เมื่อพอร์เทียเห็นดาเรียส ก็แทบจะกระโดด แต่เธอก้ตั้งสติก่อนและยิ้มให้ดาเรียส ขณะที่เดเร็กหรี่ตาลงเล้กน้อย ดาเรียสสังเกตปฏิกิริยาของทั้งคู่
“สวัสดีค่ะ ท่าดาเรียส ท่าต้องการให้ช่วยอะไรหรือเปล่าคะ”
พอร์เทียกล่าวออกมา
ดาเรียสยิ้มอย่่างอ่อนโยนให้พอร์เทีย ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
“ขอบคุณนะที่คอยช่วยเหลือ ตอนนี้ฉันกำลังจะออกไปทดลองอะไรบางอย่าง”
ความอยากรู้อยากเห็นของพอร์เทียก็ลุกเป็นไฟ ดาเรียสได้บอกทั้งสองว่าออกมาทำการทดลองบางอย่าง นั้นเป็นวิธีที่ดาเรียสจะได้รับอนุญาติ ที่สำคัญกว่านั้น มันก็เป็นแค่การทดลองเวทย์มนต์ของดาเรียส ที่ได้แสดงตนว่าเป็นผู้วิเศษ และพอร์เทียก้ได้อ่านเรื่องราวของผู้วิเศษมากมายและวิธีที่เหล่าผู้วิเศษจะได้พัฒนาฝีมือ
มันคือเวทย์มนต์ที่ได้รับการยอมรับ หากดาเรียสกำลังจะออกไปเพื่อพัฒนาพลังของเขาในฐานะผู้วิเศษโดยการใช้เวทย์มนต์นั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การดู พอร์เทียจะสามารถดูผู้วิเศษใช้เวทย์มนต์ได้แบบชัดๆ
“ฉันร่วมเดินทางไปกับท่าน ท่าดาเรียส ฉันเป็นนักปราชญ์และนักวิชาการ และฉันก็ชอบเวทย์มนต์จริงๆ ท่าสามารถสอนฉันได้ไหมคะ”
พอร์เทียรีบถาม
สีหน้าของเดเร็กดูไม่พอใจ เมื่อน้องสาวได้ขอร้องอย่างหยาบคาย ที่จะเป็นเด็กฝึกหัดของผุ้วิเศษ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เดเร็กผ่านดลกมามากกว่าพอรืเทียมาก เนื่องจากเดเร็กต้องเดินทางอยู่กับแชงค์ส เสมอในการทำธุระ
ส่วนพอร์จะใช้เวลาส่วนมากไปกับการอ่านหนังสือ ซึ่งทำให้เธอสติปัญญาที่ฉลาดมาก ทำให้พอร์เทียสามารถวางตัวในสังคมได้
เดเร็กถอนหายใจและพูดก่อนที่ดาเรียสจะได้ตอบ
“ได้โปรด อภัยให้น้องสาวของฉันดเ้วยที่พูดแบบนั้นออกไป อย่างที่เธอบอก เธอชื่นชอบเวทย์มนต์และมีแนวดน้มว่าเธอจะปล่อยให้อารมณ์อยากรู้อยากเห็นของเธอไปกวนท่าตอนที่กำลังทดลองเวทย์มนต์ เราทั่งคู่จะรอจนกว่าท่านจะทดลองเสร็จและกลับมา”
ดาเรียสที่ำลังจะปฏิเสธพอร์เทีย ก็รู้สึกถึงความเฉลียวฉลาดของเดเร็ก ที่ดูเหมือนจะมีกล้ามเนื้อมากกว่ามันสมอง แต่ด้วยเหตุนี้ ดาเรียสจึงยิ้มและเดินจากไป
พอร์เทียเศร้าใจ ขณะที่เดเร็กกอดปลอบพอร์เทียที่ได้ดุ ซึ่งพอร์เทียก็พยักหน้าด้วยน้ำตา หลังจากที่ปลอบพอรืเทีย เดเร็กก็มองไปที่ดาเรียสด้วยแววตาแปลกๆ
* * *
ดาเรียสเดินผ่านรถม้าที่เคยใช้นอนค้างคืนในวันก่อน และระลึกถึงการเดินทางของตัวเองจากกระท่อมไม้จนถึงหมู่บ้านโพเลเรีย มันใช้เวลาราวๆ 2 วัน หรืออาจจะมากกว่านั้น
และตอนนี้เลเวลดาเรียสก็อยู่ที่ 3 มันเพิ่มขึ้นไม่มากนั้น และเขายังไม่ได้รับประสบกาณ์ในการต่อสู้มากพอเพราะดาเรียสใช้เพียงแค่สกิลในการต่อสู้
ดาเรียสไม่ได้ดูหมิ่น แต่เขาเข้าใจดีว่าการใช้สกิลเวทย์เพียงอย่างนั้นอาจจะไม่ดีนัก ดาเรียสสามารถฝึกฝนความสามารถเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญขั้นพื้นฐานในสิ่งที่ต้องเรียนรู้ผ่านหนังสือทักษะที่สร้างขึ้นมาได้
ดาเรียสเดินคิดไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง ดาเรียสก็ได้ยินเสียงแปลกๆ มันเป็นเสียงที่ดาเรียสไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ดาเรียสก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่เสียงของสิ่งมีชีวิตทั่วไปแน่ๆ
ดาเรียสอยากรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร จึงสูดหายใจเข้าลึกๆและคลานไปตามพุ่มไม้เข้าไปในป่าลึก และยิ่งคลานเข้าไปลึกเพียงใด เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น ใบหน้าของดาเรียสบ่งบอกถึงความผิดปกติและมีสีหน้าที่กังวล
เมื่อถึงตอนนี้ ดาเรียสไม่กล้าที่จะคลานต่อไป เพียงเพราะสิ่งที่ดาเรียสจะได้เห็นนั้น ไม่คุ้มค่ากับความอยากรู้อยากเห็นของดาเรียส แต่ความอยากรู้ก็เพิ่มขึ้นมาเมื่อใกล้กับต้นต่อของเสียง ดาเรียสค่อยๆ เดินผ่านพุ่มไม้ และผิงหลังกับต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งอยุ่ห่างจากต้นต่อของเสียงเพียงไม่กี่เมตร
ดาเรียสค่อยๆ หันไปมองรอบๆ ต้นไม้และเห็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าไกลออกไปเพียงไม่กี่เมตร มันคือโทรลล์สีน้ำเงินสูง 10 ฟุตกำลังต่อสู้กับสิงโตตัวเมียตัวหนึ่ง อยุ่ตรงหน้าของดาเรียส