หยางเซียวตบไหล่หลางฉ่าง “องค์รัชทายาท อย่าลืมเรื่องที่ข้าขอร้องเล่า!”
หลางฉ่างแย้มยิ้ม ประสานมือให้ทั้งสอง ก่อนจะหมุนกายเดินจากไป
หยางเซียวโยกถุงผ้าต่วนตุงๆ ในมือขึ้นลง เสียงเสียดสีดังสวบสาบ พลางมองหน้าตงฟางเจ๋ออย่างได้ใจ “ท่านคิดจะใช้เทศกาลถงซินสู่ขออาหลี หากนางตอบรับ ฮ่องเต้แคว้นติ้งก็มิอาจก้าวก่าย เพียงแต่น่าเสียดาย…” เขาชะโงกหน้าเข้ามา แล้วหัวเราะเบาๆ “ท่านอยากได้ถั่วแดง…เกรงว่าคงจะเป็นไปได้ยากแล้ว…”
ตงฟางเจ๋อแค่นหัวเราะ ไม่สนใจเขา เพียงหมุนกายเดินจากไป
หยางเซียวตะโกนเสียงดังจากด้านหลัง “ตงฟางเจ๋อ ที่นี่คือเมืองหลวงแคว้นติ้ง! เป็นบ้านแท้ๆ ของอาหลี! มีคนคอยปกป้องและให้ความเป็นธรรมแก่นาง! ไม่ใช่ที่ที่ท่านอยากจะทำอะไรตามใจก็ทำได้!”
ตงฟางเจ๋อหันกลับมาจ้องหน้าเขา สายตาเย็นเยียบเหมือนดาบน้ำแข็ง
หยางเซียวกลับยิ่งเหิมเกริมเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ทำไมเล่า?! ไม่พอใจหรือ?! เช่นนั้นก็มาแย่งไปสิ!”
เขาชูมือสูง แล้วจับถุงผ้าต่วนคว่ำลง ถั่วแห่งความรักเต็มถุงกลิ้งตกทั่วพื้น หยางเซียวหัวเราะเสียงดัง “เหล่านี้ล้วนเป็นถั่วที่ดีที่สุดในเมือง ข้ามอบให้โดยไม่คิดเงิน! เร่เข้ามา ใครแย่งได้ก็เป็นของผู้นั้น!”
ฝูงชนวิ่งกรูกันเข้าไปย่อกายเก็บถั่วแดงที่ตกกระจายเต็มพื้น ต่างคนต่างยื้อยุดฉุดแย่งกัน วุ่นวายโกลาหลไปหมด
เซิ่งฉินบันดาลโทสะ อดตะโกนเสียงดังไม่ได้ “นายท่าน!”
สายตาเย็นชาของตงฟางเจ๋อตวัดมองใบหน้าได้ใจของหยางเซียว เขาไม่พูดอะไรสักคำ เพียงหันหลังแล้วสาวเท้ายาวๆ เดินออกไป
หยางเซียวที่อยู่ด้านหลังตะโกนเสียงดังอย่างไร้ความเกรงกลัว “ตงฟางเจ๋อ! ถึงแม้วันนี้ท่านจะเดินจนขาหัก ก็ไม่มีทางหาถั่วแห่งความรักเจอแม้แต่ครึ่งเม็ดแน่นอน! มีปัญญาท่านก็ไปขโมยหรือแย่งชิงเอาก็แล้วกัน!”
เซิ่งฉินวิ่งตามหลังมา “นายท่าน ฮ่องเต้แคว้นเปี้ยนจงใจทำให้เราลำบากชัดๆ พวกเราจะไปหาเม็ดถั่วแห่งความรักจากที่ใดดีเล่าขอรับ?”
ตงฟางเจ๋อยังคงเดินต่อไป สายตาสอดส่องไปทั่วถนน ด้านหน้ามีสตรีสวมชุดสีเขียวนางหนึ่งเดินมา ตรงเอวมีกระเป๋าผ้าต่วนซึ่งมีเม็ดถั่วแห่งความรักสีแดงห้อยประดับไว้ สั่นไหวเบาๆ ไปตามท่วงท่าการเดินของนาง
ตงฟางเจ๋อพลันบังเกิดความคิด ร้านเสื้อผ้า!
ร้านค้าในเมืองหลวงแคว้นติ้งมีมากมายดั่งฝูงเมฆ ในจำนวนเหล่านั้นมีร้านเสื้อผ้าและร้ายขายผ้ามากที่สุด ถั่วแดงมักถูกใช้ปักเป็นเครื่องประดับบนเสื้อผ้า ตงฟางเจ๋อเห็นว่าร้านเสื้อผ้าทุกร้านเต็มไปด้วยลูกค้าที่เดินเข้าออกไม่ขาดสาย มีเพียงร้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่สุดถนนที่มีลูกค้าไม่เยอะ หน้าประตูร้านมีป้าย ‘ขายสินค้าราคาถูกเพื่อปิดกิจการ’ แขวนอยู่ ชั้นวางสินค้าด้านในก็ว่างเปล่าไปกว่าครึ่งแล้ว
ตงฟางเจ๋อชำเลืองมองสตรีสวมชุดสีม่วงที่ยืนอยู่ข้างชั้นวางสินค้า นางกำลังก้มหน้าเหม่อลอย มีลูกค้าเข้ามากลับไม่รู้ตัวสักนิด
เซิ่งฉินกระแอมเบาๆ “เถ้าแก่เนี้ย!”
สตรีชุดม่วงพลันได้สติ แย้มยิ้มแล้วกล่าวว่า “คุณชายมาซื้อเสื้อผ้าหรือ? เชิญเลือกตามสบาย”
ตงฟางเจ๋อเหลือบมองโต๊ะต้อนรับในร้านแวบหนึ่ง “เสื้อผ้าของเถ้าแก่เนี้ยใช้ถั่วแห่งความรักเป็นเครื่องประดับใช่หรือไม่?”
สตรีชุดม่วงเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “เสื้อผ้าที่ใช้ถั่วแห่งความรักเป็นเครื่องประดับนั้นปกติมีมากอยู่ แต่ในร้านข้าเหลือเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่แบบแล้ว เกรงว่าจะไม่สมใจคุณชาย หากคุณชายชอบถั่วแห่งความรัก ในเมืองมีขายอยู่มากมาย”
ตงฟางเจ๋อทอดถอนใจเสียงเบา “บอกท่านตามความจริง มีคนตั้งใจทำให้ข้าลำบาก พยายามขัดขวางการสู่ขอของข้ากับสตรีในดวงใจ ในเมืองไม่มีร้านใดยอมขายถั่วแดงให้ข้าสักร้าน มิเช่นนั้นข้าคงไม่มาพึ่งโชคชะตาถึงที่นี่”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” สตรีชุดม่วงพยักหน้าเล็กน้อย สายตาที่มองเขามีแววรู้สึกผิดเพิ่มขึ้นหลายส่วน “แต่ช่วงนี้ร้านของข้าเทขายสินค้าไปหมดแล้ว ไม่มีถั่วแห่งความรักเหลืออยู่เลย ธุระนี้…เกรงว่าข้าคงช่วยคุณชายไม่ได้ ขอโทษด้วย”
เซิ่งฉินรีบกล่าวขึ้น “นายท่าน เหลือเวลาไม่มากแล้ว หากยังหาไม่ได้ เช่นนั้นแม่นางซู…”
ตงฟางเจ๋อถอนหายใจเบาๆ “นึกไม่ถึงข้าสู้อุตส่าห์เดินทางพันลี้มาจากแคว้นเฉิง หลงคิดว่าตนเองมีทรัพย์สินร่ำรวยเทียบเท่าหนึ่งแคว้น แต่แค่ถั่วแห่งความรักเพียงเม็ดเดียวก็ยังหาซื้อไม่ได้”
สตรีชุดม่วงตะลึงงัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจ “คุณชายไม่ใช่ชาวติ้งเรา แต่กลับเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม ต่อสู้เพื่อความรักอย่างหนักแน่น ยอมทำทุกวิถีทาง แม่นางท่านนี้ช่างโชคดีนัก อี้หนงอิจฉายิ่ง”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง ขอบตาแดงก่ำเล็กน้อย บนโลกนี้มีเรื่องราวมากมาย แต่มีเพียงความรักเท่านั้นที่ทำให้คนเราเจ็บปวดได้มากที่สุด
ยามนี้เอง บัณฑิตหนุ่มคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เขารีบร้อนเกินไป ยามวิ่งเข้ามาไม่ทันระวัง เท้าสะดุดเข้ากับกล่องใบหนึ่งบนพื้น หกล้มหน้าคะมำ
เซิ่งฉินที่เฝ้าอยู่ตรงประตูตาไวมือไว ประคองเขาไว้ได้ทัน “ระวัง!”
บัณฑิตหนุ่มผู้นั้นใบหน้าแดงก่ำไปทั้งดวง เขาแทบไม่หยุดหายใจหายคอ รีบกล่าวขอบคุณ “ โม่อี้ฝานขอบ…ขอบพระคุณท่านที่ยื่นมือช่วยเหลือ!”
ครั้นเห็นหน้าคนผู้นี้ คิ้วเรียวงามของอี้หนงกระดกขึ้นเล็กน้อยด้วยความยินดี ทว่าไม่นานกลับหุบรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว แล้วถามเสียงแข็ง “ท่านมาทำไม?”
“ข้า…” โม่อี้ฝานมองหน้านาง กล่าวด้วยเสียงร้อนใจ “เหตุใดเจ้าต้องปิดร้านด้วย?”
อี้หนงทำใจแข็ง หันหลังไม่ยอมมองหน้าเขา กล่าวปนเสียงสะอื้น “พี่ชายโม่ ขอบคุณความช่วยเหลือตลอดสามปีมานี้ของท่าน จากกันวันนี้ คงไม่ได้พบกันอีก!”
โม่อี้ฝานหน้าซีดเผือด เอ่ยเสียงสั่นเครือ “เจ้า เจ้าจะไปจากที่นี่หรือ?”
อี้หนงกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ท่านพ่อกลัดกลุ้มเรื่องแต่งงานของข้ามาก ข้าไม่อาจกระทำตามใจได้อีกต่อไป แม่ใหญ่หวังช่วยติดต่อเรื่องแต่งงานให้ข้าแล้ว ข้าจะแต่งงานไปอยู่แคว้นเฉิง และไปจากที่นี่ตลอดกาล”
โม่อี้ฝานพลันสิ้นหวัง กำหมัดแน่น
ตงฟางเจ๋อก้มหน้าเหลือบมอง ก็เห็นตรงซอกนิ้วมือที่ซีดขาวของโม่อี้ฝานมีจุดสีแดงโผล่ออกมาให้เห็น คิ้วพลันขมวด แผนการพลันบังเกิด เขาจ้องอี้หนงแล้วกล่าวเสียงขรึม “ในเมื่อเจ้ามีบุรุษในดวงใจอยู่แล้ว เหตุใดจึงยังหมั้นหมายกับข้าอีก?”
โม่อี้ฝานได้ยินเช่นนั้น หน้าพลันเปลี่ยนสีไปทันที เขาจ้องหน้าตงฟางเจ๋อ พูดอะไรไม่ออก
อี้หนงเองก็ตะลึงงันเช่นกัน “ท่าน…”
ตงฟางเจ๋อทำหน้าขึงขัง “แม่สื่อคนนั้นชมว่าเจ้าฉลาดปราดเปรื่องเปี่ยมด้วยคุณธรรม แต่นึกไม่ถึงว่าเจ้ากลับเป็นหญิงหลายใจ”
โม่อี้ฝานเดือดดาล ตะโกนเสียงเกรี้ยว “อี้หนงไม่ใช่สตรีเช่นนั้นแน่นอน!”
ตงฟางเจ๋อแค่นยิ้มเย็นชา “ไม่ใช่หรือ? ในเมื่อนางรับปากจะแต่งกับข้า แล้วเหตุใดยังพัวพันกับเจ้าอยู่อีก? ถั่วแห่งความรักในมือเจ้า ใช่ของที่จะมอบให้นางหรือไม่?”
นิ้วมือของโม่อี้ฝานสั่นเทา เขายกถั่วแห่งความรักขึ้นมามอง แล้วหันไปมองอี้หนง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
ตงฟางเจ๋อมองหน้าอี้หนง แล้วกล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้ายืนเหม่ออยู่ในร้าน ใช่เพราะกำลังคิดถึงเขาหรือไม่?”
อี้หนงอ้าปาก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
สายตาวู่วามพาดผ่านดวงตาโม่อี้ฝาน เขาเดินเข้าไปกุมมืออี้หนง “อี้หนง! เจ้า เจ้า…”
ดวงตาของอี้หนงแดงก่ำ “ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรก็สายไปแล้ว”
โม่อี้ฝานรุ่มร้อนใจ “ไม่ ไม่สาย!” เขารีบสวมสร้อยถั่วแดงในมือให้อี้หนงทันที แล้วสูดหายใจลึกๆ รวบรวมความกล้าพูดเสียงดัง “ข้าไม่ยอมให้เจ้าแต่งงานไปอยู่แคว้นเฉิงเด็ดขาด!”
อี้หนงมองดูถั่วแดงบนข้อมือตนเอง ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็ยิ้มกว้าง แต่น้ำตากลับไหลรินออกมา
โม่อี้ฝานรีบเช็ดน้ำตาให้นาง “เจ้าร้องไห้ทำไม? เขา…” เขาหันไปมองตงฟางเจ๋อ แล้วขยับไปยืนขวางหน้าอี้หนง “ขอประทานโทษด้วย การหมั้นหมายครั้งนี้คงต้องล้มเลิก เกรงว่าคุณชายคงเดินทางมาเสียเที่ยวแล้ว”
“อ้อ?!” ตงฟางเจ๋อก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองหน้าเขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดประโยคนี้กับข้า?”
…………………….