ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ – ตอนที่ 178

ตอนที่ 178

เช้าวันที่สองที่ได้ตื่นขึ้นมา ขาของจางหงหวู่ยังเต็มไปด้วยรอยจ้ำแดงเขียว

“คุณดูสิ่งที่คุณทำกับฉันสิ โชคดีนะที่ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงฮิตใส่กระโปรง ไม่งั้นฉันจะออกไปเจอคนอื่นได้ยังไง!”

“ผมไม่ได้หยิกหรือข่วนอะไรคุณเลยนะ มันแค่เป็นการบีบนวดไปตามธรรมชาติแค่นั้นเลย ใครใช้ให้ผิวของที่รักบอบบางขนาดนี้ละ ที่รัก ถ้างั้นเรามาทำต่ออีกสักครั้งมั้ย?”

“ไม่ !!!”

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ จางหงหวู่ก็ได้เก็บข้าวของและออกจากห้องไป เป็นไปตามคำที่เธอได้บอก เธอกำลังไปหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของผับหมอชิ่งเมื่อคืนนี้ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น

ก่อนที่จางหงหวู่จะออกจากห้องไป ผมได้ถามเธอว่า “อีกสักพักผมอาจจะต้องไปหาท่านหยู่ ถ้าแน่ใจว่าเป็นฝีมือของผังบาหยีทำ ก็จะต้องดูว่าจะขอความช่วยเหลือได้ไหม”

จางหงหวู่โบกมือปฏิเสธ “ในเมื่อไม่อนุญาตให้เขาลงมือ งั้นก็ไม่ต้องไปรบกวนท่านหยู่แล้ว

การใช้น้ำใจจากคนอื่น ยิ่งใช้ยิ่งเหลือน้อยลง และในสถานการณ์ที่ไม่อนุญาตให้ลงมือทำอะไรแบบนี้ฉันยังทำให้สถานการณ์สงบไม่ได้อีก สถานบริการกลางคืนแบบนี้นั้นก็ไม่ต้องทำต่อไปแล้ว”

ดุเดือดมาก ผมชอบท่าทีความผยองในความเก่งของจางหงหวู่ แค่ได้กดจางหงหวู่ให้อยู่ใต้ล่างร่างกายของผมได้ ก็รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้ว

หลังจากจางหงหวู่ได้ออกจากบ้านไปราวครึ่งชั่วโมง ผมก็เก็บของ และขับรถออกไป มุ่งหน้าไปยังตระกูลหยู่

สาเหตุที่ไปรับลู่ปู้หนานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่สำคัญคือ ผมอยากรู้ว่าท่านหยู่เป็นยังไงบ้าง

หลังจากถึงตระกูลหยู่ ก็ไม่เลว อยู่เสี้ยงเฉียนอยู่บ้าน ไม่ได้ออกมา

ตอนนี้ เขาอยู่ในลานบ้านกำลังรำไทเก๊ก

สำหรับเรื่องพวกนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก ถ้าสิ่งบ้าๆนี้อยู่ที่นี่บางทีเขาน่าจะเห็นหนทาง แต่ผมทำไม่ได้ ผมบังคับตัวเองก็ทำได้แค่มองออกถึงกลิ่นอายของไทเก๊ก

อยู่เสี้ยงเฉียนกำลังรำไทเก๊กอยู่ในลานบ้าน แต่ผมกำลังยืนอยู่นอกลานมองดูเขาอย่างใจจดใจจ่อผ่านประตูรั้วเหล็ก

มันแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาเห็นผมแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะรำ ยังคงร่ายรำออกท่าอย่างพิถีพิถัน

ผมรอเขาจนกระทั่ง 20 กว่านาทีผ่านไปหลังจากที่เขารำเสร็จ ถึงส่งสัญญาณให้ผมเข้าไป

เข้ามาถึงในสวน ผมจุดบุหรี่ยื่นให้อยู่เสี้ยนเฉียน

อยู่เสี้ยงเฉียนมองผม ไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหยิบบุหรี่ที่ผมยื่นให้ด้วย

“ท่านหยู่ไม่รับบุหรี่ที่คนอื่นยื่นให้มานานแล้วครับ”

เสียงของดงป๋อชวนดังขึ้นมาแต่ไกล ผมจึงหันไปมอง เขากำลังถือผ้าขนหนูเปียกที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมกับกำลังก้าวเดินมาทางนี้

ปฏิเสธการรับบุหรี่ แล้วยังไม่เอ่ยปากพูด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้คนที่ยื่นบุหรี่ให้เขาอย่างผมรู้สึกอายไปเลย อยู่เสี้ยงเฉียนมีสิทธิ์ที่จะทำให้ผมรู้สึกอับอายก็จริง แต่ในสายตาของคนอื่นที่มอง แค่สามารถมายืนอับอายต่อหน้าอยู่เสี้ยนเฉียนได้นี่ก็ถือเป็นเกียรติแล้ว อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าคุณคือใคร

“ผมไม่ทราบกฎของท่านหยู่ ขอโทษด้วยครับ”

ในขณะที่ผมกำลังเอามวนบุหรี่เก็บเข้ากล่องไป อยู่เสี้ยนเฉียนกลับยื่นมือมา และใช้นิ้วมือสองนิ้วคีบบุหรี่มวนนั้นขึ้นมา

นี่เป็นสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง แต่ก็ยังคงหยิบไฟแช็กออกมาเพื่อช่วยจุดไฟให้เขา

“ไม่ได้สูบบุหรี่ที่คนอื่นให้นานแล้ว คุณทราบไหมว่าเพราะอะไร?”

ผมไม่ได้คิดอะไร “ไม่ทราบครับ”

อยู่เสี้ยงเฉียนยิ้มและไอออกมาเพราะบุหรี่ที่เขาพึ่งสูบเข้าไป

ผมช่วยตบหลังให้เขา เขายื่นมือออกมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่หน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มอยู่

“คุณช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงๆ นี่เป็นโอกาสดีที่คุณจะประจบประแจงพูดสิ่งที่อยากพูดออกมาได้หลายประโยค ไม่มีคนที่มีคุณสมบัติมากพอที่ทำให้ฉันรับบุหรี่และฟังเขา นั่นไม่ดีพอเหรอ?”

“ไม่รู้ก็คือไม่รู้ ท่านหยู่อาบน้ำร้อนมาก่อนมีประสบการณ์กว่าผมมาก ถ้าเกิดประจบประแจงออกมาไม่ดีขึ้นมา นั่นก็จะกลายเป็นอยากโอ้อวดแต่กลับแสดงความโง่เขลาออกมา”

อยู่เสี้ยงเฉียนยิ้มอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่อธิบายอยู่ดีว่าทำไมถึงไม่รับบุหรี่ที่คนอื่นมอบให้”

เขาโบกมือไปทางดงป๋อชวน “เอายาตัวใหม่มาให้ฉันเม็ดหนึ่ง ทำดีๆ”

ไม่ช้า ดงป๋อชวนที่ได้รับคำสั่งออกไปและกลับมาพร้อมขวดยา ที่ขวดด้านในมีเม็ดยาสีแดงก้นบุหรี่เม็ดใหญ่

“ไปรอฉันที่รถ”

หลังจากได้รับยามา อยู่เสี้ยงเฉียนก็เอายาที่ดงป๋อชวนให้มาแล้วขึ้นรถไป

ในชั่วพริบตา ยาที่บรรจุในขวดนั้นก็ถูกอยู่เสี้ยงเฉียนส่งมาให้ผม

“เม็ดหนึ่งนี่มีคนให้ราคาเป็นสิบล้านเลยนะ คุณหยิบมาคืนฉันทำไม?”

ผมคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็พูดออกไปอย่างจริงจัง “หลานชายสองคน?”

อยู่เสี้ยงเฉียนไม่พูดอะไร หยิบบุหรี่มวนที่ผมจุดให้ทิ้งลงไปที่พื้น และใช้รองเท้าเหยียบซ้ำขยี้ดับไฟ

ใบหน้าของเขานิ่งสงบ ราวกับทะเลที่ไม่มีคลื่นซัด แต่ภายในจิตใจนั้นความร้ายกาจโหมซัดมากเท่าไหร่นั้น ไม่มีใครหยั่งรู้ได้

ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าผมถือหางตัวเองสูงเกินไป ทำให้หยู่ถิงยอมรับจางหงหวู่ ทำให้ท่านหยู่กดดันผังเจี้ยนจวินไว้ ผมทำให้เรื่องราวต่างๆนี้ดำเนินมาได้อย่างสวยงาม อีกทั้งอยู่เสี้ยงเฉียนก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยโกรธผมเพราะความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูกสาวทั้งสองของเขาเลย นี่เลยทำให้ผมรู้สึกภูมิใจและพอใจอยู่ไม่น้อย

เมื่อผมกำลังพูดคุยกับอยู่เสี้ยงเฉียน เขาก็เป็นคนเอ่ยพูดขึ้นมาก่อน

“สี่คน อย่างน้อยต้องการสี่คน หลานสาวสองคน หลายชายสองคน และหนึ่งในหลานชายต้องใช้แซ่หยู่”

ผมทึ่งและดีใจมากๆ นี่ไม่เพียงแค่เรื่องง่ายๆที่ทำให้อยู่เสี้ยงเฉียนไม่โกรธ ทั้งยังตกลงที่จะให้ผมกับหยู่ถิงและลู่ปู้หนานได้ไปมาหาสู่กัน

ดังนั้นผมจึงตื่นเต้นมากจนพูดคำว่า ‘ตกลง’ออกไปแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเด็กจะใช่นามสกุลของใคร…ยังไงซะในอนาคตผมเมื่อรับหยู่ถิงและลู่ปู้หนานมาแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้เขาได้กดขี่ผมอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้นก็ยังไม่ถึงที่ผมคิดไว้

อยู่เสี้ยงเฉียนยังมีสีหน้าที่เรียบสงบ สองมือไขว้หลัง จากนั้นเดินเล่นเข้าไปในลานบ้าน

“คุณรับปากรวดเร็วมาก ราวกับเรื่องนี้มันมีความเกี่ยวข้องกับคุณ”

เมื่อไฟที่กำลังลุกโชนในตัวคนที่เต็มไปด้วยความหวัง ถูกน้ำเย็นจากอยู่เสี้ยงเฉียนสาดใส่หัวอย่างจัง และฉันเองก็ไม่สามารถที่จะหักล้างเขาได้เลย ผมก็ไม่กล้าคัดค้านด้วย เพราะเขาคืออยู่เสี้ยงเฉียน

ตอนที่เขาเดินเล่นอยู่ในลานบ้าน ผมก็คอยเดินข้างๆบ้างเดินตามอยู่ข้างหลังบ้าง

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ผมก็คิดหาประเด็นพูดที่ดูเหมาะสมได้แล้ว ปริปากเปิดใจพูดถึงเรื่องที่อับอายขึ้น ซึ่งเรื่องนั้นก็คือความอับอายของผมเอง

“ลุงหยู่ ร่างกายของท่าน…”

ยังไม่ทันเอ่ยคำถามให้จบ ผมก็ได้เห็นลู่หย่าฉีของตระกูลหยู่ที่ออกกำลังอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้

ต้องบอกว่า ทรวดทรงของเธอดูดีมาก ดูไม่ออกเลยว่านี่คือหญิงสาวที่อายุ 37 38 ปีแล้ว

สิ่งที่ผมกำลังโฟกัสบนตัวเธอคือรูปร่าง แต่อยู่เสี้ยงเฉียนกลับโฟกัสที่ใบหน้าของเธอ

“คุณดูสีหน้าของคุณป้าลู่นี่สิ”

ผมมองตามไปยังเธอ ผิวหน้าของลู่หย่าฉีแดงก่ำ เต็มไปด้วยความชุ่มชื้นประกายแวววาว เปรียบดั่งแอปเปิลที่มีหมอกปกคลุมในตอนเช้า เต็มไปด้วยหยาดฝนและละอองน้ำค้างที่ชุ่มชื้น

“ลุงหยู่องอาจสง่าผ่าเผย”

“อืม ยังฝืนได้อยู่”

อยู่เสี้ยงเฉียนยิ้มออกมาอีกครั้ง มองออกว่าวันนี้เขาอารมณ์ดี และอารมณ์ดีมากๆเลยแหละ

“เมื่อคืนฉันได้ยินมาว่า ผังบาหยีเจ้าเด็กนั่นนั้นเล่นไม่ซื่ออีกแล้ว ทำไม ที่มาวันนี้คืออยากให้ฉันช่วยคุณไปพูดกับเขาเหรอ?”

อยู่เสี้ยงเฉียนหยิบกล่องบุหรี่ไม้ของเขาออกมา และส่งให้ผมมวนหนึ่ง

นี่คือครั้งที่สองที่อยู่เสี้ยงเฉียนยื่นบุหรี่ให้กับผม

หลังจากช่วยจุดไฟให้เขา ผมก็จุดให้ตัวเอง

สูบเข้าไปลึกเต็มปอด พร้อมกับเสียงปล่อยเขม่าควันออกมา “ขอบคุณความหวังดีของท่านลุงหยู่ ไม่ต้องหรอกครับ ผมก็ไม่สามารถพึ่งท่านไปได้ตลอดชีวิตหรอก ต้องเผชิญหน้ากับเขาเอง”

อยู่เสี้ยงเฉียนหันมายังผม จ้องมองอยู่พักใหญ่ ประกายแววตาของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความเชือดเฉือน แต่กลับเป็นแววตาที่เหมือนจะกลืนกินจิตวิญญาณของผมทำให้ผมรู้สึกถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งไปทั้งร่างกาย

ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็ยกแขนขึ้นมา ใช้สองนิ้วที่คีบบุหรี่อยู่นั้นเคาะมาที่ตัวของผม

“คุณพูดถูกต้อง ถูกต้องมาก”

อยู่เสี้ยงเฉียนไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นก็หมุนตัว ค่อยๆเดินไปยังรถMAYBACH

ที่อยู่ไม่ไกลคันนั้น

ผมมองตามเงาของอยู่เสี้ยงเฉียนที่กำลังเดินห่างออกไป และดูรถMAYBACHที่เคลื่อนตัวออกไป ผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา

ผมและจางหงหวู่ที่มีความขัดแย้งกับผังเจี้ยนจวิน เหมือนจะเป็นต้นเหตุให้เกิดการแตกหักระหว่างผังเจี้ยนจวินกับอยู่เสี้ยงเฉียนเลย

สรุปก็คือ ผังเจี้ยนจวินจะอยู่ภายใต้ของอยู่เสี้ยงเฉียนต่อไปได้อีกไม่นานแล้ว

ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+

ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+

Status: Ongoing

เพื่อนร่วมห้องพาผู้ชายไม่ซ้ำหน้ากลับมาทุกวัน ตอนกลางคืนยังส่งเสียงครางอีกด้วย เรื่องลึกลับทั้งหมดนี้ดึงดูดความอยากรู้อยากเห็นของผม หลังจากที่ผมกล้าไปแอบมองแล้ว กลับคิดไม่ถึงการแอบมองครั้งนี้ทำให้ผมได้เปิดประตูบานใหม่ ผมไปทำงานเป็นผู้ชายให้บริการ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท