EP.30 แก่นปราณสีม่วง 2
“จริงสิ ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นพวกมือใหม่สุดๆ ไม่รู้อะไรสักอย่าง” ชวีฉู่สูดหายใจลึกแล้วเริ่มอธิบาย “ระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณยุทธ์โดยมากแล้วจะขึ้นอยู่กับสายเลือด เสี่ยวซีเกิดในตระกูลถังแห่งชีไห่ ตอนเก้าขวบได้รับการปลุกวิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคี ซึ่งเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับสอง เป็นวิญญาณยุทธ์ที่ผู้มีความสามารถของสายเลือดตระกูลถังอาจจะถูกปลุก วิญญาณยุทธ์ที่สืบทอดกันในตระกูลแบบนี้พบไม่มาก นอกจากจิ้งจอกอัคคีแล้ว ยังมีคนในตระกูลฉินซึ่งเป็นสายเลือดของจักรพรรดิ ตระกูลนี้มีวิญญาณยุทธ์โซ่เทวะ ซึ่งเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับหนึ่ง ถึงจะเป็นโซ่เทวะที่เพิ่งถูกปลุกขึ้นมา ก็เพิ่มระดับพลังได้ถึงห้าระดับ เป็นเรื่องที่คนธรรมดาไม่มีทางคาดถึง”
ขณะพูดชวีฉู่ก็ถอนหายใจมองหลินมู่อวี่ด้วยความสงสาร “เจ้ากับข้าต่างก็เป็นคนธรรมดาไม่ได้มีสายเลือดที่ทรงพลัง จึงได้แต่พึ่งหยาดเหงื่อของตนเองฝึกฝนวิญญาณยุทธ์ให้แข็งแกร่ง”
“ขอรับ”
หลินมู่อวี่พยักหน้า คิดในใจ วิญญาณยุทธ์ของตระกูลฉินร้ายกาจขนาดนั้น แถมโซ่เทวะดูเหมือนตนเองจะเคยเห็นมาก่อน ใช่แล้ว ตอนที่กลุ่มผู้กล้าระดับเทวะล้อมราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปนั่นไง วิญญาณยุทธ์ของฉินอี้คนที่เป็นผู้นำก็คือโซ่เทวะ ถึงจะทรงพลังมาก แต่ก็สู้ราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปไม่ได้
ทั้งสามคนขึ้นม้าและออกเดินทางต่ออย่างรวดเร็ว และไปถึงป่าสัตตะดาราก่อนฟ้าสว่าง ชวีฉู่ควบม้าตะบึงไปข้างหน้า จนมาถึงหน้ายอดเขาแห่งหนึ่ง เขาผูกม้าไว้ แล้วพาหลินมู่อวี่กับถังเสี่ยวซีเดินขึ้นไปบนเขา ตอนที่พวกเขาขึ้นมาถึงยอดเขา ก็เห็นขอบฟ้าทางตะวันออกมีสีขาวแล้ว พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
“หลินมู่อวี่!” ชวีฉู่ตะโกน
“ข้าอยู่นี่ขอรับ”
“เคลื่อนพลังปราณรอบตัว รวมปราณที่เจ้าแบกรับได้ไปไว้ที่หน้าอก! เดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวี่สูดหายใจลึก แล้วเริ่มโคจรปราณในร่าง รวมมันไปไว้ที่หน้าอก แต่อย่างที่ผู้ทดสอบในวิหารศักดิ์สิทธิ์เคยพูด ร่างกายเขาปราณพิการ ไม่สามารถโคจรปราณให้ไหลไปตามเส้นชีพจรได้ ปราณจึงมาสะสมกันที่หน้าอกมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกอึดอัดจนแทบจะขาดอากาศหายใจลอยวนอยู่เหนืออก เหมือนกับกำลังจะทับทรวงอกเขาให้แตกเป็นเสี่ยงๆ
“อึก…” เขากลั้นความเจ็บปวด เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าเหมือนตากฝนอยู่
“ตอนนี้ผ่อนพลังออกมา ผ่อนคลายร่างกาย ปล่อยปราณบริเวณหน้าอกของเจ้าออกมา!” เสียงของชวีฉู่เข้มงวดเหมือนเดิม
หลินมู่อวี่ส่งเสียงออกมา ปราณบริเวณหน้าอกถูกปล่อยออกมา เกิดเป็นลมพัดใส่เสื้อของเขาเสียงดัง
ถังเสี่ยวซีนั่งอยู่บนก้อนหินใกล้ๆ มองดูหลินมู่อวี่ฝึกฝนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งยังปล่อยวิญญาณยุทธ์ของนางออกมาด้วย จิ้งจอกอัคคีตัวน้อยพันตัวรอบแขนเด็กสาว และร้องเสียงแหลมน่ารักออกมาเป็นครั้งคราวราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ นั่นทำให้หญิงสาวหัวเราะอย่างรักใคร่ประดุจดอกไม้บานสะพรั่ง
“ยังใช้ไม่ได้…” ชวีฉู่มองปราณที่ไหลออกมาจากหน้าอกของหลินมู่อวี่แล้วเอ่ยขึ้น “วิญญาณยุทธ์มีมาแต่กำเนิด ทุกคนต่างมีวิญญาณยุทธ์ของตัวเอง แต่ว่าเจ้า…เหตุใดวิญญาณยุทธ์ของเจ้าจึงไม่ปรากฏออกมา”
เขามองไปทางทิศตะวันออก พูดขึ้น “เจ้าต้องมองไปทางที่ดวงอาทิตย์ขึ้น มองแสงของมัน ห้ามกะพริบตาแล้วก็ห้ามหลับตาด้วย”
“ขอรับ”
หลินมู่อวี่มองไปยังทิศที่พระอาทิตย์ขึ้นอย่างเชื่อฟัง แสงสีแดงเจิดจ้าจากพระอาทิตย์ส่องทะลุเมฆ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยโผล่พ้นขอบฟ้า
ชวีฉู่พูดต่อ “แสงอรุณแบ่งเป็นเจ็ดสี เจ้าต้องใช้ตาสองข้างของเจ้าแยกแสงสีม่วงออกจากแสงทั้งเจ็ด เมื่อเจ้าเห็นสีม่วง นั่นแสดงว่าเจ้าจับส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดของแสงอาทิตย์ได้แล้ว นั่นก็คือปราณม่วง ปราณเป็นพื้นฐานของการฝึก และก็เป็นพลังพื้นฐานที่สุดของผู้ฝึกยุทธ์อย่างเราๆ การสกัดแก่นของปราณม่วงออกมา สามารถทำให้เจ้าสร้างวิญญาณยุทธ์ได้เร็วยิ่งขึ้น”
หลินมู่อวี่จ้องเขม็งไปที่ดวงอาทิตย์ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ภาพปาฏิหารย์ก็บังเกิด สีสันในดวงอาทิตย์ค่อยๆ แยกจากกัน แสงสีม่วงสายหนึ่งถูกเขาจับไว้ได้ เขากัดมันไว้แน่น ร่างกายราวกับทะเลสาบแห้งผากเริ่มดูดซับพลังจากแสงสีม่วงอย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นที่ทำให้ร่างของเขาเปล่งแสงสีม่วงจางๆ ออกมาเช่นกัน
“เอ๋?” ถังเสี่ยวซีอ้าปากด้วยความตกตะลึง นางนึกไม่ถึงว่าหลินมู่อวี่จะหาปราณสีม่วงพบเร็วขนาดนี้
ชวีฉู่เห็นทุกอย่างกับตา เผยสีหน้าชื่นชมออกมาก่อนเอ่ยขึ้น “ทำต่อไป รวบรวมปราณสีม่วงไปที่หน้าอก แล้วลองผลักวิญญาณยุทธ์ของเจ้าออกมาอีกครั้ง!”
“ขอรับ!”
พลังปราณสีม่วงเคลื่อนที่อยู่ภายในร่างของหลินมู่อวี่ไม่หยุด ทันทีที่ชายหนุ่มพยายามบังคับให้พวกมันออกมา พวกมันก็เริ่มคลุ้มคลั่งทันที ทรวงอกเหมือนถูกกระแทกอย่างแรง ร่างสั่นเทิ้ม ขาทั้งสองข้างยืนไม่อยู่ทรุดกระแทกลงกับพื้นดังปึง เขาสั่นสะท้าน ทรมานไปทั้งตัว พลังมหาศาลที่ก่อเกิดขึ้นในร่างกำลังไล่กำจัดปราณสีม่วง!
“ขะ…เขาเป็นอะไรน่ะ” ใบหน้างดงามของถังเสี่ยวซีมีแวววิตกกังวล
ชวีฉู่กัดฟัน วางฝ่ามือบนแผ่นหลังของหลินมู่อวี่ แต่กลับสัมผัสได้ถึงพลังที่รุนแรงสุดจินตนาการกำลังแว้งกัดลมปราณของเขา พลังนี้ทำให้เขารู้สึกถูกคุกคาม แถมยังจะโจมตีพลังของตนกลับด้วย ราวกับจะบอกว่าร่างของหลินมู่อวี่เป็นของมัน ห้ามตนย่างกรายเข้ามาเด็ดขาด
“ฝันไปเถอะ!”
ชวีฉู่เป็นใครกัน แน่นอนว่าเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ สองมือปล่อยพลัง ตะเบ็งเสียงดัง แล้วปล่อยพลังขอบเขตปราชญ์ออกมา กดพลังในร่างของหลินมู่อวี่ลงได้ทันที
เขาถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว เปล่งเสียงเรียก “ติ่งอัคคี! ออกมา!”
“ซูม!”
วิญญาณยุทธ์ขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงปรากฏขึ้น และห่อหุ้มร่างของหลินมู่อวี่ไว้ทันที
ร่างกายถูกหุ้มด้วยพลังความร้อนที่แทบจะฆ่าคนได้ หลินมู่อวี่ลืมตาพรวดเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสชวี นี่ท่านทำอะไรน่ะ ท่านจะฆ่าข้างั้นหรือ”
ชวีฉู่พูดเสียงเรียบ “เจ้าอย่าเข้าใจผิด เจ้าเป็นศิษย์ของฉู่เฟิงสหายข้า ข้าไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน กลยุทธ์นี้เรียกว่า ‘ย่างหมู’ ในเมื่อวิญญาณยุทธ์ของเจ้าไม่ยอมออกมาดีๆ เช่นนั้นข้าก็จะบังคับให้มันออกมาเอง! จะว่าไป…ยอดฝีมือหลายคนต่างก็ใช้วิธีนี้ปลุกวิญญาณยุทธ์เหมือนกัน”