เช้าวันที่สองที่ได้ตื่นขึ้นมา ขาของจางหงหวู่ยังเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงเขียว
“คุณดูสิ่งที่คุณทำกับฉันสิ โชคดีนะที่ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงฮิตใส่กระโปรง ไม่งั้นฉันจะออกไปเจอคนอื่นได้ยังไง!”
“ผมไม่ได้หยิกหรือข่วนอะไรคุณเลยนะ มันแค่เป็นการบีบนวดไปตามธรรมชาติแค่นั้นเลย ใครใช้ให้ผิวของที่รักบอบบางขนาดนี้ละ ที่รัก ถ้างั้นเรามาทำต่ออีกสักครั้งมั้ย?”
“ไม่ !!!”
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ จางหงหวู่ก็ได้เก็บข้าวของและออกจากห้องไป เป็นไปตามคำที่เธอได้บอก เธอกำลังไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของผับหมอชิ่งเมื่อคืนนี้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น
ก่อนที่จางหงหวู่จะออกจากห้องไป ผมได้ถามเธอว่า “อีกสักพักผมอาจจะต้องไปหาท่านหยู่ ถ้าแน่ใจว่าเป็นฝีมือของผังบาหยีทำ ก็จะต้องดูว่าจะขอความช่วยเหลือได้ไหม”
จางหงหวู่โบกมือปฏิเสธ “ในเมื่อไม่อนุญาตให้เขาลงมือ งั้นก็ไม่ต้องไปรบกวนท่านหยู่แล้ว
การใช้น้ำใจจากคนอื่น ยิ่งใช้ยิ่งเหลือน้อยลง และในสถานการณ์ที่ไม่อนุญาตให้ลงมือทำอะไรแบบนี้ฉันยังทำให้สถานการณ์สงบไม่ได้อีก สถานบริการกลางคืนแบบนี้นั้นก็ไม่ต้องทำต่อไปแล้ว”
ดุเดือดมาก ผมชอบท่าทีความผยองในความเก่งของจางหงหวู่ แค่ได้กดจางหงหวู่ให้อยู่ใต้ล่างร่างกายของผมได้ ก็รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว
หลังจากจางหงหวู่ได้ออกจากบ้านไปราวครึ่งชั่วโมง ผมก็เก็บของ และขับรถออกไป มุ่งหน้าไปยังตระกูลหยู่
สาเหตุที่ไปรับลู่ปู้หนานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่สำคัญคือ ผมอยากรู้ว่าท่านหยู่เป็นยังไงบ้าง
หลังจากถึงตระกูลหยู่ ก็ไม่เลว อยู่เสี้ยงเฉียนอยู่บ้าน ไม่ได้ออกมา
ตอนนี้ เขาอยู่ในลานบ้านกำลังรำไทเก๊ก
สำหรับเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก ถ้าสิ่งบ้าๆนี้อยู่ที่นี่บางทีเขาน่าจะเห็นหนทาง แต่ผมทำไม่ได้ ผมบังคับตัวเองก็ทำได้แค่มองออกถึงกลิ่นอายของไทเก๊ก
อยู่เสี้ยงเฉียนกำลังรำไทเก๊กอยู่ในลานบ้าน แต่ผมกำลังยืนอยู่นอกลานมองดูเขาอย่างใจจดใจจ่อผ่านประตูรั้วเหล็ก
มันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาเห็นผมแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะรำ ยังคงร่ายรำออกท่าอย่างพิถีพิถัน
ผมรอเขาจนกระทั่ง 20 กว่านาทีผ่านไปหลังจากที่เขารำเสร็จ ถึงส่งสัญญาณให้ผมเข้าไป
เข้ามาถึงในสวน ผมจุดบุหรี่ยื่นให้อยู่เสี้ยนเฉียน
อยู่เสี้ยงเฉียนมองผม ไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหยิบบุหรี่ที่ผมยื่นให้ด้วย
“ท่านหยู่ไม่รับบุหรี่ที่คนอื่นยื่นให้มานานแล้วครับ”
เสียงของดงป๋อชวนดังขึ้นมาแต่ไกล ผมจึงหันไปมอง เขากำลังถือผ้าขนหนูเปียกที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมกับกำลังก้าวเดินมาทางนี้
ปฏิเสธการรับบุหรี่ แล้วยังไม่เอ่ยปากพูด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนที่ยื่นบุหรี่ให้เขาอย่างผมรู้สึกอายไปเลย อยู่เสี้ยงเฉียนมีสิทธิ์ที่จะทำให้ผมรู้สึกอับอายก็จริง แต่ในสายตาของคนอื่นที่มอง แค่สามารถมายืนอับอายต่อหน้าอยู่เสี้ยนเฉียนได้นี่ก็ถือเป็นเกียรติแล้ว อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคุณคือใคร
“ผมไม่ทราบกฎของท่านหยู่ ขอโทษด้วยครับ”
ในขณะที่ผมกำลังเอามวนบุหรี่เก็บเข้ากล่องไป อยู่เสี้ยนเฉียนกลับยื่นมือมา และใช้นิ้วมือสองนิ้วคีบบุหรี่มวนนั้นขึ้นมา
นี่เป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง แต่ก็ยังคงหยิบไฟแช็กออกมาเพื่อช่วยจุดไฟให้เขา
“ไม่ได้สูบบุหรี่ที่คนอื่นให้นานแล้ว คุณทราบไหมว่าเพราะอะไร?”
ผมไม่ได้คิดอะไร “ไม่ทราบครับ”
อยู่เสี้ยงเฉียนยิ้มและไอออกมาเพราะบุหรี่ที่เขาพึ่งสูบเข้าไป
ผมช่วยตบหลังให้เขา เขายื่นมือออกมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่หน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มอยู่
“คุณช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะประจบประแจงพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาได้หลายประโยค ไม่มีคนที่มีคุณสมบัติมากพอที่ทำให้ฉันรับบุหรี่และฟังเขา นั่นไม่ดีพอเหรอ?”
“ไม่รู้ก็คือไม่รู้ ท่านหยู่อาบน้ำร้อนมาก่อนมีประสบการณ์กว่าผมมาก ถ้าเกิดประจบประแจงออกมาไม่ดีขึ้นมา นั่นก็จะกลายเป็นอยากโอ้อวดแต่กลับแสดงความโง่เขลาออกมา”
อยู่เสี้ยงเฉียนยิ้มอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่อธิบายอยู่ดีว่าทำไมถึงไม่รับบุหรี่ที่คนอื่นมอบให้”
เขาโบกมือไปทางดงป๋อชวน “เอายาตัวใหม่มาให้ฉันเม็ดหนึ่ง ทำดีๆ”
ไม่ช้า ดงป๋อชวนที่ได้รับคำสั่งออกไปและกลับมาพร้อมขวดยา ที่ขวดด้านในมีเม็ดยาสีแดงก้นบุหรี่เม็ดใหญ่
“ไปรอฉันที่รถ”
หลังจากได้รับยามา อยู่เสี้ยงเฉียนก็เอายาที่ดงป๋อชวนให้มาแล้วขึ้นรถไป
ในชั่วพริบตา ยาที่บรรจุในขวดนั้นก็ถูกอยู่เสี้ยงเฉียนส่งมาให้ผม
“เม็ดหนึ่งนี่มีคนให้ราคาเป็นสิบล้านเลยนะ คุณหยิบมาคืนฉันทำไม?”
ผมคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็พูดออกไปอย่างจริงจัง “หลานชายสองคน?”
อยู่เสี้ยงเฉียนไม่พูดอะไร หยิบบุหรี่มวนที่ผมจุดให้ทิ้งลงไปที่พื้น และใช้รองเท้าเหยียบซ้ำขยี้ดับไฟ
ใบหน้าของเขานิ่งสงบ ราวกับทะเลที่ไม่มีคลื่นซัด แต่ภายในจิตใจนั้นความร้ายกาจโหมซัดมากเท่าไหร่นั้น ไม่มีใครหยั่งรู้ได้
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าผมถือหางตัวเองสูงเกินไป ทำให้หยู่ถิงยอมรับจางหงหวู่ ทำให้ท่านหยู่กดดันผังเจี้ยนจวินไว้ ผมทำให้เรื่องราวต่างๆนี้ดำเนินมาได้อย่างสวยงาม อีกทั้งอยู่เสี้ยงเฉียนก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยโกรธผมเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูกสาวทั้งสองของเขาเลย นี่เลยทำให้ผมรู้สึกภูมิใจและพอใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อผมกำลังพูดคุยกับอยู่เสี้ยงเฉียน เขาก็เป็นคนเอ่ยพูดขึ้นมาก่อน
“สี่คน อย่างน้อยต้องการสี่คน หลานสาวสองคน หลายชายสองคน และหนึ่งในหลานชายต้องใช้แซ่หยู่”
ผมทึ่งและดีใจมากๆ นี่ไม่เพียงแค่เรื่องง่ายๆที่ทำให้อยู่เสี้ยงเฉียนไม่โกรธ ทั้งยังตกลงที่จะให้ผมกับหยู่ถิงและลู่ปู้หนานได้ไปมาหาสู่กัน
ดังนั้นผมจึงตื่นเต้นมากจนพูดคำว่า ‘ตกลง’ออกไปแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเด็กจะใช่นามสกุลของใคร…ยังไงซะในอนาคตผมเมื่อรับหยู่ถิงและลู่ปู้หนานมาแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้เขาได้กดขี่ผมอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้นก็ยังไม่ถึงที่ผมคิดไว้
อยู่เสี้ยงเฉียนยังมีสีหน้าที่เรียบสงบ สองมือไขว้หลัง จากนั้นเดินเล่นเข้าไปในลานบ้าน
“คุณรับปากรวดเร็วมาก ราวกับเรื่องนี้มันมีความเกี่ยวข้องกับคุณ”
เมื่อไฟที่กำลังลุกโชนในตัวคนที่เต็มไปด้วยความหวัง ถูกน้ำเย็นจากอยู่เสี้ยงเฉียนสาดใส่หัวอย่างจัง และฉันเองก็ไม่สามารถที่จะหักล้างเขาได้เลย ผมก็ไม่กล้าคัดค้านด้วย เพราะเขาคืออยู่เสี้ยงเฉียน
ตอนที่เขาเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน ผมก็คอยเดินข้างๆบ้างเดินตามอยู่ข้างหลังบ้าง
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ผมก็คิดหาประเด็นพูดที่ดูเหมาะสมได้แล้ว ปริปากเปิดใจพูดถึงเรื่องที่อับอายขึ้น ซึ่งเรื่องนั้นก็คือความอับอายของผมเอง
“ลุงหยู่ ร่างกายของท่าน…”
ยังไม่ทันเอ่ยคำถามให้จบ ผมก็ได้เห็นลู่หย่าฉีของตระกูลหยู่ที่ออกกำลังอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้
ต้องบอกว่า ทรวดทรงของเธอดูดีมาก ดูไม่ออกเลยว่านี่คือหญิงสาวที่อายุ 37 38 ปีแล้ว
สิ่งที่ผมกำลังโฟกัสบนตัวเธอคือรูปร่าง แต่อยู่เสี้ยงเฉียนกลับโฟกัสที่ใบหน้าของเธอ
“คุณดูสีหน้าของคุณป้าลู่นี่สิ”
ผมมองตามไปยังเธอ ผิวหน้าของลู่หย่าฉีแดงก่ำ เต็มไปด้วยความชุ่มชื้นประกายแวววาว เปรียบดั่งแอปเปิลที่มีหมอกปกคลุมในตอนเช้า เต็มไปด้วยหยาดฝนและละอองน้ำค้างที่ชุ่มชื้น
“ลุงหยู่องอาจสง่าผ่าเผย”
“อืม ยังฝืนได้อยู่”
อยู่เสี้ยงเฉียนยิ้มออกมาอีกครั้ง มองออกว่าวันนี้เขาอารมณ์ดี และอารมณ์ดีมากๆเลยแหละ
“เมื่อคืนฉันได้ยินมาว่า ผังบาหยีเจ้าเด็กนั่นนั้นเล่นไม่ซื่ออีกแล้ว ทำไม ที่มาวันนี้คืออยากให้ฉันช่วยคุณไปพูดกับเขาเหรอ?”
อยู่เสี้ยงเฉียนหยิบกล่องบุหรี่ไม้ของเขาออกมา และส่งให้ผมมวนหนึ่ง
นี่คือครั้งที่สองที่อยู่เสี้ยงเฉียนยื่นบุหรี่ให้กับผม
หลังจากช่วยจุดไฟให้เขา ผมก็จุดให้ตัวเอง
สูบเข้าไปลึกเต็มปอด พร้อมกับเสียงปล่อยเขม่าควันออกมา “ขอบคุณความหวังดีของท่านลุงหยู่ ไม่ต้องหรอกครับ ผมก็ไม่สามารถพึ่งท่านไปได้ตลอดชีวิตหรอก ต้องเผชิญหน้ากับเขาเอง”
อยู่เสี้ยงเฉียนหันมายังผม จ้องมองอยู่พักใหญ่ ประกายแววตาของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความเชือดเฉือน แต่กลับเป็นแววตาที่เหมือนจะกลืนกินจิตวิญญาณของผมทำให้ผมรู้สึกถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งไปทั้งร่างกาย
ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ยกแขนขึ้นมา ใช้สองนิ้วที่คีบบุหรี่อยู่นั้นเคาะมาที่ตัวของผม
“คุณพูดถูกต้อง ถูกต้องมาก”
อยู่เสี้ยงเฉียนไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นก็หมุนตัว ค่อยๆเดินไปยังรถMAYBACH
ที่อยู่ไม่ไกลคันนั้น
ผมมองตามเงาของอยู่เสี้ยงเฉียนที่กำลังเดินห่างออกไป และดูรถMAYBACHที่เคลื่อนตัวออกไป ผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา
ผมและจางหงหวู่ที่มีความขัดแย้งกับผังเจี้ยนจวิน เหมือนจะเป็นต้นเหตุให้เกิดการแตกหักระหว่างผังเจี้ยนจวินกับอยู่เสี้ยงเฉียนเลย
สรุปก็คือ ผังเจี้ยนจวินจะอยู่ภายใต้ของอยู่เสี้ยงเฉียนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว