หางตาเย็นชาของจั้นอู๋จี๋กระดกขึ้นเล็กน้อย แววคมปลาบพาดผ่านดวงตา ครั้นหันไปเห็นหยางเสวียนที่แต่งกายด้วยชุดพิธีการเต็มยศ เขารีบหลุบตา สายตาบ่งบอกอารมณ์ไม่ถูก
หลีเฟิ่งเซียนขมวดคิ้ว ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นซูหลีในอาภรณ์สีขาวที่ดูสงบนิ่งทว่าเย็นชาไปจนถึงกระดูก เขาพลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา สตรีที่เขารักมากแต่กลับไม่รู้แม้แต่ชื่อจริงของนาง ‘หรงซีจิน’ จำได้ว่าครั้งแรกที่พบนาง นางอายุเท่าซูหลีในตอนนี้ ยังเยาว์วัยนัก แต่เพราะผ่านเรื่องร้ายมาอย่างโชกโชน ภายนอกจึงดูเฉยชา เย็นชาไปจนถึงกระดูก บ่งบอกถึงจิตใจที่ด้านชา! สายตาไหวระริกเล็กน้อย ครั้นมองดูซูหลีอีกครั้ง หลีเฟิ่งเซียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรักใคร่เอ็นดูนาง หญิงสาวนางนี้ เหมือนซีจินยิ่งกว่าหลีซูเสียอีก!
ซูหลีเงยหน้า จ้องตรงไปยังฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “หมิงซีมิกล้าเพคะ หมิงซีมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องต้องการขอพระราชทานอนุญาตจากฝ่าบาทเพคะ”
ตงฟางเจ๋อเดาได้รางๆ ว่านางจะพูดสิ่งใด ใบหน้าตึงเครียด กลีบปากบางขยับเล็กน้อย รีบใช้วิชาพรายกระซิบกล่าวกับนาง “ซูซู ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังโกรธข้า มีเรื่องใดค่อยกลับไปคุยกันที่จวน!”
ซูหลีกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางกล่าวเสียงดัง “หมิงซีขอร้องฝ่าบาท โปรดยกเลิกสัญญาแต่งงานในอดีตของหมิงซีกับองค์รัชทายาทด้วยเพคะ”
ครั้นวาจานี้ออกจากปากนาง ทุกคนตื่นตะลึง เหล่าขุนนางแตกฮือ ต่างพากันหันไปมององค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพาที่เมื่อครู่ยังองอาจผ่าเผยเป็นตาเดียว ตงฟางเจ๋อหน้าเปลี่ยนสี นัยน์ตาเย็นชาจ้องซูหลีที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นเขม็ง ดวงหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงสุดแสน
ซูเซียงหรูยิ่งหน้าเครียด เขาวางแผนมาครึ่งชีวิต ก็เพื่อรอวันที่ตงฟางเจ๋อได้ก้าวสู่ตำหนักทองคำเพื่อขึ้นนั่งบนบัลลังก์ จากนั้นเส้นทางของเขาก็จะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ นึกไม่ถึงในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ซูหลีกลับบอกว่าต้องการยกเลิกสัญญาแต่งงาน! นางสมองเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร!?
ฮ่องเต้มองนางอย่างตื่นตะลึง คำทำนายชะตาชีวิตอันลึกลับของนางพลันผุดขึ้นมาในสมอง จึงกล่าวอย่างร้อนใจ “เจ้ากับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด เหตุใดจึงอยากยกเลิกสัญญาแต่งงาน?”
ซูหลีเอ่ยอย่างใจเย็น “องค์รัชทายาทฉลาดปราดเปรื่อง องค์หญิงเจาหวาไหวพริบชาญชัย ทั้งสองพระองค์มีฐานะเหมาะสมกัน สมเป็นคู่สวรรค์สร้าง แต่หมิงซีนั้นรูปโฉมอัปลักษณ์ ไม่กล้าอาจเอื้อม ขอฝ่าบาทโปรดอภัย โปรดถอนรับสั่งด้วยเพคะ”
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
ฮ่องเต้ยังไม่ทันกล่าวคำใด ตงฟางเจ๋อที่ใบหน้าเคร่งขรึมชิงตะโกนปฏิเสธเสียงกร้าวขึ้นมาก่อน เขาสาวเท้ายาวๆ มาหาซูหลี กล่าวเสียงเข้ม “สัญญาแต่งงานถูกประกาศไปทั่วแผ่นดินแล้ว จะยกเลิกอย่างไร้เหตุผลได้เช่นไร ท่านหญิงหมิงซีอย่าได้ดูแคลนตนเอง ในใจข้า เจ้าคือคนที่ดีที่สุดเสมอ! ฐานะของเจ้าคือพระชายาเอก เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด!” ความโกรธเกรี้ยวที่พยายามข่มกลั้นเอาไว้ป่วนพล่านไปทั่วทรวงอก น้ำเสียงเผด็จการเด็ดขาดของเขาไม่เหลือช่องว่างให้ปฏิเสธแม้แต่น้อย ดังก้องไปทั่วตำหนักใหญ่ กลบเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาจนมิด
เหล่าขุนนางลอบตัวสั่นงันงก แอบชำเลืองมองซูหลีเงียบๆ
ซูหลีสัมผัสได้ถึงคำเตือนที่แฝงอยู่ในวาจาของเขา นางยิ้มเย็นชา สายตาเด็ดเดี่ยว “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ทรงเมตตา หมิงซีซาบซึ้งยิ่งนัก เพียงแต่หมิงซีตัดสินใจแล้ว ฝ่าบาทโปรดทรงถอนรับสั่งด้วยเถิดเพคะ” เอ่ยจบ นางก็ก้มศีรษะต่ำ ไม่เหลือช่องว่างให้เจรจาต่อรอง
ตงฟางเจ๋อขมวดคิ้ว รู้สึกจุกอก ความเจ็บปวดฉายชัดในดวงตาอย่างไม่อาจปิดบัง เขาส่งสัญญาณให้ครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดนางยังคงตัดสินใจโดยพลการแต่เพียงผู้เดียว หรือต้องการตัดขาดจากเขาต่อหน้าธารกำนัลจริงๆ? พลันนั้น เขานึกถึงวันที่ตงฟางจั๋วก่อกบฏ นางก็เคยตัดขาดกับเขาต่อหน้าธารกำนัล ยามนั้นแม้เป็นเพียงละครตบตา แต่กลับทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดจนยากจะรับไหว ครั้งนี้ เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงหัวใจอันเด็ดเดี่ยวไม่มีวันเปลี่ยนแปลงของนาง คล้ายความเชื่อใจและความรักที่เคยหนักแน่นมั่นคงกำลังจางหายไปอย่างช้าๆ
ตงฟางเจ๋อกัดฟันแน่น สีหน้าบึ้งตึงกว่าเดิม จ้องนางไม่วางตา พูดอะไรไม่ออก
ฮ่องเต้นวดขมับ เขาหรี่ตา ท่านหญิงหมิงซียืนยันจะยกเลิกสัญญาแต่งงานให้ได้ หรือว่า…ชะตาชีวิตของตงฟางเจ๋อพลิกผัน? หากเป็นเพราะหยางเสวียน วันนั้นที่รู้ว่านางตั้งครรภ์ ก็น่าจะขอยกเลิกงานแต่งทันที แต่นางในยามนั้น กลับดูเหมือนไม่ได้ขัดขืน อะไรกันแน่ที่ทำให้นางเปลี่ยนใจเช่นนี้?
ความคิดแล่นผ่าน ฮ่องเต้กล่าวเสียงเข้ม “พระราชโองการของราชวงศ์จะยกเลิกกันส่งเดชได้เช่นไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ให้เวลาข้าไตร่ตรองสักหน่อย แล้วค่อยหารือกันวันหลัง”
“ฝ่าบาทเพคะ!” สายตาของซูหลีขรึมลง กล่าวเสียงเย็นชา “ยามนั้นที่หมิงซีเลือกพระสวามี ชาวโลกล้วนเป็นสักขีพยาน องค์รัชทายาทเคยสัญญากับหมิงซีว่าจะไม่มีวันทอดทิ้ง น่าเสียดายยามนี้พระองค์ทอดทิ้งหมิงซีก่อน หมิงซีขอบังอาจอ้อนวอนฝ่าบาท ยกเลิกสัญญาแต่งงานระหว่างหมิงซีกับองค์รัชทายาทด้วยเถิดเพคะ หลังจากวันนี้เราทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกันอีก!”
เสียงเย็นชาของหญิงสาวหนักแน่นเด็ดเดี่ยว ดังกระทบโสตประสาทของทุกคนอย่างชัดเจน ทุกคนแตกฮืออีกครั้ง ซูเซียงหรูทนไม่ไหว หมายจะอ้าปากอบรม หยางเสวียนพลันก้าวออกมากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหญิงบอกว่าองค์รัชทายาททอดทิ้งท่าน เกรงว่าวาจานี้จะกล่าวเกินจริง! องค์รัชทายาทมีฐานะสูงส่ง ภายหน้าคือผู้ปกครองแคว้นเฉิง แต่งชายาหลายนางเพื่อผลิดอกออกผลให้แก่แคว้นเฉิง สืบทอดราชบังลังก์ไปอีกหมื่นๆ ปี เป็นประเพณีสืบทอดมายาวนาน เหตุใดจึงกลายเป็นทอดทิ้งท่านหญิงได้เล่า?”
สายตาร้อนรุ่มของนางจ้องมองซูหลีไม่วางตา คล้ายต้องการอ่านความคิดที่แท้จริงของนาง
ซูหลีแค่นหัวเราะเย็นชา “องค์หญิงตรัสถูกต้องแล้วเพคะ เพียงแต่ข้าซูหลี ไม่มีบุญรับใช้แคว้นเฉิง ซูหลีขออวยพรให้องค์หญิงประสูติโอรสแก่แคว้นเฉิงของเราในเร็ววัน เพื่อหน้าที่อันทรงเกียรติ”
หยางเสวียนอึ้งงัน ยกมือขึ้นกุมท้องโดยสัญชาตญาณ
พระพักตร์ฮ่องเต้บูดบึ้ง ตะโกนเสียงดัง “หมิงซี! การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น!”
ซูหลีค้อมกายก้มศีรษะ กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ความรักของหมิงซีกับองค์รัชทายาทมาถึงทางสิ้นสุดแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดเมตตาด้วยเพคะ!”
ความรักมาถึงทางสิ้นสุด!
ทุกคำพูดเหมือนมีดที่กรีดแทงหัวใจ ตงฟางเจ๋อสะท้านไปทั้งตัว เบิกตากว้างจ้องนาง คล้ายไม่อยากเชื่อว่านี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของนางเอง!
เขาคิดมาโดยตลอดว่าคนที่เฉลียวฉลาดเช่นนาง อาศัยความเชื่อใจ ความไว้ใจระหว่างพวกเขา ถึงแม้เขาไม่อธิบายเรื่องระหว่างเขากับหยางเสวียน นางก็จะไม่ทำให้เรื่องราวบานปลายใหญ่โตถึงขั้นนี้! อกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ปิดบังความร้อนรนและตื่นตะลึงเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป! ไม่เคยคาดคิดเลย ผู้หญิงคนนี้กลับอยากตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาจริงๆ! ถึงแม้เขาจะเคยปิดบังเรื่องบางอย่างกับนาง แต่นางก็ปิดบังเขาเช่นกัน! เขาปิดเรื่องที่นางเป็นเจ้าสำนักเฉินเหมินเอาไว้ คิดหาหนทางปกป้องนาง แต่นางกลับคิดจะไปจากเขาอย่างไร้เยื่อใย! ตงฟางเจ๋ออดคิดไม่ได้ หากเขายืนหยัดไม่เห็นด้วย นางจะทำอย่างไรต่อ? หรือนางจะประกาศให้โลกรู้ว่าตนเองเป็นเจ้าสำนักเฉินเหมินงั้นหรือ?
เขาเดินเข้าไป หมายจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าแขนนาง หยางเสวียนกลับแทรกตัวเข้ามายืนขวางอย่างรวดเร็วเสียก่อน!
ตงฟางเจ๋อชะงักเล็กน้อย มองดูแผ่นหลังของหยางเสวียนที่อยู่ตรงหน้า แววมืดมนดั่งพยับเมฆก่อตัวในดวงตาของเขา เพียงแต่พริบตาเดียวก็จางหายไปจนไม่ทันสังเกต
หยางเสวียนจ้องซูหลี กล่าวกลั้วเสียงหัวเราะเย็นชา “ท่านหญิงต้องการตัดขาดความสัมพันธ์กับองค์รัชทายาทอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เกรงว่า…คงมีเหตุผลอื่นกระมัง?!”
ผู้คนรอบข้างตกตะลึง สายตาเย็นชาของฮ่องเต้กวาดพิจารณาไปมาระหว่างสตรีสองนางที่โดดเด่นไม่แพ้กัน
ซูหลีจ้องนางกลับตรงๆ คลี่ยิ้มด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “องค์หญิงคิดว่าอย่างไรเล่าเพคะ?”
หยางเสวียนหัวเราะลั่น เสียงใสกังวานของนางในวันนี้กลับแฝงไว้ด้วยความลึกลับบางอย่าง หัวใจของซูหลีตึงเครียดเล็กน้อย เห็นเพียงหยางเสวียนหมุนกายไปทางฮ่องเต้ “ฝ่าบาทเพคะ! เจาหวาก็มีเรื่องกราบทูลเช่นกันเพคะ” หยางเสวียนพลันกล่าวขึ้น วันนี้นางแต่งกายด้วยชุดพิธีการสำคัญของแคว้นเฉิง กิริยามารยาทงดงามเพียบพร้อม เฉิดฉายจนไม่กล้ามองตรงๆ ทว่าในดวงตางามกลับมีแววคมปลาบพาดผ่าน ตวัดมองไปยังเงาร่างของซูหลี
………………………………………………….