ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 561

ตอนที่ 561

ตอนที่ 561 ฉันผิดหวังมาก
อันที่จริงแล้ว ลู่โจวไม่ต้องกังวลเลยด้วยซ้ำ

เขายังนอนสลบอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ไม่มีใครคิดจะจัดงานเลี้ยงฉลองโดยไม่มีเขาอยู่แล้ว

ส่วนที่เขาหวังว่าจะไม่สร้างปัญหาให้คนอื่นนั้น…

ยังไงข้อนี้ก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

มีผู้คนมากมายที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเขา

วินาทีที่เขาล้มลงไป เหยียนเหยียนที่สังเกตเห็นว่าเขามีท่าทางแปลกๆ ก็รีบวิ่งมาพยุงเขาในทันที

หลังจากนั้น หน่วยแพทย์จากกองทัพก็รีบเข้ามาในห้องควบคุมแล้วนำตัวลู่โจวลงไปวางบนเปลทันที จากนั้นพวกเขาก็ส่งลู่โจวตรงมาที่กรุงปักกิ่ง

ในขณะที่เขากำลังนอนอยู่บนเปล ข่าวเรื่องเขาสลบก็แพร่ไปถึงปักกิ่งในทันที ทำให้คนเบื้องบนของรัฐบาลตกใจกันใหญ่

นอกจากจะต้องปิดข่าวนี้ไม่ให้โลกภายนอกและคนอื่นที่เกี่ยวข้องรู้แล้ว หลังจากลู่โจวพักอยู่ที่โรงพยาบาลทหารประจำมณฑลพักหนึ่งแล้ว เขาก็ต้องถูกส่งไปที่โรงพยาบาล 301 ต่อ ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่นำโดยนักวิชาการเริ่มเข้ามาตรวจอาการของเขา

แต่ผลลัพธ์อาการที่ได้ก็ค่อนข้างจะน่าแปลกใจ

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์นี้ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาและไวรัส แต่พวกเขาไม่สามารถวินิจฉัยอะไรออกมาได้

สิ่งเดียวที่พวกเขายืนยันได้คือ ลู่โจวมีอาการเหนื่อยล้าอย่างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้

แต่พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าการสลบครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับความเหนื่อยล้าที่ว่า

ในส่วนของมุมอื่นนั้น…

ถึงแม้จะมีอุปกรณ์จากโรงพยาบาล 301 พวกเขาก็ตรวจหาความผิดปกติใดๆ ไม่เจอเลย

แทบทุกคนต่างก็ตกใจกับผลที่ออกมา

แม้แต่นักวิชาการจ้าวจงจี๋ที่เป็นผู้นำทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก็เริ่มสงสัยว่าอุปกรณ์อาจจะพังได้

ถ้าพูดสั้นๆ ก็คือ หากพวกเขาไม่สามารถวินิจฉัยทางการแพทย์ได้ พวกเขาก็ไม่สามารถรักษาได้เช่นกัน

ไม่มีใครกล้าสรุปอาการของลู่โจว และไม่มีใครกล้าลองรักษาเขา

ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องดีถ้าเกิดสามารถรักษาลู่โจวได้ แต่ถ้าพวกเขาทำให้สถานการณ์แย่กว่าเดิมแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะต้องรับผิดชอบโดยตรง

สุดท้าย พวกเขาก็ทำได้แค่มองเขานอนอยู่เฉยๆ และจับตาดูอาการเขาอย่างระมัดระวัง

ถึงแม้อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจของเขาจะแผ่วเบาไปเสียหน่อย แต่มันก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิตอะไร

ถ้าเขาแค่ทำงานมากเกินไปจริงๆ บางทีเขาอาจจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากตื่นมาก็ได้?

ในทางกลับกัน สื่อรายงานข่าวความสำเร็จของการทดลองฟิวชั่นที่ควบคุมได้

ในขณะที่คนทั้งประเทศกำลังเฉลิมฉลองกัน ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไซต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตไม่รู้เลยว่าหัวหน้านักออกแบบลู่โจวสลบไปที่ไซต์งาน

คนส่วนใหญ่รู้สึกสับสน

พวกเขาเอาชนะศึกที่ยากลำบากนี้มาได้แล้ว แต่พวกเขาไม่ได้แม้แต่จะจัดงานเลี้ยงฉลองด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ทานมื้อเย็นแล้วก็ได้รับอนุญาตให้ลาหยุดได้ พวกเขารู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย

นักวิชาการหวังยืนอยู่ข้างนอกอาคารตะวันตกของโรงพยาบาล 301 เขาถอนหายใจขณะมองไปที่อาคารของโรงพยาบาล

“พวกเราพูดว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองในคืนวันสิ้นปี แล้วทุกคนก็จะได้กลับบ้านไปฉลองปีใหม่สินะ พวกเราเอาชนะศึกครั้งนี้ได้แล้ว แต่หัวหน้าของพวกเรากลับสลบไป”

“ใช่แล้วล่ะ” นักวิชาการหลี่เจี้ยนกังถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “คนหนุ่มตายก่อนคนแก่…เอ้าไอ้นี่ มาเตะฉันทำไม?”

หวังเจิงกวงโกรธมาก

“ไอ้แก่เวร! ถ้าพูดแบบนั้นอีกรอบ แกเจอดีแน่!”

พยาบาลมองชายสูงวัยสองคนทะเลาะกัน เธอจึงรีบเดินออกไปทันที

คนที่อยู่ที่ตึกตะวันตกของโรงพยาบาล 301 ได้จะต้องเป็นบุคคลสำคัญแน่ๆ

ไม่ใช่แค่คนไข้ในโรงพยาบาลที่เป็นคนมีระดับ แต่ผู้ที่มาเยี่ยมคนไข้ก็เช่นกัน

ยิ่งชายสูงวัยสองคนนี้ดูผ่านอะไรต่อมิอะไรมาเยอะแล้วด้วย ยิ่งไม่มีใครอยากจะไปทำให้พวกเขาโกรธ

แต่พวกเขาก็ได้ยินเสียงกระแอมเบาๆ มาจากอีกฟากหนึ่ง

“นี่พวกคุณทำอะไรอยู่เนี่ย?”

ชายสูงวัยสองคนตกตะลึง

นักวิชาการหวังมองดูคนที่มาใหม่แล้วกระแอม เขาตอบอย่างเจื่อนๆ ว่า “พวกเราก็แค่…แกล้งกันอยู่น่ะครับ”

ภายในโรงพยาบาล

เหยียนเหยียนมองไปที่ลู่โจวที่กำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยสายตารู้สึกผิด

หวังเผิงมองการแจ้งเตือนในโทรศัพท์ของเขาแล้วยกมือขึ้นเกาหัว จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ

“ผมซวยแล้ว พวกคนข้างบนต้องฆ่าผมแน่”

ร้อยเอกหยางมองหวังเผิงแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาทำเพียงแตะบ่าเจ้าตัวอย่างเงียบๆ

งานของหวังเผิงในช่วงที่ผ่านมานี้นับว่าควรค่าแก่การให้ความสนใจ

แต่เขาก็เป็นแค่ยามคนหนึ่ง และเขาก็ต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของลู่โจวด้วย ตอนนี้ที่ศาสตราจารย์ลู่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ก็ไม่มีอะไรที่หวังเผิงสามารถทำได้แล้ว

สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือรับคำติเตียนไป

“ผมสบายดีครับ ท่านไม่ต้องปลอบผมหรอก” หวังเผิงเผยท่าทางยอมแพ้แล้วยิ้มขึ้นมา เขาพูดต่อว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องผมหรอกครับ พวกท่านก็คงจะเจอปัญหาเหมือนกัน”

ส่วนสาเหตุที่คนเบื้องบนยังไม่ติดต่อพวกเขานั้น…

ก็คงจะเป็นเพราะพวกเขายังตำหนิคนอื่นไม่เสร็จ

เมื่อคนเบื้องบนคนอื่นถูกตำหนิเสร็จแล้ว ก็คงจะถึงตาของพวกเขา

หวังเผิงถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้อง

เหยียนเหยียนใช้เล็บจิกตัวเอง เธอก้มหัวลงและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะโทษตัวเอง

ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์แล้ว เธอรู้ดีว่าการใช้ชีวิตของลู่โจวไม่ใช่วิธีที่ดีต่อสุขภาพ แต่เธอก็ไม่ได้ยืนกรานจุดยืนของเธอกับเขา เธอน่าจะบังคับให้เขากินมากกว่านี้ และพักผ่อนมากกว่านี้

ถ้าเพียงแต่เธอจะ…

เป็นคนที่หนักแน่นกว่านี้ล่ะก็

เธอกัดริมฝีปากแล้วพึมพำออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง “นี่เป็นความรับผิดชอบของฉันเองค่ะ…ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ฉันทำหน้าที่ไม่ดีเอง”

หยางกวงเปี่ยวตอบว่า “พวกเราเป็นทีมเดียวกันนะ ไม่มีประโยชน์หรอกที่จะมาโทษว่าเป็นความผิดใครน่ะ”

ในตอนนี้ เขาไม่สนแล้วว่ากองทัพจะทำอะไรกับเขา

ตราบใดที่ศาสตราจารย์ลู่ตื่นขึ้นมา เขาก็จะยอมตาย เขาเต็มใจกระทั่งยอมยิงตัวเองด้วยซ้ำ

แต่มันก็จะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออก

ท่านประธานาธิบดีเดินเข้ามาในห้องโดยมีคนในชุดทหารเดินตาม

ทั้งสองคนในห้องผู้ป่วยทำความเคารพเขา

เหยียนเหยียนกัดริมฝีปากตัวเองแล้วพูดขึ้นว่า “ยังไม่มีสัญญาณของการฟื้นขึ้นมาเลยค่ะ”

ชายสูงวัยไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ศาสตราจารย์ลู่เป็นฮีโร่ของประเทศเรา เขาสู้อยู่แนวหน้าของการวิจัยวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร พวกเราจะทำให้ดีที่สุดในการรักษาเขา!”

หัวหน้าของโรงพยาบาล 301 ที่ยืนอยู่ข้างท่านประธานาธิบดีพยักหน้ารับคำ

“เข้าใจแล้วครับท่าน!”

ชายสูงวัยพยักหน้าตอบ

“แล้วก็นะ พอเขาฟื้นเมื่อไหร่ก็รีบแจ้งฉันทันทีด้วย”

ชายสูงวัยมองใบหน้าของชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วก็ถอนหายใจ เขาหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไปจากห้อง

หัวหน้าโรงพยาบาล 301 ก็เดินออกไปเหมือนกัน แต่คนในชุดทหารยังคงยืนอยู่

หยางกวงเปียวรู้แล้วว่าเขากำลังจะโดนตำหนิ เขาตัดสินใจเป็นคนเริ่มก่อนและเริ่มยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง

“นี่เป็นความผิดของผมเองครับ ผมพร้อมที่จะ…”

เหยียนเหยียนกลับพูดว่า “ไม่หรอกค่ะ นี่เป็นความผิดฉันเอง”

“พอแล้ว!” เยี่ยฉานโม่วจ้องไปที่ทั้งสองคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “เถียงกันเรื่องนี้ไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา? ศาสตราจารย์ลู่จะตื่นขึ้นมาไหมล่ะ?”

ห้องผู้ป่วยเงียบกริบ

หลังจากจ้องมองทั้งสองคนอยู่พักใหญ่ เยี่ยเฉียนโม่วก็พูดขึ้นว่า “ฉันผิดหวังในตัวพวกเธอสองคนมากเลยนะ”

หยางกวงเปียวก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไรต่อจากนั้น

เหยียนเหยียนก็เช่นกัน หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด

“ยิ่งเธอนะ เธอเป็นถึงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ แล้วดูสิเธอทำอะไร? การดูแลสุขภาพของเธออยู่ไหน?” เยี่ยฉานโม่วจ้องเขม็งไปที่เหยียนเหยียนที่เป็นลูกสาวของเพื่อนทหารผ่านศึกของเขา เยี่ยฉานโม่วดูผิดหวังอย่างมาก

“ฉันผิดหวังจริงๆ “

เหมือนกับเขาไม่อยากจะพูดคำอื่นออกมา เขาทำเพียงส่ายหัวตัวเอง จากนั้นเขาก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากห้อง

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท