ดาเรียสวางหอกและได้เดินเข้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งเขาสังเกตเห็นว่ามันเป็นหมู่บ้านที่มีกระท่อมอยู่ราวๆ 50-70 หลัง และมีบ้านหลังใหญ่อยู่ที่ใจกลางหมู่บ้าน มีชาวบ้านจำนวนไม่มากนักโดยส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ และเด็กๆ และก่อนที่ดาเรียสจะเดินเข้ามายังหมู่บ้านก็ได้มีคนพบเห็นดาเรียส และชาวบ้านที่พบเห็นต่างก็รีบไปบอกต่อๆ กัน ดูเหมือนว่าจะรีบไปบอกผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในการตัดสินของหมู่บ้าน
ดาเรียสได้เดินไปตามท้องถนนของหมู่บ้านจนมาถึงบ้านหลัก ดาเรียสสังเกตเห็นชาวบ้านที่กำลังทำงาน และเมื่อพวกเขาสังเกตเห็นดาเรียส ชาวบ้านทั้งหมดก็หยุดทำงาน และค่อยๆ เดินทมาทางดาเรียส ดาเรียสสงสัยว่าพวกชาวบ้านกำลงัจะทำการตอนรับ ดาเรียสจึงเดินเข้าไปในประตูของบ้านหลัก และดาเรียสก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และผู้ใหญ่หลายคนต่างก็ยืนรอเพื่อรอให้ดาเรียสทำอะไรบางอย่าง
มีชาวบ้านประมาณ 200 คน โดยส่วนมากเป็นเด็กๆ และคนรุ่นราวคราวเดียวกับดาเรียสนั้นก็มีจำนวนที่น้อยกว่าเล็กน้อย นี่เป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างใหญ่จากที่ดาเรียสได้ตรวจสอบข้อมูล
ดาเรียสหยุดอยู่ตรงหน้าของชาวบ้าน และทำท่าทีอย่างหละหลวมแต่เด็ดเดียวไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มที่ถูกจ้องมองด้วยความหวดากลัว และดาเรียสได้เอ่ยปากถามพวกชาวบ้าน
“ใครเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้”
ชายร่างสูงผิวสีแดงเล็กน้อยและมีผมออกส้มทองเดินเข้ามาและพูดว่า
“ฉันเอง สามารถเรียกฉันว่าแชงค์สก็ได้”
เขามีหนวดเคราที่หนา และมีจอบพาดอยู่บนไหล่และมีร่างกายที่บึกบึนและดูแข็งแรง ซึ่งมันเป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงการมีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำ
ในไม่ใช่สิ่งที่ดาเรียสเห็น แต่แชงค์สยังสวมชุดหลวมๆสีน้ำเงินที่มีโลโก้ซีดจางที่กระเป๋าอก โลโก้นั้นถูกเพิ่มลงในฐานข้อมูลของดาเรียส เพื่อให้ดาเรียสรู้ว่าแซงค์สนั้นต้องมีความสัมพันธ์และมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์
‘อดีตทหาร ปลดประจำการด้วยเกียรติประวัติสูงส่งและมาเริ่มต้นการใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้ แต่หมู่บ้านนี้ก็ใหญ่มาก แต่ก็เงยบสงบ’
ดาเรียสเริ่มคิดวิเคราะห์พื้นที่รอบๆ และผู้คน
ไม่มีร่องรอยของการซึกกร่อนบนอาคารซึ่งหมายความว่าพวกขเาพึ่งจะสร้างบ้านหลักหลังนี้มาไม่นานประมาณ 2-5 ปี นอกจากนี้ยังไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือจากถูกโจมตีจากกลุ่มโจร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดูแลเมืองของแชงค์ส
“แชงค์…สำเนียงและรูปลักษณ์ของคุณ…..คุณมาจากเมืองขุนนางไม่ใช่หรอ?”
ดาเรียสถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
แชงค์สหรี่ตาลงทันที และมองดูดาเรียสอย่างระมัดระวัง แชงค์สได้ทำการถือจอบเพื่อขู่ดาเรียสเล็กน้อย และถามว่า
“ดังนั้น คุณควรเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร”
ดาเรียสพยักหน้า
“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ได้มาที่นี้เพื่อสร้างความเดือดร้อน ท่าแชงค์ส ฉันแค่อยากหาที่พักเพื่อที่จะทำธุระบางอย่างที่นี่”
แชงค์สเริ่มผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าดาเรียสนั้นเรียกเขาว่า ท่าน แม้ว่าเขาจะเป็นอดีตอัศวินแต่หารของอาณาจักรใดๆ ที่มีตำแหน่งสูงส่งหรือเคยมี จะชื่นชชอบการได้รับความเคารพ
“ได้สิ ฉันอนุญาติ คุณอยู่ที่นี่ได้ไม่มีปัญหา พวกเรา ยินดีตอนรับนักเดินทางทุกคน แต่หมุ่บ้านของเรายังไม่มีการสร้างโรงเตี๊ยมหรือโรงแรม ดังนั้นฉันหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจหากจะอยู่ที่บ้านของฉัน ? มันมีชื่อว่าบ้านไร่โพเลเรีย”
แชงค์ส กล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“บ้านไร่โพเลเรีย ช่างเป็นชื่อที่น่ารักเสียจริงท่าแชงค์ส มันมีความหมายว่าอย่างไรรึ”
ดาเรียสถามต่อ
“ ถูกต้องแล้วหนุ่มน้อย มันเป็นชื่อภรรยาสุดที่รักของฉัน หลังจากที่ฉันผ่านสงครามการสู้รบมามากมาย ฉันจึงตัดสินใจที่จะหยุดและมาตั้งหลักแหล่งอย่างที่เธอต้องการมาตลอด และฉันได้ตั้งชื่อมันตามชื่อของเธอ จะได้รู้สึกว่าเธออยู่ที่นี่กับเรา”
แชงค์สกล่าวขณะที่ถอนหายใจหนักๆ
ดาเรียสยิ้ม เขาประสบความสำเร็จจากเด็กที่ไม่มีจุดกำเนิด มาเป็นเชื้อสายขุนนางชั้นสูงที่น่าเคารพและมีน้ำใจ ไม่ใช่แค่แชงค์ส แต่ชาวบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวก็ผ่อนคลายลงเมื่อเห็นความโล่งใจของแชงค์ส ชาวบ้านนั้นเป็นชาวนาปกติทั่วไป อาณาจักรอันดราโต มีสังคมชั้นสูงในยุคกลางทั่วไป ซึ่งไม่ต่างจากสังคมยุคกลางบนโลกเก่า
ถ้าคนชั้นสูงบอกให้ชาวนากระโดดพวกจะทำได้แค่ถามว่าให้กระโดดสูงแค่นั้น ซึ่งคำสั่งของคนชั้นสูงนั้นพวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อต้านได้ พวกเขาจึงไปเรียกแชงค์สมา ซึ่งเป็นคนเดียวที่สามารถต่อรองกับขุนนางและเหล่าราชวงศ์ได้ ในตอนนี้เด็กชายผู้สูงศักดิ์ดาเรียส ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีและได้ประกาศว่าจะทำสร้างความเดือดร้อนในที่แห่งนี้
แม้ว่าดาเรียสจะชอบเชื่อว่าสิ่งต่างๆ นั้น จะเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะฝีปากของเขา ซึ่งมันทำให้ดาเรียสามารถเข้าสังคมได้ในทุกสถานการณ์ แต่ในใจดาเรียสรู้ดีว่า นั้นคือพรสวรรค์ของเขา ซึ่งมันจะมีบทบาทอย่างมากในการใช้ชีวิตในที่นี่และดาเรียสต้องอดทนและก้าวต่อไป