ดาเรียสตื่นเต้นกับการเพิ่มข้อมูลในส่วนที่ขาดหายไปและเพิ่มเติมฐานข้อมูลของเขา สำหรับคนอื่นอาจจะเห็นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ แต่นี้เป็นการกระจำที่แยกคนที่เป็นอัจฉริยะออกจากคนปกติ
นอกจากนี้ดาเรียสยังผ่านวัยหนุ่มของเขาไปแล้ว ซึ่งเขาจะใจเย็นและค่อยพัฒนาสิ่งต่างๆ ในตอนนี้ได้
วันรุ่งขึ้นดาเรียสพูดกับพอร์เทียอย่างช้าๆ
“วันนี้ฉันจะไปที่ท้องสมุดวันสุดท้าย หลังจากนี้ฉันต้องกลับไปทำการทดลองของฉันต่อแล้ว”
ท่าทางที่ตื่นเต้นของพอร์เทียได้หดลง และเธอก็ยิ้มขึ้นอีกครั้งและพยักหน้า
“ถ้านั้นเป็นสิ่งที่ท่าต้องทำ ฉันก็จะสนับสนุน”
ดาเรียสหัวเราะขอเอามือตบไปที่หัวของเด็กสาวอย่างเบามือ มันค่อนข้างแปลกเพราะทั้งคู่มีส่วนสูงและอายุเท่ากัน และเข้าใจผิดว่านี่คือการแสดงความรักที่ต่างออกไป
ดาเรียสเข้าไปในห้องสมุดและอ่าทฤษฎีเกี่ยวกับเวทย์มนต์ซึ่งจริงๆ และแล้วมันเป็นหนังสือประเภทที่แพร่หลายที่สุดในที่นี่ และดูเหมือนว่าแชงค์สเองก็คาดหวังให้ลูกสาวได้ถูกกระตุ้นและกลายเป็นผู้วิเศษ
ไม่ว่ากรณีใดๆ ดาเรียสพบว่าตัวเองยังคงหมกหมุ่นอยู่กับหนังสืออีกหลายเล่มที่เกี่ยวกับทฤษฎีเวท์มนต์ เรียนรู้วิธีการทำงานของอาชีพจอมเวทย์ การจัดอันดับของพลัง และการพัฒนาความสามารถ
แต่น่าแปลกที่ดาเรียสได้รู้เรื่องพวกนี่แล้วตั้งแต่การเป็นผู้วิเศษและเริ่มใช้สกิลแรก
อย่างแรก สกิลถูกแยกออกเป็นระดับ พื้นฐาน กลาง ขั้นสูง มาสเตอร์ และแกรนด์มาสเตอร์ เมื่อเห็นว่าสกิลศิลปะหอกของตัวเองนั้นอยู่ในขั้นพื้นฐาน ดูเหมือนว่าเกณฑ์วัดระดับจะเหมือนกันหมด
ในรายการเวทย์มนต์ยังกล่าวถึงสกิลสปาร์คแล้วเอ็มเบอร์อีกด้วย นอกจากนี้ดาเรียสยังเห็นสกิลอื่นๆ เช่น ไอซแลนซ์ วอเตอร์ช็อต วินส์เบรด และ เอิร์ธสไปค์
ดูเหมือนว่าในแต่สกิลจะมีธาตุที่แตกต่างกันไป และหนังสือนี้ไม่ได้มีการสอนการเรียนรู้สกิลต่างๆ เนื่องจากการเรียนรู้การใช้สกิลต้องใช้คัมภีร์สำหรับการเรียนรู้ หนังสือนี้เพียงบอกแค่ข้อมูลต่างๆ ของสกิล
ทั้งสองเพิ่มมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของเวทย์มนต์ ผู้วิเศษจะสร้างคาถาสกิลผ่านกระบวนการที่ที่เรียกว่าวิธีการเวทย์มนต์ และสกิลส่วนใหญ่นั้นไม่ได้รับมาจากเทพหรือมรดกจากยุคโบราณ
ทุกสิ่งนั้นถูกสร้างขึ้นโดยผู้วิเศษต่างๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและยิ่งระดับของสกิลต่ำยิ่งสร้างได้ง่ายขึ้น แต่ยังต้องมีความสามารถที่สามารถใช้งานได้จริง
ดาเรียสได้สนใจในเรื่องนี้ แต่เขาต้องตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาถาพื้นฐานในขณะที่ดาเรียสเริ่มขมวดคิ้ว มีบางอย่างที่รบกวนจิตใจของดาเรียสตั้งแต่ที่ได้รับสกิลสปาร์คมา และมันยิ่งทำให้ดาเรียสสงสัยขึ้นอีกเมื่อได้รับเอ็มเบอร์มา
นีคือพลังและการพัฒนาของสกิลพื้นฐานหรือสกิลทั่วไป เท่าที่ดาเรียสได้ทราบ สกิลบางอย่างยังถูกเก็บไว้โดยผู้วิเศษบางคน นักเวทย์ที่เชี่ยวชาญจะไม่สามารถร่ายสกิลระดับแกรนมาสเตอร์ได้ และนักเวทย์มือใหม่ก็ไม่สามารถร่ายเวทย์ระดับกลางได้
สกิลพื้นฐารใช้เพื่อแฝึกมือใหม่เท่านั้นและช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มพลังเวทย์และพัฒนาขึ้นไปได้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขามียูทิลิตี้ที่น่ากลัว โดยเฉพาะการต่อสู้ด้วยเอ็มเบอร์ที่สามารถขับเสียงกรีดร้องของศัตรูได้ ในขณะที่สปาร์คนั้นมีความทรมาณน้อยกว่า
ทั้งหมดเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของเวทย์มนต์ธรรมดา ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าทำไมสกิล สปาร์คและเอ็มเบอร์ของดาเรียสจึงแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกัน
ดาเรียสได้กำหนดคำตอบต่อไปได้ 3 ข้อ
อย่างแรกคือคาลสผู้วิเศษและในฐานะซูพรีมจะได้รับการเพิ่มพลังของสกิลทั้งหมด
อย่างที่สอง สปาร์ค ได้เพิ่มระดับเป็นซูพรีม จากระบบเนื่องจากเป็นสกิลติดตัวตั้งแต่แรก และเอ็มเบอร์เป็นสกิลที่สร้างขึ้นมาภายหลัง
อย่างที่สามคือระบบเพิ่มทักษะและสกิลทั้งอยู่ในระดับเลเวลของตัวเขาเอง
แม้ว่าคำตอบแรกจะดูสมเหตุสมผลที่สุด แต่ดาเรียสก็มีแนวโน้มที่จะเชื่อในอย่างที่ 2 เพราะสิ่งที่ทำให้ดาเรียสสงสัยคือการสร้างเอ็มเบอร์
คัมภีร์ที่สร้างขึ้นการใช้แต้มการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ธรรมดา ภายใต้ความสามารถนี้ มันจะได้รับการยกระดับให้มีคุณภาพสูง และเมื่อตรวจดูมีโอกาสพิเศษ 100% ที่จะสามารถเพิ่มพลังของมันได้ถึง 500%
แล้วเมื่อดาเรียสเรียนรู้สกิล มันมีคำอธบายว่าสร้างความเสียหายไฟ 5% และบูสต์ของสกิลหายไปไหนถึง 500% ละ?
ทฤษฎีของดาเรียส คือเอ็มเบอร์และสปาร์คแบบดั้งเดิมจะสร้างความเสียหาย 1% เมื่ออยู่ในระดับปกติ แต่การที่สกิลเอ็มเบอณืได้เพิ่มมาเป็น 5% อาจจะเป็นเพราะคิดว่าปาร์คและเอ็มเบอร์นั้นเริ่มต้นด้วยดาเมจที่เท่ากัน แต่นั้นไม่จริง
และที่สำคัญสกิลพื้นฐานอยางสปาร์คที่เมื่อเพิ่มไปถึงระดับที่ 20 จะสามารถสร้างดาเมจได้ถึง 100% ถ้าสกิลพื้นฐานยังมีพลังมากขนาดนี้ ผู้วิเศษคนอื่นๆ คงต้องแข็งแกร่งกันอย่างมาก การสร้าง 50 ดาเมจต่อการโจมตี 1 ครั้ง
ถ้าดาเรียสใช้ตัวเองเป็นตัววัดซึ่งปัจจุบันเขามี HP150 แม้จะมีความแข็งแกร่ง 15 และความทนทาน 10 ดาเรียสจะตายจากการโจมตี 3 ครั้ง