๆของเธอค่อยๆเปิดออก จากนั้นมีลิ้นเข้ามาสำรวจในปากของผม บ้าคลั่งและทั้งหยอกล้ออย่างดุเดือดกับผม
เธออ้อนวอน และเป็นการอ้อนวอนนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
เพียงแต่ขณะที่ไม่รอให้ผมดำเนินการออกไปนั้น เธอก็หุบปาก สีหน้าแดงเล็กน้อย
“คุณช่วยไปเอาแผ่นรองมาให้ฉันหน่อย พอตื่นเต้น เลือดเลยไหลออกมา……”
“ขอโทษทีขอโทษที ลืมไปว่าคุณเพิ่งจะผ่าตัดมา!”
ตอนที่ขอโทษอยู่นั้นก็รีบไปหยิบแผ่นรองมา จากนั้นก็ปูไว้ให้ข้างๆ
เธอพูดเสียงโมโหเหมือนเด็ก: “คุณออกไปสิ คุณอยู่ต่อหน้าฉัน ฉันจะเปลี่ยนยังไง!”
“ไม่เป็นไร ไม่เคยเห็นผู้หญิงเปลี่ยนของแบบนั้นมาก่อน น่าจะคล้ายกับผ้าอนามัย คุณเปลี่ยนเถอะ ผมอยากจะดู ผมจะไม่พูดอะไร”
หันเจิงลู่ใช้หมอนตีไม่โดนผม ขณะที่หยอกล้ออยู่นั้นผมก็ออกจากห้องนอน
ช่วงบ่ายเธอนอนหลับ ผมเองก็เลยนอนหลับเหมือนกัน
ตอนผมตื่นนอนก็ห้าโมงไปที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเธอสักพัก จากนั้นลุกขึ้นจากเตียงทำอาหาร
อาหารทำเสร็จเรียบร้อย และช่วยป้อนให้เธอเรียบร้อย ก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว ก็เป็นเวลาควรจะเข้าทำงานแล้ว
หลังจากบอกเธอแล้ว ผมกำลังจะออกอยู่พอดี
อยู่ดีๆเธอก็เรียกผมหยุด เรียกไปหาที่หน้าเตียง
จากนั้น เธอก็แอบจูบผมตอนที่ผมไม่รู้ตัว
“ตอนกลางคืนรีบกลับมา ฉันจะรอคุณ ไม่มีคุณอยู่ที่บ้านฉันกลัว……”
“ตกลง!”
ผมตอบตกลงด้วยความยินดี เวลาที่ผู้หญิงอ่อนแอที่สุดขาดความคิดที่สุดปรากฏตัวอยู่ข้างกายเธอ อยู่เคียงข้างเธอ ความรู้สึกที่พัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงเจ็บป่วยแบบนี้นั้น ปกติแล้วจะไม่สามารถวางแผนได้ด้วยหลักการทั่วไป
ผมอยู่ผับหมอชิ่งตลอดทั้งช่วงค่ำ ไม่มีเรื่องอะไร มีลูกค้าที่มาลำพังมาสนใจผม และติดหนึบกับผมอยู่นาน เพียงแต่ผมไม่ค่อยสนใจ จากการเปรียบเทียบพูดว่าทำเรื่องอย่างนั้น สู้เก็บแรงให้มีสภาพแข็งแรงท่วมท้นกลับไปปรนนิบัติภรรยาหัวหน้าสาขาดูจะสำคัญกว่า
และโดยส่วนตัวของผมแล้ว ระหว่างพวกเขาถึงแม้ว่าความสัมพันธ์อาจจะเข้ากันไม่ได้ แต่ก็เหมือนว่าก็ไม่ได้ต้องการจะหย่าร้างกัน
มีความในแอบแฝงนี่เอง เธอกับบุคคลสำคัญอย่างหัวหน้าสาขานั้นยังมีค่าต่อการ ‘ใช้ประโยชน์’อยู่ นี่เป็นเรื่องที่ดี
เวลาเพิ่งจะห้าทุ่มกว่าๆ ผมไปบอกผู้จัดการ ขับรถกลับมาที่พัก
ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป ได้ยินเสียงหันเจิงลู่เรียกดังออกมาจากภายในห้องนอน “เฉินเฟิง เป็นคุณหรือเปล่า?”
ผมเดิมทีคิดว่าจะไม่พูด จงใจจะทำให้เธอกลัว แต่จากนั้นก็คิดขึ้นมาได้เรื่องร่างกายของเธอก็เลยยกเลิกไป ตอบกลับไป จากนั้นหลังจากเปลี่ยนรองเท้าผมก็เข้ามาที่ภายในห้องนอนของเธอ
พอเห็นผม เธอดีใจอย่างมาก เหมือนเด็กน้อยที่เห็นพ่อแม่กลับมาบ้าน ทำให้ผมทนไม่ไหวที่จะแสดงออกด้วยความรักจากก้นบึ้งของหัวใจ
ลูบผมของเธออย่างเบามือ จากนั้นดึงรั้งเธอไว้ในอ้อมกอด “ทำไมไม่รีบพักผ่อน ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าร่างกายต้องผ่อนคลาย ยังไม่รู้จักรีบพักผ่อนเพื่อพักฟื้น”
“ก็ไม่ใช่ว่ารอคุณกลับมาหรือไง!”
ชัดเจนที่เดียวว่า ตอนนี้หันเจิงลู่นั้นพึ่งพาอาศัยผมอย่างมาก
หลังจากที่พูดจาอ่อนโยนเห็นใจไปหลายประโยค จากนั้นผมก็ไปห้องน้ำอาบน้ำ
เก็บของอย่างเหมาะสมทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมกลับมาที่ห้องนอน เข้าไปข้างในผ้าห่มของเธอ
ผมไม่จำเป็นต้องยื่นออกไปส่งสัญญาณ เธอตรงเข้ามาให้อ้อมกอดของผม จากนั้นเหมือนลูกไก่น้อยที่กำลังเสียขวัญอย่างรุนแรง ราวกับว่าจะพุ่งเข้ามาในร่างกายของผมแบบนั้น
“เฉินเฟิง คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ฉันรู้สึกยังไง?”
“มีความอยาก น้ำหลั่งออกมาอย่างแรงซู่ซ่า?”
“……ไม่มีความจริงจังเลยสักนิด ความรู้สึกตอนนี้ของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปสมัยตอนสาวๆ รักแรกที่ทั้งทำตามอำเภอใจและยังไม่เป็นผู้ใหญ่แบบนั้น”
“อืม รักแรก คุณพูดว่าอะไรก็เป็นแบบนั้น ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านแล้ว รีบเข้านอน”
หันเจิงลู่ตอบ ‘อืม’ออกมา พูดอย่างเขินอาย: “ถ้าอย่างงั้นคุณจูบฉันหน่อย จูบฉันแล้วฉันถึงจะนอนโดยดี”
เหมือนกับว่า เธอเหมือนย้อนกลับไปสมัยรักแรกจริงๆ