ดาเรียสตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นและไปที่ห้องหนังสืออีกครั้ง การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกสิ่งเพราะคนที่มีการศึกษาจะเป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในโลก
ระหว่างทางดาเรียสได้พบกับพอร์เทียระหว่างทาง พอร์เทียที่มีอยากอื่นต้องดูแล ทำให้เวลาในการดูแลดาเรียสนั้นลดน้อยลง
สิ่งนี้ทำให้ดาเรียสสบายใจในขณะที่พอร์เทียหดหู่ แต่พอร์เทียก็ชอบที่จะใช้เวลากับดาเรียสในห้องหนังสือในการพูดคุยหัวข้อต่างๆ มากมาย ทำให้พอร์เทียเห็นว่าดาเรียสนั้นเป็นผู้ใหญ่มากกว่าใครๆ ที่เธอรู้จัก
วันนี้มีแต้มการเปลี่ยนแปลงมาใหม่ และดาเรียสได้ใช้มัน
[คุณต้องการเปลี่ยนกระดาษเปล่าเป็นประตูบ้านหรือไม่? ซึ่งจะต้องใช้ 0.5 คะแนนการแปลง]
ดาเรียสได้สร้างมันขึ้น 8 ชิ้น และเสียไป 4CP และยังเปลี่ยนหนังสือเปล่าให้กลายเป็นคัมภีร์อีกเล่ม ซึ่งใช้ 5.9 CP ตอนนี้ดาเรียสเหลือ 0.1 CP
จากนั้นดาเรียสก็นั่งลงและไม่เร่งรีบที่จะดำเนินแผนที่ 3 ต่อ ขณะที่วันนี้ดาเรียสจะอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ที่เหลืออยู่และเชื่อมข้อมุลเข้ากับภูมิศาสตร์เพื่อเต็มเต็มข้อมูลบางอย่าง
ดาเรียสตกตะลึงเมื่อพบว่าเผ่าพันธุ์วัลคีรี่ไม่ได้อาศัยอยู่ในเอลิเซียม แต่เป็นทหารของโอดินผู้ก่อตั้งคนแรกของฟราเทรินา ซึ่งเป็นนักรบระดับสูงที่มีความสาสารถที่เมื่อสู้รบเสร็จแล้วก็ได้รับอนุญาตให้ออกไปสำรวจโลก
ดาเรียสฟังดูเหมือนเจ้าของที่ปลดปล่อยทาสเป็นรางวัลสำหรับความทุกข์ยากของพวกเขา พอร์เทียทำให้ดุเหมือนว่าวัลคีรี่มีความหมายบางอย่างกับโอดิน แต่นั้นคือสิ่งที่หนังสือประวัติศาสตร์ต้องการให้คิดเช่นนั้น
ดาเรียสพบว่าตัวเองรู้สึกทึ่งเล็กน้อย ตอนนี้เขาสามารถทราบประวัติของอันดราโตและทวีปอื่นๆ ทั่วโลกได้แล้ว ต่อไปคือการค้นหาระบบอำนาจบนโลกนี้
มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับดาเรียสที่จะทำ ด้วยเหตุนี้ดาเรียสจึงอ่านทฤษฏีการต่อสู้ก่อน ตลอดจนสามารถยืนยันสิ่งที่ค้นพบ
เห็นได้ชัดว่าซีซ่าร์ไม่ได้ปิดตาของดาเรียส ในโลกเฟาสต์ ไม่ใช่แค่ฟอลคอลหรือทวีปใดๆ แต่มีสิ่งเดียวกันที่กล่าวถึงคือปัญญาประดิษฐ์
มือใหม่ นักผจญภัย ผู้เชี่ยวชาญ ปรมาจารย์และและปรมาจารย์ระดับสูง และยังมีระดับที่สูงกว่าขึ้นไปอีก แต่ผู้คนในเฟาสต์ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร มีเพียงดาเรียสเท่านั้นที่จะเกี่ยวกับระบบพิเศษ
โดยเลเวล 1-20 เป็นระดับมือใหม่ 21-40 เป็นนักผจญภัย และอื่นๆ วิธีที่พวกเขาได้สร้างคือระดับความแตกต่างของเป้าหมาย
ดาเรียสขมวดคิ้ว มันแปลกๆ ไปหน่อยสำหรับโลกแบบนี้ แต่ดาเรียสยังคงอ่านต่อไปเรื่องๆ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ระดับพลังนั้นหมายถึงคุณภาพของพลัง พลังชีวิต เรื่องนี้ทำให้ดาเรียสพอเข้าใจ เพราะดูเหมือนพวกเขาจะมีวิธีการสัมผัส วัดความแข็งแกร่งแข็ง ความอดทน และสติปัญญาของบุคลลใดๆ จะใช้เกณฑ์นั้นในการวัดพลัง
ดูเหมือนว่า ขาวเฟาสต์ไม่สามารถเพิ่มความสามารถหรือเพิ่มความแข็งแกร่ง ยกเว้นต้องถูกการกระตุ้น
เมื่อการกระตุ้นเกิดขึ้น พวกเขาจะสามารถก้าวไปสู้มือใหม่และกลายเป็นสิ่งีชีวิตที่แตกต่างกับคนอื่นๆ พวกขเาจะสามารถสำรวจดันเจี้ยน ฆ่ามอนเตอร์เพื่อเพิ่มเลเวลให้กับตัวเองได้
ชาวเฟาสต์ใช้ระบบนี้เหมือนกันทั่วโลก อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีการกล่าวถึงการที่คนๆ ได้กลายเป็นเทพ เพราะเทพและปีศาจมีตัวตนอยู่นานก่อนจะเกิดพวกมนุษย์ขึ้น
และไม่เคยมีพระเจ้าตนใหม่ที่เกิดขึ้นมา เทพและปีศาจมีการขยายเผ่าพันธุ์ที่แปลก เนื่องจากลูกเทพหรือปีศาจจะมีสายเลือดที่บางลง
สิ่งนี้กึกก้องในใจของดาเรียส เนื่องจากในที่สุดข้อมูลที่ดาเรียสได้ซึมซับก็สมเหตุสมผล เหตุใดเทพและปีศาจจึงใช้ลูกหลานตัวเองในการทำสงคราม
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะพวกเขากลัวการต่อสู้ เพราะต้องการที่จะลดจำนวนคนที่มีสายเลือดเทพหรือปีศาจ และยสิ่งนี้ยังได้ให้คำตอบกับดาเรียส สิ่งที่อยู่จุดสูงสุดคือเทพหรือเปล่า
คำตอบ – เท่าที่ดาเรียสได้ตรวจสอบ นั้นไม่ใช่ เทพเกิดที่จุดสูงสุดของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดและดำรงอยู่ในระหว่างปรมาจารย์และการตัดสิน
หนังสือเล่มนี้ไม่รู้เกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ในจุดสูงงสุด แต่มีบางเล่มที่เขียนว่า ผู้ที่อยู่สูงสุดของจุดสูงสุด, เทพแห่งทวยเทพ,เทพเจ้าของเหล่าปีศาจ
การดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ดาเรียสตื่นเต้น ถ้าดาเรียสกลายซูพรีมแล้วโลกใบนี้ก็จะเป็นของเขา
แต่การที่จะได้เป็นซูพรีม นั้นยากกว่าที่ซีซ่าร์พูดไว้