ตอนที่ 663 ฟองสบู่หลากสีของเสี่ยวไอ
หลังจากนั้นเหอหยิงก็เริ่มถามเกี่ยวกับอนุภาค M และแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มรวมไปถึงโปรเจกต์เหยียบดวงจันทร์ ลู่โจวตั้งใจตอบทุกคำถามอย่างเต็มความสามารถ
ในที่สุดการสัมภาษณ์ที่นานเป็นชั่วโมงก็สิ้นสุดลง
หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ ลู่โจวขอดูวีดีโอจากตากล้อง
เขาค่อนข้างจะพอใจกับภาพลักษณ์ของตัวเองในขณะที่ให้สัมภาษณ์
หลังจากการสัมภาษณ์ CTV สิ้นสุดลง ลู่โจวชวนทีมสัมภาษณ์ไปทานมื้อค่ำแล้วเขาก็กลับบ้าน
เขาเทนมร้อนๆ ใส่แก้วและเดินตรงไปที่ห้องทำงาน เขาคิดว่าหลังจากเช็คคอมพิวเตอร์เสร็จก็จะนอน แต่อยู่ๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินยู่ซาน
“สวัสดี?”
“นี่ฉันเองนะ ฉันโทรหาคุณเมื่อตอนบ่าย แต่คุณปิดเครื่อง”
ลู่โจวได้ยินเสียงสะท้อนจากปลายสายของเฉินยู่ซาน พร้อมด้วยเสียงน้ำกระจาย
เธออาบน้ำอยู่เหรอ
ลู่โจวไม่ได้คิดอะไรมากนัก เขาตอบ “ตอนบ่ายเหรอ น่าจะกำลังสัมภาษณ์ CTV อยู่ ผมว่าผมน่าจะปิดเครื่อง”
เฉินยู่ซานรู้สึกโมโห
“แล้วทำไมถึงไม่โทรกลับล่ะ”
ลู่โจว “อ๋อ ก็ผมไม่เห็นว่าคุณโทรมา”
เฉินยู่ซานเช็ดผมที่เปียกและนั่งลงในท่านั่งที่สบายตัว ศีรษะของเธอคือส่วนเดียวของร่างกายที่อยู่เหนือน้ำ
“ช่างมันเถอะ ยังไงคุณก็เป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ที่ฉันโทรหาคุณเพราะฉันตั้งใจจะบอกว่าอุตสาหกรรมกระสวยอวกาศสร้างเสร็จแล้วนะ”
ลู่โจวประหลาดใจ
“เสร็จแล้วเหรอ?”
เฉินยู่ซานพูดด้วยความสบายใจ “ใช่ เฟสแรกของโปรเจกต์มีแค่ไม่กี่อาคารจึงใช้เวลาสร้างไม่นาน พวกคุณลองตรวจสอบดูก็แล้วกันถ้ามีเวลา”
ลู่โจวพยักหน้าและพูด “โอเค ไว้ถ้าผมมีเวลาผมจะไป”
อยู่ดีๆ บทสนทนาก็สิ้นสุดลง
เมื่อบทสนทนาทางธุรกิจจบลงแล้ว พวกเขาก็ไม่มีเรื่องอื่นที่จะพูด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เฉินยู่ซานสัมผัสได้ว่าบรรยากาศเริ่มน่าอึดอัด เธอโอบเข่าด้วยแขนทั้งสองข้าง การแช่ในน้ำร้อนๆ ทำให้เธอเวียนหัว เธอกำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่ลู่โจวพูดขึ้นมาก่อน
“ฮัลโหล? คุณ…โอเคไหม”
เมื่อเฉินยู่ซานได้ยินเสียงลู่โจวผ่านหูฟังบลูทูธ เธอก็โพล่งออกมา “ฉันไม่เป็นไร ฉันกำลังแช่น้ำอยู่”
เธอหน้าแดงและอยากจะมุดหน้าลงไปในน้ำ
ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย
เขาจะคิดอะไรหรือเปล่านะ
จริงๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้นเพราะลู่โจวไม่คิดอะไรเลย
“ผมรู้ อย่าเป็นลมไปก็แล้วกัน”
เฉินยู่ซาน “???”
เขารู้เหรอ
รู้ได้อย่างไร
แก้มของเธอกลายเป็นสีแดงเข้มทันที
เธอเงียบลงอีกครั้ง ลู่โจวไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป เขาจึงพยายามที่จะอธิบาย
“เดี๋ยวก่อนนะ ผมหมายความว่า ผมเดาว่าคุณน่าจะแช่อ่างอยู่ เพราะเสียงรอบๆ ผมก็เลยฟังจากเสียง…”
ตู๊ด
ก่อนที่เขาจะได้อธิบายตัวเอง สายก็ตัดไป
ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะมองไปที่โทรศัพท์
นี่เธอวางสายใส่ฉันเหรอ
ช่างมัน ใครจะไปสนใจ
ขอแค่เธอไม่เป็นลมในอ่างน้ำร้อนๆ นั่นก็พอ
ลู่โจววางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ แล้วดื่มนมจนหมด เขามองไปที่คอมพิวเตอร์พร้อมพูดออกมา
“เสี่ยวไอ ใส่น้ำร้อนในอ่างไว้ครึ่งอ่าง ประมาณ 40 องศา”
เดิมทีเขาคิดว่าจะแปรงฟันและเข้านอนเลย แต่ตอนนี้รู้สึกอยากแช่น้ำขึ้นมา
เขาได้ยินมาว่าการแช่น้ำร้อนช่วยผ่อนคลายได้ดี
อีกอย่างเขาก็เหนื่อยมากด้วยเลยอยากจะผ่อนคลายสักหน่อย
หลังจากเสี่ยวไอได้ยินเสียงของเจ้านาย กล่องข้อความก็เด้งขึ้นตรงมุมขวาล่างของคอมพิวเตอร์
เสี่ยวไอ [ต้องการให้เสี่ยวไอใส่ฟองสบู่หลากสีลงในอ่างด้วยไหมคะ]
ลู่โจว “เอ่อ…ไม่ต้องสนใจเรื่องสีหรอก แค่ฟองธรรมดาก็พอ”
เสี่ยวไอ [โอเค (๑•̀ᄇ•́)و✧]
…
ลู่โจวยอมรับว่าการแช่น้ำร้อนนับเป็นความสุชของชีวิตอย่างหนึ่ง
เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว รูขุมขนทุกอนูรู้สึกผ่อนคลาย มันเป็นความสบายที่ไม่สามารถอธิบายได้
เขาเข้าไปในห้องนอนและหลับไปจนถึงหกโมงเช้าของอีกวัน
หลังจากที่ตื่นนอน เขาออกไปวิ่งตอนเช้า กลับมาเขาก็ทานซุปซาลาเปาและขึ้นรถซีดานคันสีดำ เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปที่สถาบันหรือมหาวิทยาลัย แต่เขาบอกให้หวังเผิงขับรถพาเขาไปที่ไซต์ก่อสร้างกระสวยอวกาศ
คอนกรีตถูกเทไปทั่วพื้นที่ มีอาคารสามชั้นอยู่สองอาคาร ลู่โจวเห็นคอนกรีตเสริมแรงที่อยู่ภายใต้ตัวอาคาร
ถัดไปเป็นอาคารคอนกรีตประมาณห้าชั้นที่เป็นตึกสำหรับพนักงานเป็นส่วนใหญ่และเป็นสถานที่ที่ใช้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์
อย่างที่เฉินยู่ซานเคยบอกไว้ เฟสแรกของโปรเจกต์นี้เสร็จแล้ว พวกเขาสามารถย้ายอุปกรณ์เข้ามาได้เลย
ลู่โจวอดที่จะแสยะยิ้มไม่ได้
เพราะความช่วยเหลือของเสี่ยวไอ เครื่องจักรประเภท 5 แกนที่นำสมัยที่สุด และอุปกรณ์ระบบควบคุมอัตโนมัติครบครัน…ลืมเรื่องกระสวยอวกาศไปเลย ทำให้เขามั่นใจว่าสามารถสร้างหุ่นยนต์แปลงร่างที่มีชีวิตได้
แต่มันต้องใช้เวลา
อยู่ดีๆ ลู่โจวก็นึกถึงปัญญาใหญ่ที่จะเกิดขึ้น
เขาเตือนเสี่ยวไอไม่ให้วางอุปกรณ์ไปทั่วพื้นที่ เพราะที่นี่ไม่ใช่ห้องทดลองชั้นใต้ดินของเขา ประสิทธิภาพของเครื่องมือกลก็ด้อยคุณภาพกว่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมอัตโนมัติ
ลู่โจวยืนด้านนอกศูนย์ประชุมครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่รถ
“ไปมหาวิทยาลัยจินหลิง”
หวังเผิงสตาร์ทเครื่อง เขารู้สึกประหลาดใจ
“คุณไม่เข้าไปข้างในเหรอครับ”
“ไม่จำเป็นหรอก” ลู่โจวยิ้มแล้วส่ายหัว เขามองสถาบันโล่งๆ และพูด “พวกเขายังไม่ย้ายอะไรเข้าไปเลย เข้าไปข้างในก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพื่อนในกองทัพของคุณที่เกษียณแล้วมีกี่คนเหรอ”
“ก็มีนะครับ คุณสนใจเหรอครับ”
“ผมอยากจะจ้างที่ปรึกษาด้านความปลอดภัย เงินเดือนก็ประมาณ 10,000-20,000 หยวน รวมค่าอาหารและค่าที่พัก คุณช่วยหาคนที่พอจะสนใจหน่อยได้ไหม”
ลู่โจวเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วินาทีก่อน
ถ้าเขาต้องการบัตรในการทำโปรเจกต์ทหาร-พลเรือน เขาต้องผ่านบทสดสอบการรักษาความปลอดภัย ซึ่งบททดสอบนี้ไม่ได้ครอบคลุมแค่กระบวนการการรับรองคุณสมบัติเพียงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการขั้นตอนผลิตเทคโนโลยีทางอวกาศที่เป็นเทคโนโลยีลับอีกด้วย เพราะฉะนั้นความปลอดภัยจึงสำคัญที่สุด
ต้องขอบคุณที่หวังเผิงเคยเป็นทหารมาก่อน เขาจึงมีคนรู้จักที่อยู่ในกอง การหาคนที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ที่เกษียณแล้วยังดีกว่าจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัยข้างนอก
แถมพวกเขายังสามารถฝึกพนักงานรักษาความปลอดภัยได้อีกด้วย
เนื่องจากศูนย์ประกอบการแห่งนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล การจะใช้ทรัพยากรของรัฐคงเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
หลังจากที่หวังเผิงได้ยินว่าเงินเดือน 20,000 หยวน เขาพูด “เงินเดือนขนาดนี้ ผมก็สนใจเหมือนกันนะ”
ลู่โจวยิ้มและพูด “อย่าเลย คุณไม่เคยอยู่หน่วยรักษาความปลอดภัย งานนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอก”
หวังเผิงยิ้มแล้วไม่พูดอะไรต่อ
“ก็ได้ครับ ไว้ผมจะถามให้ แล้วคุณต้องการคนเมื่อไหร่ครับ”
ลู่โจวพูด “เร็วที่สุด”
………………………………………………
ตอนที่ 664 ผมอ่าน คุณเขียน
อีกฟากหนึ่งของโลก ณ ห้องบรรยายหมายเลข 1 สำนักงานใหญ่เซิร์นประเทศสวิตเซอร์แลนด์เต็มไปด้วยคนจำนวนมาก
หลัวเหวินเซวียนที่แต่งชุดสูทกำลังยืนอยู่ข้างเวทีและกำลังตั้งใจอ่านวิทยานิพนธ์ในมือ เขาสูดลมหายเข้าและหวังว่าจะช่วยให้หัวใจเต้นช้าลงบ้าง
แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาที่นี่ แต่การเป็นผู้ฟังกับการยืนบนเวทีมันช่างต่างกันเหลือเกิน
ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งวงการฟิสิกส์นานาชาติ
ในอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เขาจะถูกบรรดานักวิชาการฟิสิกส์ระดับโลกรุมตรวจสอบ
หลัวเหวินเซวียนรู้สึกประหม่าขณะที่กำลังเตรียมตัวครั้งสุดท้าย อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูมาจากด้านข้าง
“เน็กไทของคุณแน่นไปนะ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกพอดี”
หลัวเหวินเซวียนมองไปและรู้สึกประหลาดใจกับคนที่เขาเห็น
“ศาสตราจารย์?”
“คุณไม่น่าจะแปลกใจขนาดนี้นะ คุณก็รู้ว่าผมใช้เวลากว่าครึ่งปีที่เซิร์น” วิทเทนเหย้าแหย่ เขายิ้มและพูด “อีกอย่างผมมาที่นี่เพื่อร่วมฟังการรายงานครั้งสำคัญ”
หลัวเหวินเซวียนยิ้มเจื่อนพลางเกาหัว
“ผมจะขอบคุณพระเจ้าเลย ถ้าผมไม่ทำการรายงานครั้งนี้พัง”
ไม่มีทาง…คุณได้รางวัลเหรียญฟิลด์ แน่นอนว่าคุณไม่ประหม่าอยู่แล้ว ส่วนผมยังไม่เคยได้เหรียญฟิลด์เลยสักครั้ง
หลัวเหวินเซวียนไม่ได้พูดอะไร
วิทเทนนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะพูด “แล้วศาสตราจารย์ลู่เป็นอย่างไรบ้าง”
หลัวเหวินเซวียน “เขาสบายดีครับ แต่งานวิจัยตอนนี้ยุ่งมากๆ เลย”
“โอ้ จริงเหรอ? คุณพูดเหมือนเขาเลย” วิทเทนยิ้มและพูด “จริงๆ แล้วผมว่าเขาไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้นก็ได้นะ เขาประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งหลายอย่างภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี แถมยังเหลือเวลาอีกตั้งนาน…คำแนะนำของผมคือเขาควรใส่ใจสุขภาพมากกว่านี้ เขาน่าจะหาเวลาไปเที่ยวหรือไปทำอะไรอย่างอื่นบ้าง”
หลัวเหวินเซวียน “ผมจะนำคำแนะนำนี้ไปบอกเขาครับ”
“ไม่ใช่คำแนะนำหรอก ก็แค่ความเห็นส่วนตัวเท่านั้น” วิทเทนมองไปที่หลัวเหวินเซวียนที่ตอนนี้ประหม่ามากๆ พร้อมพูด “คุณผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ ถ้าผมจำไม่ผิดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของคุณที่มาที่นี่นะ”
หลัวเหวินเซวียนตอบอย่างประหม่า “ปกติผมมาเป็นผู้ชมครับ”
วิทเทนยิ้มและพูด “ผมตั้งตารอการรายงานของคุณนะ อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ”
วิทเทนลูบไหล่ศิษย์เก่าของเขาและเดินจากไป
…
หลังจากที่หลัวเหวินเซวียนได้คุยกับอาจารย์ของตัวเองแล้ว เขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น
ในที่สุดก็ถึงเวลาของการรายงาน
หลัวเหวินเซวียนเดินขึ้นไปบนเวทีและหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากดเบอร์ใครคนหนึ่งก่อนที่จะวางใกล้ๆ ไมโครโฟนที่อยู่บนโต๊ะ
ผู้ชมที่มาดูเริ่มเงียบลง เขามองไปที่ผู้คนเหล่านั้นพลางกระแอมและพูด “ศาสตราจาร์ลู่ไม่สามารถมาอยู่ที่นี่กับเราในวันนี้เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ผมจะเป็นผู้ทำการรายงานแทน ถ้าใครมีคำถามสามารถถามได้เลยนะครับ”
ใครบางคนยกมือขึ้นทันที
หลัวเหวินเซวียนแสดงท่าทางเป็นมิตรและพูดอย่างสุภาพ
“ศาสตราจารย์ เชิญเลยครับ”
ชายสูงวัยมีกระบนใบหน้าและจมูกโค้งงอยืนขึ้นด้วยร่างกายที่สั่นเทา เขาจ้องไปที่หลัวเหวินเซวียนและถาม “ผมอยากจะถามคำถามหนึ่ง คุณทำหน้าที่อะไรตอนที่แก้ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น”
หลัวเหวินเซวียนมองไปที่คนดู ดูเหมือนว่าคนมากมายก็สงสัยเช่นเดียวกัน
เขาปรับลมหายใจและพยายามพูดอย่างคล่องแคล่ว
“ผมจะเสนอแนวความคิดที่เป็นหลักฐานเสียส่วนใหญ่ นอกจากนี้ผมยังแลกเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหากับเขา แน่นอนว่าอย่างที่ระบุในเอกสาร ข้อเท็จจริงส่วนใหญ่จะมาจากเขา”
ชายสูงวัยถาม “นั่นแปลว่ามุมมองของคุณเหมือนกับมุมมองของเขาเหรอ”
ไหนบอกว่าจะถามแค่คำถามเดียวไม่ใช่เหรอ
หลัวเหวินเซวียนบ่นในใจ เขาอธิบายต่อ “ใช่ครับ เว้นเสียแต่ว่าศาสตราจารย์ลู่จะมีความคิดเห็นอย่างอื่น”
เขาชี้ไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะและพูด “เขาจะคอยฟังทุกอย่างในระหว่างการรายงานนี้ เขาอาจจะชี้แจงถ้าจำเป็น…แต่ทุกอย่างได้ถูกอธิบายไปหมดแล้วในรายงาน”
ชายสูงวัยพยักหน้าและนั่งลง
หลัวเหวินเซวียนถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“เชิญพลิกไปดูที่บทคัดย่อ เราจะเริ่มตั้งแต่ต้น…”
แม้ว่าหลัวเหวินเซวียนจะประหม่าสักแค่ไหน แต่เมื่อการรายงานเริ่มขึ้น เขาก็กลับมามีสมาธิอีกครั้ง
จริงๆ แล้วเขาเคยมีประสบการณ์การรายงานที่เซิร์นมาแล้วตอนสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาของวิทเทน เขามีโอกาสได้รายงานบนเวทีของเซิร์นอยู่หลายครั้ง แต่ว่าที่ผ่านๆ มาการรายงานไม่ได้สำคัญขนาดนี้ ส่วนคนที่มาร่วมฟังก็ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงเช่นครั้งนี้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุดหลัวเหวินเซวียนก็มาถึงพาวเวอร์พอยต์หน้าสุดท้าย เขาถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แต่กลับไม่รู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าพรีเซนเทชั่นบนพาวเวอร์พอยต์จะจบลง แต่การรายงานยังไม่จบ
ต่อไปจะเป็นการตอบคำถาม ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการรายงาน
“เนื้อหาทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้…ถ้าหากใครมีคำถามอะไรเชิญถามมาได้เลยครับ”
ทันทีที่เขาประกาศว่าถึงช่วงตอบคำถาม คนมากมายพากันยกมือขึ้น
หลัวเหวินเซวียนมองหน้าชายสูงวัยที่เคยยกมือก่อนหน้านี้และพยักหน้า
“เชิญเลยครับ”
ชายสูงวัยจมูกโค้งงอตัวสั้นขณะที่ยืน เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ในหน้าที่ 9 บรรทัดที่ 23 เรื่องปฏิกิริยาโพลีโนเมียล R2 เช่น λR(φ) + φ2 ค่ากึ่งกลาง R(φ) และ 0u003cλu003cλ_0 u003c 1 คุณจะกำหนดสเปกตรัมอนุภาคเดี่ยวอย่างไร”
หลัวเหวินเซวียนโล่งอกตอนที่ได้ยินคำถามนี้
มันเป็นคำถามที่ยากทั่วไปคำถามหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ยากมากขนาดนั้น
เขากระแอมและเดินไปที่ไวท์บอร์ด เขาหยิบปากกาและเริ่มอธิบายพลางเขียนบนไวท์บอร์ด “สำหรับค่าคงที่คู่ควบสองมิติ R(φ) การเปิดหรือปิดสถานะจำกัดขอบเขตขึ้นอยู่กับจำนวนของ R(φ) ข้อมูลสถานะจำกัดขอบเขตจะมีมวล M ซึ่งมีสเปกตรัมกระตุ้น มวลพื้น (0, m)และที่ว่างส่วนบน (m, mb)…นี่คือวิธีที่เราใช้ในการพิสูจน์การมีจริงของมัน
“สำหรับสเปกตรัมอนุภาคเดี่ยว…” อยู่ดีๆ หลัวเหวินเซวียนก็หยุดเขียนและหยุดพูดในเวลาเดียวกัน
เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดอยู่ที่คอ เขาพูดอะไรไม่ออกเลย
สเปกตรัมอนุภาคเดี่ยว
เวรเอ๊ย!
ฉันจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี
เม็ดเหงื่อเย็นๆ ไหลลงจากหน้าผาก
สมองของเขาเบลอไปหมด เขาพยายามใช้เซลล์สมองทุกส่วนเพื่อแก้ปัญหานี้
แต่ก็ไม่เป็นผล
เสียงกระซิบจากผู้ชมเริ่มดังขึ้น หลัวเหวินเซวียนเห็นสายตาแห่งความผิดหวังจากศาสตราจารย์ที่นั่งอยู่แถวหน้า
เขากลืนน้ำลายและรู้สึกว่าแขนขาหมดแรง
ฉันควรทำอย่างไรดี…
เขาคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเขาทำทุกอย่างพังมันจะเป็นอย่างไร
แม้ว่าลู่โจวคงไม่สนใจอะไรขนาดนั้น แต่เขาคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้แน่ๆ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น มันคือเสียงสวรรค์ คำสี่คำที่มอบความหวังให้กับหลัวเหวินเซวียน
ปลายสายคือลู่โจว และเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“ผมอ่าน คุณเขียน”
………………………………………………