ตอนที่ 657 การรวมตัวของไฟฟ้าแก่
ณ มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด
ด้านในออฟฟิศ
ศาสตราจารย์ไบรอันทำความสะอาดร่างกายและนั่งลงที่โต๊ะ เขามองแผ่นกระดาษในมือพร้อมสูดลมหายใจเข้า เขามองที่ตากล้องและพยักหน้า
“เริ่มได้เลย”
ตากล้องไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ส่งสัญญาณตอบ
ศาสตราจารย์ไบรอันมองกล้องและเงียบไปครู่หนึ่ง
“ผมขาดความรับผิดชอบมากๆ ที่ไปกล่าวหานักวิชาการคนอื่น ในเรื่องของความเข้าใจผิดและความเห็นต่างที่เกิดขึ้น ผมจะเป็นคนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ทั้งหมดเอง”
เขาขมวดคิ้วและนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ผมอยากจะขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมและศาสตราจารย์ลู่”
“ผมรู้ว่าคำขอโทษคงแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ผมก็อยากจะขอให้คุณให้อภัย”
การขอโทษไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะกับคนที่ทะนงตัวและเย่อหยิ่งอย่างเขา
แต่ว่าไบรอันเปลี่ยนไปแล้ว
เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนในการทำวิจัยกาลอวกาศทิรัส-ยูคลิเดียน เขาไม่เพียงแค่เติบโตขึ้นทางด้านวิชา แต่นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย
แม้ว่ามันจะน่าอายขนาดไหน…
แต่สิ่งสำคัญคือการที่ศาสตราจารย์ลู่ให้ความรู้ทางด้านฟิสิกส์กับไบรอัน โดยที่ไบรอันไม่รู้ตัว
วีดีโอนี้ไม่ใช่แค่เพียงวีดีโอขอโทษ
แต่ไบรอันยังบอกลาตัวตนเดิมของเขาอีกด้วย
…
วีดีโอนี้สั้นมากๆ ความยาวน้อยกว่าห้านาที
หลังจากที่วีดีโอถูกอัปโหลดลงยูทูป จำนวนผู้เข้าชมก็น้อยมากๆ จนน่าขำ
ซึ่งเป็นเพราะเหตุการณ์ที่ไบรอันหมิ่นประมาทลู่โจวในเดลีเมลผ่านมานานเป็นเดือนทำให้ไม่มีใครถกเถียงเรื่องนี้กันอีกแล้ว ถึงแม้ว่าเดลีเมลจะตั้งใจประโคมข่าวนี้มากแค่ไหน คนก็สนใจแค่ดราม่าที่เกิดขึ้นอยู่ดี พวกเขาไม่สนว่าความจริงคืออะไรด้วยซ้ำ…
ไบรอัน คาโร นั้งอยู่ที่โต๊ะตอนที่อัปโหลดวีดีโอเสร็จ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มเขียนอีเมลเพื่อที่จะส่งให้ลู่โจว
สองวันหลังจากนั้น ลู่โจวดูวีดีโออยู่ที่ออฟฟิศที่แผนกคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยจินหลิง
“สุดยอด…ศาสตราจารย์ คุณทำได้อย่างไรคะ”
จ้าวหวนนั่งดูวีดีโออยู่ที่โต๊ะของเธอ สีหน้าแสดงความเลื่อมใสและไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
เธอคิดไม่ออกเลยว่าลู่โจวทำให้คนหน้าไม่อายขอโทษด้วยความจริงใจได้อย่างไร…
แต่การที่เรียกไบรอันว่าคนน่าไม่อาย ก็ดูจะเกินไปหน่อย
ในสายตาเธอนั้น ศาสตราจารย์ไบรอันเป็นคนน่าไม่อาย
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ลู่โจวปิดวีดีโอและพูดเฉยๆ “เขาพูดของเขาเอง”
ถ้าไบรอันไม่ทำแบบนี้ สายงานวิชาการของเขาคงจบลง
ตอนนี้เขายอมรับสถานการณ์ของตัวเอง ทำให้สามารถออกมาจากทางตันที่เผชิญและก้าวต่อไปในสายอาชีพนักวิชาการ
ลู่โจวไม่ได้อธิบายอะไรให้ผู้ช่วยจ้าวฟัง เขาหันกลับมาจดจ่อกับวิทยานิพนธ์ของตัวเองต่อ
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นได้รับการแก้ไข แต่วิทยานิพนธ์ของลู่โจวยังไม่ได้รับการประเมินครั้งสุดท้าย เพราะสถาบันวิจัยฟิสิกส์ทฤษฎีระดับชาติกำลังศึกษาวิทยานิพนธ์ของลู่โจวอย่างละเอียด ส่วนลู่โจวเองก็ไม่หยุดที่จะทำงาน
เขาเคยบอกว่าเขาจะตอบคำถามทุกคนภายในสิ้นเดือนนี้
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น
และใกล้จะสำเร็จแล้ว…
วันทั้งวันผ่านไป
ลู่โจวยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมปากกาในมือ เขาจับกองกระดาษที่ร่างไว้ด้วยความรู้สึกพอใจ
ทฤษฎีแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มของเขา…
ในที่สุดก็เสร็จเสียที
ลู่โจวใช้เวลาทั้งวันในการทำงาน และตอนนี้เขาค่อนข้างหิว เขาวางวิทยานิพนธ์ที่ร่างไว้บนโต๊ะและตั้งใจจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก
หานเมิ่งฉีเดินไปที่โต๊ะลู่โจวอย่างร่าเริงพร้อมวิทยานิพนธ์วัสดุศาสตร์ทางคำนวณที่เพิ่งพิมพ์ออกมาหมาดๆ ในมือและพูด “ฉันทำงานที่คุณสั่งเสร็จแล้วนะ”
ลู่โจวมองดูวิทยานิพนธ์ของเธอและพยักหน้า “โอเค วางไว้ตรงนั้นเลย”
หานเมิ่งฉีวางวิทยานิพนธ์ไว้ที่มุมโต๊ะและสังเกตเห็นเอกสารที่ลู่โจวเขียน เธอถามด้วยความอยากรู้ “คุณกำลังเขียนอะไรอยู่เหรอ”
“เปล่า” ลู่โจวยืนขึ้นและยิ้ม เขาพูดเฉยๆ “ผมแค่สรุปงานที่เพิ่งทำเมื่อไม่นานมานี้”
…
ปี 2020 เป็นปีที่น่าตื่นเต้นของโลกฟิสิกส์ทฤษฎี
ภายในเวลาไม่ถึงปี ปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นได้รับการแก้ไข การค้นพบควอนตัมหยาง-มิลส์ทำให้เกิดยุคของทฤษฎีเกจ
ไม่เพียงแค่นั้น
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่างานวิจัยทางฟิสิกส์ที่มีคุณค่าเป็นสิบปีประสบความสำเร็จในปีนี้ โปรเจกต์งานวิจัยที่โลกต้องตะลึงกำลังจะเกิดขึ้น
สามวันหลังจากที่ศาสตราจารย์ไบรอันโพสต์วีดีโอขอโทษ ลู่โจวโพสต์วิทยานิพนธ์เรื่องที่สองบน arXiv
หัวข้อมีเพียงไม่กี่คำ
[ทฤษฎีปฏิกิริยาไฟฟ้าแก่! ]
ทันที่ที่วิทยานิพนธ์ถูกเผยแพร่บน arXiv ทำให้วงการฟิสิกส์ถึงกับสั่นสะเทือน
แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยในความสามารถของลู่โจว คนที่สามารถไขปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น และเป็นคนเดียวกันที่ที่คนทั้งโลกหวังว่าเขาจะสามารถรวมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มกับแรงแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าด้วยกันได้ นักฟิสิกส์หลายคนไม่คิดว่าจะได้เห็นวิทยานิพนธ์ของลู่โจวบน arXiv
ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง ลู่โจวขัดเกลาทฤษฎีของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ และรวมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มกับแรงแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าด้วยกัน
เราไม่ควรเรียกลู่โจวว่าอัจฉริยะด้วยซ้ำ
เพราะจริงๆ แล้วคำว่าอัจฉริยะก็ใช้กับมนุษย์คนหนึ่ง
แต่ลู่โจวคือเทพ…
นอกจากสถาบันวิจัยจีน ก็ไม่มีสถาบันวิจัยระดับโลกที่มีชื่อเสียงสถาบันไหนที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับงานที่เพิ่งถูกเผยแพร่นี้ คนส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะตอบคำถามจากนักข่าวหรือไม่ก็เลือกตอบสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย
แต่งานนี้สำคัญมากๆ ขนาดนักฟิสิกส์ระดับสูงเองยังต้องระวังเป็นพิเศษ
ถ้าวิทยานิพนธ์นี้ถูกต้อง มันสามารถสร้างชื่อให้วงการฟิสิกส์ในอีกสิบปีข้างหน้า
ในทางกลับกัน ถ้าเกิดวิทยานิพนธ์นี้ไม่ถูกต้อง แต่วงการวิชาการอนุมัติวิทยานิพนธ์นี้เพราะความสะเพร่า มันจะทำให้งานวิจัยฟิสิกส์ทฤษฎีเสื่อมถอยไปเป็นสิบปี
…………………………………..
ตอนที่ 658 คำตอบอยู่ในมือคุณ
ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สำนักงานใหญ่กรุงเซิร์น
วิทเทนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาในร้านกาแฟ เขากำลังอ่านวิทยานิพนธ์พลางดื่มกาแฟดำ
คนที่นั่งใกล้ๆ เขาก็คือเจฟฟ์
ชายสูงวัยเท้าแขนบนโต๊ะขณะกำลังรอให้วิทเทนอ่านวิทยานิพนธ์นี้ให้จบ
ในฐานะผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสถาบันเคลย์ พวกเขาคือคนที่ต้องตัดสินใจว่าจะรวมสมการหยาง-มิลส์ไว้ในโจทย์รางวัลมิลเลนเนียมหรือไม่ และพวกเขานี่เองคือคนที่ตั้งโจทย์นี้ขึ้นมา
ปัญหานี้เป็นปัญหาฟิสิกส์ข้อสุดท้ายของโจทย์มิลเลนเนียม เจฟฟ์คิดว่าคงไม่มีใครในศตวรรษนี้สามารถไขมันได้ เขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ในที่สุดวิทเทนก็อ่านวิทยานิพนธ์มาถึงหน้าสุดท้าย
เจฟฟ์สังเกตเห็นจึงถาม “เสร็จแล้วเหรอ”
“ใกล้แล้ว”
“ผมอยากรู้ว่าคุณว่าอย่างไร”
“เขาเร็วกว่าที่ผมคิดไว้” วิทเทนวางวิทยานิพนธ์ลงและมองปฏิทินในโทรศัพท์ เขายิ้มและพูด “41 วัน เขาน่าจะเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้”
เจฟฟ์ถอนหายใจและพูด “คุณอยากแนะนำอะไรเพิ่มเติมไหม นอกจากเรื่องความเร็ว”
“น่าเสียดายที่ผมคิดได้แค่เรื่องเดียวตอนนี้” วิทเทนถอนหายใจและนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพูดต่อ “เรายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนสำหรับวิทยานิพนธ์เรื่องที่แล้วของเขา”
วิทเทนอดเสียใจไม่ได้
วงการฟิสิกส์นานาชาติยังคงถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อสรุปวิทยานิพนธ์เรื่องก่อนหน้านี้ของลู่โจว
นี่เป็นครั้งแรกที่วิทเทนได้เห็นงานวิจัยที่รวดเร็วยิ่งกว่าบทสรุปจากวงการฟิสิกส์นานาชาติ ราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังไล่ตามลู่โจวอยู่…
“อีกสักครู่จะมีการประชุมที่ห้องประชุมหมายเลข 1 เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์บน arXiv…ผมจะพูดถึงเรื่องนี้ตอนที่ประชุม แต่ผมว่าถึงแม้ผมไม่พูดคนอื่นก็ต้องพูดอยู่ดี” วิทเทนพูด เขามองนาฬิกาและพูดต่อ “อีกอย่าง เราต้องสรุปเรื่องปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นให้จบภายในสิ้นเดือนนี้”
เจฟฟ์พยักหน้า
“ผมเห็นด้วย”
…
ขณะที่เซิร์นกำลังเตรียมจัดการสัมนาเกี่ยวกับปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้น สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงตอนนี้ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
คนส่วนใหญ่เตรียมตัวเลิกงานกลับบ้าน แต่ไฟในห้องทดลองสถาบันฟิสิกส์ยังคงสว่างอยู่
โดยเฉพาะห้องทดลองที่อยู่สุดทางเดิน
นักวิจัย 12 คนนั่งอยู่ในห้องขนาด 30 ตารางเมตร โต๊ะทุกตัวเต็มไปด้วยเอกสารงานวิจัยสูงกว่าหนึ่งฟุต ทุกคนต่างดูเหนื่อยล้า
นี่คือศูนย์วิจัยที่ใหญ่ที่สุดของจีนสำหรับเทคโนโลยีฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อ คนที่นี่ส่วนใหญ่เคยใช้งานเครื่องสเตลล่าร์เรเตอร์ และความชำนาญของพวกเขามีตั้งแต่ด้านฟิสิกส์พลาสมาไปจนถึงฟิสิกส์วิศวกรรม
อย่างไรก็ตาม แค่นี้มันยังไม่พอ
โปรเจกต์ถูกจัดทำมาเป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
เชิ่งเซี่ยนฟู่มองท้องฟ้ามืดดำนอกหน้าต่าง เขาเดินไปที่เครื่องทำกาแฟและกลับมาที่โต๊ะพร้อมกาแฟร้อนๆ
เขาเจอเอกสารจากสถาบันอะคูสติกและกำลังจะทำรายงานการวิจัยขอวันนี้ให้เสร็จ อยู่ดีๆ ใครบางคนก็เปิดประตูห้องทดลองออกมา คนคนนี้เดินตรงเข้ามาในห้องทดลอง
เชิ่งเซี่ยนฟู่ดูสับสน เขามองไปที่ลู่โจวแล้วหันกลับมามองเอกสาร
“มันคืออะไรเหรอครับ…”
“เอกสารที่ต้องทำการทดลองเพื่อพิสูจน์ความจริง มันคือฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อ” ลู่โจวมองห้องทดลองที่เลอะเทอะและพูด “อีกอย่างคำถามที่คุณถามผมก่อนหน้านี้ ในที่่สุดผมก็หาคำตอบที่ชัดเจนให้คุณได้แล้ว
“อุณหภูมิสูงไม่ใช่เงื่อนไขเดียวที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่น ยังมีเงื่อนไขอื่นด้วย ตราบใดที่เราระบุความสัมพันธ์ระหว่างแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มและแรงสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ เราก็จะหาวิธีการได้”
ลู่โจวหยิบปากกาบนโต๊ะและเขียนสมการบนไวท์บอร์ด
เชิ่งเซี่ยนฟู่มองดูไวท์บอร์ด คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวด
“นี่มันอะไรกัน?”
ลู่โจวยิ้มและอธิบาย “สูตรที่เกี่ยวข้องกับแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มและแรงสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
“ดูเหมือนว่าแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มและแรงสนามแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถรวมตัวกันได้ภายใต้กรอบความคิดเชิงทฤษฏีของควอนตัมหยาง-มิลส์ หนึ่งเดือนที่แล้วผมยังไม่ค่อยมั่นใจ แต่ตอนนี้ผมสามารถพิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานทางคณิตศาสตร์”
เชิ่งเซี่ยนฟู่ตกใจ
“คุณ…ทำได้เหรอ?! “
ถ้าเขาจำไม่ผิดลู่โจวเพิ่งจะไขปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นเมื่อเดือนที่แล้ว
ลู่โจวคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ครับ ก็ประมาณนั้น”
แม้ว่าวงการฟิสิกส์ทฤษฎีจะยังไม่ยอมรับงานวิจัยปัญหาการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และมวลพื้นของเขา แต่มันไม่ได้มีผลกับงานวิจัยปฏิกิริยาไฟฟ้าแก่ของเขาเลย
อีกอย่างระบบไฮเทคยอมรับงานวิจัยที่เขาทำและให้เกรด S กับเขา ลู่โจวมั่นใจกับความสามารถทางคณิตศาสตร์ของตัวเองมากๆ
คำพูดของลู่โจวดังก้องในหัวของเชิ่งเซี่ยนฟู่ ราวกับเพิ่งโดนฟ้าผ่า
เขากลืนน้ำลายและพูด “แต่…คุณวางแผนจะนำทฤษฎีนี้ไปใช้กับงานวิจัยของเราอย่างไร”
การนำข้อสรุปในทฤษฎีไปปรับใช้กับปัญหาในทางปฏิบัติ บางครั้งก็ยากยิ่งกว่าการคิดค้นทฤษฎีเองเสียอีก ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะกับงานฟิสิกส์ทฤษฎี ปกติแล้วการนำฟิสิกส์ทฤษฎีมาประยุกต์ใช้จะเกิดขึ้นประมาณร้อยปีหลังจากที่ทฤษฎีถูกค้นพบ แม้ว่าลู่โจวจะสามารถรวมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มกับแรงสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้สำเร็จ เชิ่งเซี่ยนฟู่ก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาสามารถนำทฤษฎีนี่มาปรับใช้กับฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อได้จริงๆ
“นี่คือเหตุผลที่ผมมาที่นี่” ลู่โจวเคาะกองเอกสารและพูด “ผมต้องการให้คุณช่วยตรวจสอบการคาดเดาของผมหน่อย”
เชิ่งเซี่ยนฟู่เปิดเอกสารดูผ่านๆ และเหลือบเห็นเนื้อหาด้านใน
“นี่มัน…”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ใช่ มันคือปรากฏการณ์โซโนลูมิเนสเซนส์”
ลู่โจวเป็นผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาขั้นสูง เขารู้ดีว่าเชิ่งเซี่ยนฟู่กำลังหาอะไรอยู่
ลู่โจวรู้ว่าเชิ่งเซี่ยนฟู่ได้ข้อมูลอะไรมาจากศาสตราจารย์เฉินเหว่ยจงที่สถาบันอะคูสติก รวมไปถึงแบบจำลองต่างๆ ที่เชิ่งเซี่ยนฟู่ทิ้งไป
วงการฟิสิกส์ไม่มีข้อสรุปที่แน่นอนเรื่องแหล่งที่มาของปรากฏการณ์โซโนลูมิเนสเซนส์ บางคนคิดค้นทฤษฎีระเบิดภายในอากาศ หรือทฤษฎีจุดแตกหักของพันธะเคมี อย่างไรก็ตามทฤษฎีที่ดูจะน่าสนใจที่สุดที่สามารถนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์โซโนลูมิเนสเซนส์คือทฤษฎีปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่น
ลู่โจวมองหน้าเชิ่งเซี่ยนฟู่และพูด “ผมรู้ว่าคุณเคยพลาดมาแล้วหลายครั้ง คุณอาจคิดอยากยอมแพ้…ผมแค่อยากจะบอกว่างานวิจัยของคุณจริงๆ แล้วไม่ได้ไร้ประโยชน์เลย คุณแค่ยังไม่เจอวิธีการที่เหมาะสมเท่านั้นเอง”
เชิ่งเซี่ยนฟู่ส่ายหน้า
“ผมลองมาทุกวิธีแล้ว มีอะไรที่ผมต้องทำอีก”
ลู่โจวมองดูเอกสารกองโต
“คำตอบของคำถามคุณอยู่ในเอกสารพวกนี้”
…………………………………………