บทที่ 72 ชื่อของตระกูลไป่
“คุณชายไป มีคนมาครับ รีบหนีเร็ว” หวังเจียงที่จมูกเขียว หน้าบวมพุ่งตัวเข้ามา คนที่เดินเข้ามาตามติดด้านหลังของ หวังเจียง คือชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำหลายคน
ดวงตากลมโตของสวีเฟยหรงเบิกกว้าง ใบหน้าของเธอ เต็มไปด้วยความตกใจ เพราะชายหลายคนที่พุ่งตัวเข้ามา นั้น หนึ่งในนั้นเธอกลับรู้จัก
เขาคือโจวจิ้งหลง!
คนที่ลวนลามเธอที่นี่เมื่อคราวที่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาถูกกู้ ตงเซ็นทำร้ายอย่างสาหัสไปหนึ่งรอบ
คือเขาได้ยังไง? !
ในความคิดของสวีเฟยหรงมีคำว่าเพราะอะไรเป็นแสนคำ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึง คนที่มาช่วยเธอ จะเป็นโจวจิ้ง
หลง
“ใครให้พวกแกเข้ามา? ไสหัวออกไป! “ไป๋กว่างยี่ ตะคอกด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ อีกแค่นิดเดียว เขาก็จะ สามารถจัดการกับคนพิเศษอย่างสวีเฟยหรงได้แล้ว แต่ ทว่าพวก โจวจิ้งหลงกลับเข้ามาทำลายเรื่องดีๆของเขา
“ไสหัวออกไป?” สีหน้าของโจวจิ้งหลงเคร่งขรึม แล้วพูด อย่างเย็นยะเยือก : “ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าที่นี่คือถิ่นของใคร ถังกล้าบอกให้ฉันไสหัวออกไป?”
“กูไม่สนใจว่าที่นี่จะเป็นถิ่นของใคร! ภายในหนึ่งนาทีเลือกเอาว่าจะไสหัวออกไป หรือจะตาย! “ไป่กว่างยี่พูด ข่มขู่ด้วยสีหน้าหนักแน่น ตระกูลไปซึ่งเป็นภูมิหลังของเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตระกูลลำดับสองของจินหลิง แต่ทว่า จินหลิงนั้นคือเมืองหลวงเก่ายุคหกราชวงศ์ อีกทั้งยังเป็น เมืองของมณฑลเฉียนหนาน พูดอย่างไม่เกินจริง ตระกูล อันดับสองของจินหลิง ต้องมีอำนาจมากกว่าตระกูลอันดับ หนึ่งในเมืองชางโจวซึ่งเป็นเมืองเล็กๆนี่อย่างแน่นอน!
ดังนั้นไปกว่างยี่จึงไม่มีความกลัวเลยสักนิด เขาไม่รู้สึกว่า ที่เมืองชางโจวจะมีใครสามารถคุกคามเขาได้!
สีหน้าของโจวจิ้งหลงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ไอ้เด็กคนนี้ เหมือนจะมั่นใจจริงๆ?
“ไอ้บ้านนอก รู้จักตระกูลไป๋แห่งจินหลิงไหม?” ในเวลานี้ เองหวังเจียงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น น้ำเสียงของเขามีความ เย้ยหยันอย่างบอกไม่ถูก
ตระกูลไป่แห่งจินหลิง?
โจวจิ้งหลงนิ่งค้าง เขาไม่รู้จริงๆ แต่ฟังจากน้ำเสียงของ หวังเจียงแล้วนั้น เห็นได้ชัดว่าตระกูลไปไม่ธรรมดา
“ห์ แม้แต่ตระกูลไปก็ยังไม่รู้จัก ยังกล้าพาคนมาหาเรื่อง กว่าถึงคงมีชีวิตจนเบื่อแล้ว” หวังเจียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ยะเยือกแล้วหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นแค่ หมารับใช้ของตระกูลไป แต่มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า สุนัขอาศัยอำนาจของเจ้าของในการดุร้าย!
หมารับใช้ตระกูลไป่ ใครจะกล้ามาหาเรื่อง?
โจวจิ้งหลงถึงกับรู้สึกเหมือนขึ้นขี่หลังเสือยากที่จะลง สวี เฟยหรง เขารู้จัก มีความเกี่ยวข้องกับเฉินเฟิงเป็นอย่างมาก ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นผู้หญิงของเฉินเฟิงก็ได้ แต่คนหนุ่ม ตระกูลไป๋คนนี้ ภูมิหลังกลับไม่ธรรมดา แม้ว่าจะเป็นกู้ตง เซิน ไม่แน่ว่าอาจจะไม่กล้ามีปัญหาด้วยก็ได้
ระหว่างเฉินเฟิงกับคนหนุ่มตระกูลไป๋คนนี้ ใครที่ยิ่งใหญ่ กว่ากันแน่? โจวจิ้งหลงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาท
“ให้หัวหน้าของพวกแกไสหัวมานี่ ลูกน้องอย่างแก แม้แต่ ตระกูลไปก็ยังไม่รู้จัก ไม่มีสิทธิ์ที่จะมายืนตรงหน้าคุณชาย ไปของพวกฉัน” หวังเจียงพูดด้วยความดูถูก ถึงแม้เขาจะ ไม่รู้ว่าหัวหน้าของโจวจิ้งหลงคือใคร แต่ว่าที่เมืองชางโจวนี้ ไม่มีใครหน้าไหนสามารถรับมือกับคนใหญ่คนโตของโลก ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนมาตระกูลไป๋ก็ไม่กลัว!
สีหน้าของโจวจิ้งหลงแดงก่ำ แม้ว่าจะถูกคนทำให้ขาย หน้าต่อหน้าต่อตา แต่เขากลับไม่กล้าพูดแม้แต่ครึ่งตัว อักษร ทำได้เพียงโทรศัพท์ไปหากู้ตงเชิน
“เป็นคนของตระกูล? ! ! “กู้ตงเชินที่กำลังรีบตามมานั้น
ก็ตกใจเป็นอย่างมาก โจวจิ้งหลงไม่รู้จักตระกูลไป๋ แต่เขา นั้นรู้จัก ตระกูลไปคือตระกูลลำดับที่สองของจินหลิง เต็ม ไปด้วยเส้นสายทางการเมือง คณะกรรมการในเมืองเมือง ชาง โจว ล้วนมีความสัมพันธ์กับตระกูลไป๋ สามารถพูดได้ ว่า ตระกูลแบบนี้ คือตระกูลที่กู้ตงเชินไม่อยากจะเผชิญ หน้าด้วยมากที่สุด
ตั้งแต่โบร่ำโบราณขาวดำนั้นไม่ถูกกัน การทำผิดต่อตระกูลไป เขาจะถูกเรียกไปดื่มน้ำชาทุกนาที
“ท่านเชิน ควรทำยังไงดีครับ?”
“อย่าพึ่งทำอะไร พยายามทำตัวให้สุภาพหน่อย เดี่ยวฉัน ไปถึงค่อยว่ากัน” กู้ตงเชินหัวโตขึ้นมาในทันที เวลานี้ทาง ด้านไปกว่างยี่เขาเองก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือ เพราะเขาไม่ สามารถมีเรื่องกับตระกูลไปได้ แต่ว่าเฉินเฟิง….
เขาก็ยิ่งมีเรื่องด้วยไม่ได้
กู้ตงเชินโทรศัพท์ไปหาหานหลง
“คนไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หานหลงนึกว่ากู้ตงเชินช่วยคน เอาไว้ได้แล้ว
“ท่านหาน คนนั้นไม่เป็นอะไร แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ในมือ ของฉัน” กู้ตงเชินพูดหัวเราะเศร้า
“นี่มันอะไรกัน! ”
“คนที่จับตัวคุณหนูสวีเอาไว้นั้น มาจากตระกูลไป๋แห่งจิน หลิง….”กู้ตงเชินพูดขึ้น
“ตระกูลไป่แห่งจินหลิง? “หานหลงหัวเราะในลำคอ แล้ว พูดขึ้น : “กู้ตงเซิน กับแค่ตระกูลไป๋แห่งจินหลิง ก็ทำให้ นายกลัวถึงขั้นนี้?”
กู้ตงเซินนิ่งค้าง ทำไมหานหลงถึงพูดด้วยน้ำเสียงที่
ลำพองตัวขนาดนี้ แม้แต่ตระกูลไป่ก็ไม่อยู่ในสายตา?
ต้องรู้ก่อนว่า พวกเขาทั้งสองคนมัดรวมกัน เผชิญหน้ากับ ตระกูลไป่ จุดจบก็คือตายห่าไม่เหลือรอดอย่างแน่นอน
“กู้ เงิน ขอบอกกับนายตามความจริง ทำผิดต่อตระกูล ไป บางทีนายยังมีทางรอด แต่ว่าทำผิดต่อคุณชายเฉิน ห์นี้ แม้แต่ยมบาลก็ไม่สามารถปกป้องแกเอาไว้ได้! “หานหลง พูดเสียงเย็นยะเยือก เขาคนเมื่อก่อนตอนที่ได้ยินว่าเป็น ตระกูลไปก็ย่อมเดินอ้อมไปอีกทาง แต่ว่าตอนนี้ เขาคือ หมารับใช้ของเฉินเฟิง อย่าว่าแต่ตระกูลไป ต่อให้ตระกูล ไปสิบคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา คิ้วของเขาก็ไม่ขมวดแม้แต่ น้อย
สีหน้าของกู้ตงเชินลุกลี้ลุกลน ฟังจากน้ำเสียงของหาน หลง เห็นได้ชัดว่าภูมิหลังของเฉินเฟิงก็ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้า
“ท่านหาน คุณชายเฉินคนนี้เป็นคนยิ่งใหญ่มาจากไหน กันแน่?” กู้ตงเซินยังคงอยากจะที่จะรู้ภูมิหลังของเฉินเฟิง ไม่อย่างนั้นถ้าทำผิดต่อตระกูลไปขึ้นมาจริงๆ แล้วเฉินเฟิ งกลับไม่ปกป้องเขา เขายังต้องร้องไห้
นายไปถามเองเฉินเฟิงบอกแล้วให้เก็บเป็นความลับ แน่นอนว่าหานหลงไม่กล้าพูดเผยแพร่ออกไปเป็นธรรมดา
คิ้วของกู้ตงเชินขมวดเป็นปมขึ้นมา เกรงว่าตอนนี้เขาคง ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดในชีวิต จะยิน อยู่ข้างเฉินเฟิงหรือยืนอยู่ข้างตระกูลไป่ ถ้าเลือกได้ดีก็จะ ชีวิตก็จะมีความเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าเลือกผิด ชีวิตของเขาก็ ต้องตาย !
“ให้ตายเถอะ เอาไงเอากัน! “กู้ตงเชินเม้มกัดฟัน ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจ
เขาเลือกเฉินเฟิง!
เขาไม่เชื่อว่า ผู้ชายที่สามารถทำให้หานหลงยอมแพ้ จะ เทียบชั้นกับตระกูลไป่ไม่ได้!
เวลานี้ ภายในห้อง ไป่กว่างยี่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา
พร้อมกับมีบุหรี่คาบเอาไว้ที่ปาก
ทางด้านหวังเจียงยืนกอดอกอยู่ด้านข้าง สีหน้าของเขา มองดูพวกโจวจิ้งหลงด้วยความดูถูก “ไอ้บ้านนอก เมื่อไหร่หัวหน้าของพวกแกถึงจะมาถึง?
ไม่ใช่ว่าได้ยินชื่อตระกูลไป๋ของพวกกู ก็ตกใจจนไม่กล้ามา
แล้วรึเปล่า?” หวังเจียงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท
สวีเฟยหรงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สิ่งที่หวังเจียงพูดนั้นมี ความเป็นไปได้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ เพราะถึง อย่างไรตระกูลไปก็สามารถข่มกู้ตงเชินได้ ถ้าหากว่าเธอ คือกู้ตงเชิน ก็คงไม่มีวันมีปัญหากับตระกูลไป๋เพียงเพราะผู้ หญิงคนเดียว
“ท่านเชินของพวกฉัน….กำลังจะมาถึงแล้ว” โจวจิ้งหลง พูดออกไป เมื่อกี้เขาได้ไหว้วานให้คนไปสืบเรื่องตระกูลไป แล้ว หลังจากที่รู้จนกระจ่างแจ้ง ตอนนี้น่องของเขาก็เริ่ม อ่อนแรง โชคดีที่ยังไม่ทันได้ลงไม้ลงมือกับไป๋กว่างยี่ ไม่ อย่างนั้น เกรงว่าเขาคงมีชีวิตรอดไม่ถึงคืนนี้
“หี สมัยนี้หมาแมวที่ไหนก็เรียกว่าลูกพี่ได้หมด คำว่าลูกพี่ นั้นไม่มีค่าเลยจริง” หวังเจียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน สีหน้า ของโจวจิ้งหลงและพวกลูกน้องแดงก่ำ แต่ก็ไม่กล้าพูด อะไร
ในเวลาเอง กู้ตงเชินมาถึงแล้ว
“ท่านเชิน….
พวกโจวจิ้งหลงรีบขึ้นหน้าไปต้อนรับ กู้ตงเชินขานรับ เสียงเรียบ จากนั้นก็หันไปมองสวีเฟยหรง : “คุณหนูสวี คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
สวีเฟยหรงส่ายหน้า แล้วคลายยิ้มอย่างเข้มแข็ง : “ฉัน ไม่เป็นไร”
ถึงแม้ว่าสวีเฟยหรงจะพูดแบบนี้ แต่กู้ตงเชินก็ยังคง สังเกตเห็นว่า บนหน้าผากของสวีเฟยหรงมีรอยเลือด
“ท่านเป็นขี้หมาอะไรคนนี้ ถึงเป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ ถึง เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ เธอไม่เป็นไร แต่ถึงกำลังจะมีเรื่อง แล้ว” หวังเจียงหันไปมองกู้ตงเชินแล้วพูดอย่างหยิ่งผยอง
“หมา? จะเกิดเรื่องขึ้นกับกูงั้นหรอ?” กู้ตงเซินพูดเสียง เรียบ สีหน้าของเขาเรียบเฉย
“หี พวกคนโง่! มีปัญหากับคุณชายไก่ของพวกกู มึงคิด ว่าตัวเองยังจะปลอดภัยไม่เป็นอะไรอีกหรอ?” หวังเจียงพูด แล้วยิ้มอย่างเย้ยหยัน
ตั้งแต่เริ่มจนจบไปกว่างยี่ไม่ได้มองดูกู้ตงเซินแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้ว ถ้าหากกู้ตงเชินฉลาด ละก็ ควรที่จะรีบ คุกเข่าขอร้องเขา
“คุณชายไป? กู้ตงเชินหัวเราะเสียงดัง จากนั้นสีหน้าของ เขาก็เย็นยะเยือกขึ้นมา : “ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ! “