ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 554

ตอนที่ 554

ตอนที่ 554 ทุกอย่างพร้อมแล้ว
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดอย่างนุ่มนวลใกล้กับไซต์ก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์สาธิตของ สตาร์-2

ถึงแม้ลู่โจวจะไม่ชอบการเดินทางในลักษณะนี้มากนัก แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ไวที่สุด

หลังจากลู่โจวลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้ว เขาก็ไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาใช้มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าคอมพิวเตอร์แล้วเดินตรงไปที่ไซต์ก่อสร้าง

เขาเดินตรงไปยังอาคารและพบกับออฟฟิศของนักวิชาการหวังเจิงกวง

ลู่โจวเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป

เมื่อนักวิชาการหวังเจิงกวงเห็นลู่โจวเดินเข้ามา เขาก็หยุดเขียนหนังสือแล้วจึงส่งรอยยิ้มมาให้

“โอ้? คุณกลับมาแล้วเหรอ? นักวิชาการหลี่เจี้ยนกังอยากให้ฉันบอกคุณว่า เสาส่งความร้อนให้เกิดเรโซแนนซ์ของไอออนไซโครตรอนที่ปรับปรุงแล้วมันเสร็จแล้วนะ คุณสมบัติเป็นไปตามที่คุณต้องการเลย

พวกเราเองก็ทำได้ดีเหมือนกันนะ อาจจะทำสำเร็จก่อนสิ้นปีก็ได้

เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือระบบฟื้นฟูลิเธียมนิวตรอนเหลวนั่นแหละ คุณทำเสร็จหรือยังล่ะ?”

นักวิชาการหวังพูดกึ่งตลก เขาไม่ได้กำลังเร่งลู่โจวเลยแม้แต่น้อย

เพราะเข้าใจดีว่าเหตุผลที่เขาสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่นเกิดจากการที่ลู่โจวกรุยทางไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

หากจะพูดว่า ทั้งผลวิจัยเรื่องโมเดลการไหลของพลาสมาและวัสดุทำ PGC-1 นั้นได้ช่วยพวกเขาประหยัดเวลาไปได้ถึง 20 ปี เป็นอย่างต่ำ ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด

ดังนั้นแล้ว ต่อให้ระบบฟื้นฟูลิเธียมนิวตรอนเหลวยังไม่มีความคืบหน้า มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

สุดท้ายแล้ว พลังของคนคนหนึ่งก็มีอยู่จำกัด

แต่เขาไม่ได้คาดหวังกับคำตอบของลู่โจว

เขาเห็นลู่โจวหยิบไฟล์กองหนึ่งมาจากกระเป๋าคอมพิวเตอร์

“ผมว่าผมควรจะเป็นคนที่ให้สิ่งนี้กับคุณนะ ผมออกแบบระบบเสร็จแล้ว พวกคุณเอาไปสร้างได้ตามใจชอบเลยครับ”

“เสร็จแล้วเหรอ?”

นักวิชาการหวังผุดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ เขารีบเดินอ้อมโต๊ะมาหยิบกระดาษแผนภาพหลายแผ่นออกไปจากมือของลู่โจว จากนั้นก็อ่านมันอย่างละเอียด

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

สีหน้าของนักวิชาการหวังเริ่มดูจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ

พอลู่โจวสังเกตเห็นว่าสีหน้าของนักวิชาการหวังเปลี่ยนไป เขาจึงอ้าปากหาวแล้วถามอย่างสบายๆ ว่า “มีปัญหาอะไรเหรอครับ?”

นักวิชาการหวังส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่มีหรอก”

แต่ว่า…

การออกแบบนี้มันสมบูรณ์แบบจนเขาไม่รู้จะให้คำแนะนำต่อเติมตรงไหนเพิ่มอีกเลย

อีกทั้งความยากในการก่อสร้างทางวิศวกรรมของแผนภาพยังอยู่ในระดับที่พอเหมาะได้อีกด้วย

นักวิชาการหวังม้วนแผนภาพในมือเก็บแล้วหันไปมองลู่โจว เขาอดชมเชยไม่ได้จริงๆ “คุณนี่เป็นอัจฉริยะของจริง”

ลู่โจวยิ้มเจื่อน

“นี่ไม่ใช่งานของผมคนเดียวหรอก คนที่ศูนย์วิจัยสตาร์ก็ช่วยกัน…”

ก็จริงอยู่ที่มีระบบช่วย

ถึงปัญหาเหล่านี้จะแก้ได้โดยไม่ใช้แต้มทั่วไป

แต่มันก็จะใช้เวลามากกว่านี้ แล้วมันก็คงจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างนี้

นักวิชาการหวังดูท่าทางไม่เชื่อ ‘ความถ่อมตัว’ ของลู่โจวเลย เขาโบกมือแล้วพูดว่า “โอเค โอเค

เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว นี่เป็นงานที่ทุกคนลำบากทำมา ผมเชื่อคุณแล้ว”

ลู่โจวนิ่ง “…? “

เขาพูดเรื่องอะไรกันแน่?

อากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน อิฐแดงในพระราชวังต้องห้ามเริ่มมีน้ำค้างแข็งเกาะ

ณ บ้านพักคนชราไม่ไกลจากพระราชวังต้องห้าม ผู้ชายสองคนนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวต้นใหญ่ สายตาจ้องเขม็งไปที่กระดานหมากรุก

ในวันที่แดดออกซึ่งหาได้ยากนี้ ชายชราสองคนจะมานั่งประชันหน้ากันเพื่อเล่นหมากรุกจีน

การต่อสู้บนกระดานหมากรุกกำลังดุเดือด

ทันใดนั้นเอง สถานการณ์บนกระดานก็เปลี่ยนไป

“รุกฆาต!”

ม้าฝั่งสีแดงกินช้างฝั่งสีดำด้วยการล้อมช้างไว้ด้วยฝั่งสีแดง ส่วนขุนฝั่งสีดำนั้นถูกต้อนจนมุมตัวเองไปเรียบร้อย

ผลลัพธ์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

ชายชราจ้องกระดานหมากรุกและพูดออกมาหลังจากคิดคำนวณดีแล้วว่า “ฉันไม่น่าเดินตัวเบี้ยเลย ถ้าฉันย้ายตัวช้างล่ะก็…”

เมื่อชายชราอีกคนหนึ่งเอื้อมมือมาขยับหมากเดินแล้ว เขาก็หยุดอีกฝ่ายในทันที

“เฮ้ยๆ ๆ จะทำอะไรน่ะ ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าคนอื่นจะอยากเดินหมากใหม่น่ะ แต่นายน่ะยังไงก็ไม่ให้!”

มือของชายชราอีกคนแตะถึงขอบกระดานหมากรุกแล้ว เขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา

“นายพูดถูกแล้ว หัวหน้าดีไซเนอร์ ฉันแพ้ตานี้แล้วจริงๆ !”

คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาคือนักวิชการเหรินจ่างหมิง อดีตหัวหน้าดีไซเนอร์ของโปรเจกต์การค้นหาเชิงเส้น

“นายว่างไหม?”

ชายชราตอบว่า “จะว่าว่างก็ว่าง จะว่าไม่ว่างก็ไม่ว่าง”

เหรินจ่างหมิงจึงตอบว่า “ฉันว่านายดูชิลล์มากนะ ขนาดมีเวลามาเล่นหมากรุกกับฉันเนี่ย”

ชายชราส่ายหัวแล้วตอบว่า “สถานการณ์ต่างประเทศไม่ค่อยดีนักหรอก ฉันก็แค่อยากหาอะไรทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่านเฉยๆ “

เหรินจ่างหมิงถามต่อ “ได้ยินว่าที่จินหลิงกำลังทำโปรเจกต์นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้อย่างนั้นเหรอ?”

ชายชราพยักหน้าและตอบ “ใช่ จริงตามนั้น”

ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญวัยชราหลายคนจะไม่คิดว่าโปรเจกต์จะประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาก็รู้สึกว่ามันก็คุ้มที่ได้ลองทำดู

บางทีเทคโนโลยีนี้อาจจะเป็นกุญแจไปสู่อนาคตก็ได้

“นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้เหรอ” เหรินจ่างหมิงมีท่าทางอ่อนลงเมื่อพูดต่อ “ฉันคุยกับเฉียวกงเรื่องปัญหานี้แล้ว ย้อนกลับไปสมัยนั้น พวกเราก็คิดเหมือนกันว่าไม่อเมริกาก็รัสเซียจะเป็นคนสร้างเทคโนโลยีนี้ได้ในระยะเวลา 20 ปี แล้วเราก็จะตามทัน แต่ผ่านไปเกือบ 40 ปีมาแล้ว ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ในช่วงปี 1990 ทุกคนกำลังวิจัยเรื่องอินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่น[1]แล้วพวกเขาก็บอกว่าสามารถทำให้เกิดการฟิวชั่นอิกนิชั่น[2] ได้ภายในเวลาสิบปี และจะสามารถใช้ประโยชน์ได้จากมันภายในเวลายี่สิบปี ประเทศจีนเคยเห็นช่วงเวลาที่คล้ายจะเป็นการกำเนิดของฟิวชั่นที่ควบคุมได้แล้ว และพวกเขาก็ไม่อยากจะตามหลังคนอื่นแน่ๆ ในปี 1993 โปรเจกต์อินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่นได้ถือกำเนิดขึ้น และก็ถูกเลือกให้เป็นแผนเดินหน้าของรัฐบาลหมายเลข 863 ประเทศจีนทำตามความนิยมของสากลด้วยการเริ่มทำวิจัยอินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่น

อย่างไรก็ตาม โปรเจกต์ไม่ได้ราบรื่นเหมือนอย่างที่วางแผนไว้ เครื่องอินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่นของอเมริกาล้มเหลวในการสร้างฟิวชั่นอิกนิชั่น ทำให้ความนิยมของหัวข้อนี้ลดลง จากนั้นโทคาแมกที่เคยความนิยมน้อยก็กลายเป็นสิ่งที่คนนิยมขึ้นมาแทน ในขณะที่อินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่นที่เคยเป็นที่นิยมกลับถูกทิ้งร้างจนฝุ่นจับ

ถ้าไม่ใช่เพราะการนำเลเซอร์อิกนิชั่นไปใช้ในกลุ่มทหารแล้วล่ะก็ การลงทุนเรื่องอินเนอร์เชียลคอนไฟน์เมนต์ฟิวชั่นก็ถือเป็นความล้มเหลวครั้งหนึ่งเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ สตาร์-2 ในตอนนี้ก็จะดำเนินตามรอยเดิมนั่นแหละ

ถึงเหรินจ่างหมิงจะไม่ได้อยู่ในวงการวิศวกรรมนิวเคลียร์ เขาก็เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาด้วยตาของตัวเอง

ถ้าให้พูดตรงๆ แล้ว เขากังวลมากกว่าจะมองมันในแง่ดี

แต่ก็จริงที่ลึกๆ ในใจ เขายังหวังว่าจะได้เห็นโปรเจกต์นี้สำเร็จลุล่วงไปได้

“ลู่โจวเป็นคนคุมโปรเจกต์นี้ไม่ใช่เหรอ?”

ชายชราถามกลับว่า “นายรู้จักเขาเหรอ?”

“มากกว่ารู้จักเสียอีก” นักวิชาการชราเผยรอยยิ้มบนใบหน้าขณะพูดว่า “เมื่อสองสามปีก่อน เด็กคนนั้นยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยจินหลิงอยู่เลย ฉันรู้จักเขาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ

ฉันคิดว่าน่าจะเป็นช่วงสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแข่งโมเดลคณิตศาสตร์ล่ะมั้ง ตอนนั้นฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะคนตัดสิน แล้วฉันก็ถามว่าเขาคิดอย่างไรกับการโปรเจกต์ที่มนุษย์ไปดวงจันทร์ เด็กคนนั้นน่ะน่าสนใจนะ เขาแตกต่างจากคนมาสัมภาษณ์คนอื่น แล้วเขาก็ถามฉันกลับว่าคิดอย่างไรกับกำแพงเมืองจีน? พวกเราก็เลยเริ่มคุยเรื่องประวัติศาสตร์กับอนาคตกัน เป็นการคุยที่ดีครั้งหนึ่งเลย

ย้อนกลับไปตอนนั้น ฉันก็รู้ทันทีว่าเขาน่ะเป็นคนมีพรสวรรค์ ฉันรู้สึกว่ามันน่าเสียดายที่เขาต้องมาติดอยู่ในวงการคณิตศาสตร์ ฉันก็เลยไปมหาวิทยาลัยจินหลิงแล้วพยายามกล่อมให้เขามาที่มหาวิทยาลัยเหยียน ฉันถามว่าเขาอยากจะเรียนเรื่องจรวดกับฉันไหม ให้ทายสิเขาพูดว่าอย่างไร?”

ชายชรายิ้มแล้วถามว่า “แล้วเขาพูดว่าอย่างไรล่ะ?”

เหรินจ่างหมิงตบเข่าตัวเองแล้วยิ้ม “เขาบอกฉันว่า ‘ศาสตราจารย์เหรินครับ ผมยังไม่อยากบินตอนนี้หรอก’!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

ชายชราทั้งสองหัวเราะดังลั่น

เมื่อเหรินจ่างหมิงเริ่มรำลึกถึงความหลังแล้ว เขาก็อดรู้สึกหดหู่เล็กๆ ไม่ได้

สมัยนั้น เขาเดินทางไปได้ทั่วทั้งประเทศ ตอนนี้ต่อให้เขาอยากจะออกเดินทาง ร่างกายแก่ชราของเขาก็คงไม่พร้อมแล้ว

เหรินจ่างหมิงหยุดหัวเราะแล้วพูดต่อด้วยอารมณ์ร่วม

“หลังจากนั้นนายก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนั้นน่ะเป็นคนเข้าใจยาก ต่อให้เขาไม่สร้างจรวดขึ้นมา เขาก็จะบินอยู่บนฟ้าอยู่ดี”

เหรินจ่างหมิงหยุดพูดแป๊บหนึ่งแล้วพูดต่อ “ถ้าเขาทำไม่สำเร็จก็ไม่ต้องผิดหวังไปหรอก เพราะสุดท้าย การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็ไม่ใช่การสร้างโครงสร้างพื้นฐานอะไร อินพุตกับเอาต์พุตมันไม่ได้มีสัดส่วนอะไรจำเป็นอย่างนั้น จริงๆ แล้วฉันมองอนาคตในแง่ดีด้วยซ้ำ ถ้าเปรียบเทียบกับพวกเราเหล่าคนแก่ที่อีกเดี๋ยวก็ลงโลงกันแล้ว งานวิจัยของเขาเพิ่มจะเริ่มต้นเอง”

ชายชรายิ้มแล้วเอ่ยว่า “ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องห่วงหรอก”

เหรินจ่างหมิงรู้สึกโล่งอก เขาพยักหน้าต่อ

ถึงมันจะเป็นไปได้จริงที่ลู่โจวจะทำสำเร็จ เขาก็ยังต้องบอกเรื่องพวกนี้กับท่านประธานาธิบดีอยู่ดี

เพราะถึงเขาไม่พูดอะไรออกมา คนอื่นก็ไม่กล้าพูดอยู่ดี

เจ้าหน้าที่รปภ.เดินมารายงานข่าวให้กับชายชรา

“ผู้อำนวยการลู่รออยู่ข้างนอกแล้วครับ”

ชายชราพยักหน้าแล้วบอกว่า “ให้เขาเข้ามาเถอะ”

“ได้ครับ!”

รปภ. ทำความเคารพแล้วหมุนตัวเดินออกไป

ไม่นานนัก ผู้อำนวยการลู่พร้อมด้วยรปภ.เดินขนาบข้างก็เดินมาหาพวกเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น

ชายชราสังเกตเห็นจดหมายที่ผู้อำนวยการลู่ถืออยู่ในมือ เขายิ้มแล้วถามว่า “อะไรทำให้คุณตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ?”

ผู้อำนวยการลู่ตอบมาอย่างร่าเริงว่า “มีข่าวดีมาจากไห่โจวครับ! โปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว! ผมได้จดหมายมาจากศาสตราจารย์ลู่ด้วย!”

เหรินจ่างหมิงมีท่าทีปีติเป็นอย่างยิ่ง

หมากในมือของชายชราหล่นลงบนกระดานหมาก แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนในทันที

“เขาเขียนว่าอย่างไรในจดหมายน่ะ?”

ผู้อำนวยการลู่สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตอบอย่างกระตือรือร้นว่า “โปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตอยู่ในช่วงไฟนอลเคาต์ดาวน์แล้วครับ คาดว่าสิ้นปีนี้ก็จะสามารถทำฟิวชั่นอิกนิชั่นสำเร็จแล้วครับ! พวกเขากำลังขอการอนุมัติจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนอยู่!”

ชายชรายิ้มกว้างแล้วพูดขึ้นว่า “โอเค ดีมาก”

เขาเปลี่ยนอากัปกิริยาแล้วให้คำสั่งว่า

“อนุมัติให้ทำฟิวชั่นอิกนิชั่นได้!”

…………………………

[1] ชื่อย่อคือ ICF เป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเข้าไปในเม็ดเชื้อเพลิงให้มีพลังงานสูงพอที่จะเข้ารวมกัน

[2] เป็นการให้ความร้อนแก่ฟิวชั่นในรูปแบบหนึ่ง

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท