ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 744 คู่แข่งที่จองหอง

ตอนที่ 744 คู่แข่งที่จองหอง

นิวยอร์ก

ตึกนิวยอร์กไทมส์

ประตูออฟฟิศบรรณาธิการเปิดอยู่ ชายใส่สูทดำเดินเข้ามาด้วยความเร่งรีบ เขาวางกองเอกสารบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ

“แอนเดอร์ นี่คือแบบสำรวจโปรแกรมแอรีส หวังว่าคุณจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้สำหรับการสัมภาษณ์ครั้งต่อไป แล้วส่งกลับมาให้ผมภายในวันนี้”

“โอเคครับหัวหน้า”

ชายชื่อแอนเดอร์หยิบเอกสารขึ้นมา เขาเลียนิ้วชี้และเริ่มเปิดเอกสารทีละแผ่น

แม้ว่าการกระทำนี้จะไม่ค่อยถูกสุขลักษณะเท่าไหร่นัก แต่มันเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้รับข่าวที่น่าตื่นเต้น เขาจะเลียนิ้วตัวเองแม้ว่าเอกสารนั้นจะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม

แอนเดอร์อ่านแบบสำรวจข้อมูลจนเสร็จ เขานั่งตัวตรงและพูดด้วยความตื่นเต้น

“….ไม่อยากจะเชื่อเลย อัตราการอนุมัติการบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.3%”

บรรณาธิการดุ๊คหยิบเอกสารในลิ้นชักออกมา เขายิ้มยิงฟันขณะกำลังเขียนอะไรบางอย่าง

“ใช่แล้ว ผู้คนต่างพากันให้ความสนใจโปรแกรมแอรีสและการคัดเลือกอาสาสมัครกันอย่างมาก โคลัมเบียทีวีได้ติดต่อพวกเขาและอยากจะทำทอล์คโชว์”

แอนเดอร์เงยหน้ามองและพูด “ทอล์คโชว์เหรอ กับใคร? “

ดุ๊ค “ก็กับผู้โชคดีที่ได้รับเลือกสำหรับโปรแกรมแอรีสนั่นไงล่ะ”

ดวงตาของแอนเดอร์เบิกกว้าง เขายืนขึ้นและพูด “บ้าเอ๊ย แล้วมีการคัดเลือกคนทั้งสามคนแล้วหรือยัง”

ดุ๊ค “พวกเขาคัดเลือกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศ เพื่อนของผมที่นาซาบอกว่านักบินอวกาศทั้งสามคนที่ได้รับการอบรมที่ทะเลทรายแอริโซนา และกำลังเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอวกาศอยู่”

แอนเดอร์พูด “พวกเขาเป็นคนธรรมดาหรือเปล่า”

ดุ๊ค “สองคนเป็นประชาชนธรรมดาทั่วไป ส่วนอีกคนเป็นศาสตราจารย์”

แอนเดอร์ส่ายหัวและถอนหายใจขณะที่พูด “…เอาล่ะ ผมคงไม่ได้ถูกเลือก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมต้องจ่ายเงินเพื่อจะได้เป็นอาสาสมัครในโปรเจกต์แบบนี้ ดูเหมือนว่าเงินร้อยเหรียญของผมช่างสูญเปล่า ผมตั้งความหวังว่าจะได้เป็นนักข่าวคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ไปดาวอังคาร แต่ความหวังนี้คงไม่เหลือแล้ว”

ดุ๊คที่กำลังอารมณ์ดีพูดให้กำลังใจเขา “ไม่ขนาดนั้นหรอก แม้ว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นไป แต่ในอนาคตก็มีโอกาสอีกตั้งหลายโอกาส”

ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก

ดุ๊คมองหญิงสาวที่เดินเข้ามา คิ้วของเขาขมวด

“คามิล คุณลืมเคาะประตู”

“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่มีเวลาแล้ว” คามิลพูดขณะที่เดินเข้ามาที่โต๊ะของดุ๊ค เธอสะบัดผมสีบลอนด์และวางโน้ตบุ๊กลงบนโต๊ะ เธอพูด “มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่เอเชีย! เชื่อฉันนะ เรื่องนี้จะต้องเป็นข่าวดังแน่พรุ่งนี้”

หลังจากที่ดุ๊คเห็นว่าคามิลตื่นเต้นมากๆ เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันมาสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น

คามิลไม่ใช่เด็กใหม่

ดุ๊ครู้ว่าคามิลเป็นคนที่ใจเย็น จะต้องมีเรื่องมหัศจรรย์อะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ที่ทำให้เธอตื่นเต้นขนาดนี้

ดุ๊คมองไปที่โน้ตบุ๊ก ภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที เขาอึ้งไป

เขาถามทันที “เชื่อได้จริงไหม”

“ฉันมั่นใจค่ะ” คามิลพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉันติดต่อเพื่อนเก่าที่อยู่ปักกิ่ง และได้รับการยืนยันกับพวกเขาแล้ว เมื่อวาน ประเทศจีนมีการประชุม สภาบริหารแห่งรัฐกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรและองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศเนื้อหาการประชุมในเว็บไซต์หลักของพวกเขา”

แอนเดอร์ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาถาม “นี่มันอะไร”

คามิล “ประเทศจีนโต้ตอบแผนการแอรีสของเรา ด้วยการประกาศแผนการสร้างสถานีอวกาศที่วงโคจรดวงจันทร์ และชื่อของแผนการนี้ก็คือปราสาทจันทรา”

ปราสาทจันทราเหรอ?

ชื่อประหลาด

ไม่ใช่แค่ชื่อเท่านั้นที่ทำให้แอนเดอร์ประหลาดใจ…

“พวกเขาบ้าไปแล้วเหรอ พวกเขารู้หรือเปล่าว่าสถานีอวกาศคืออะไร”

“ฉันก็ไม่รู้” คามิลสูดลมหายใจและพยายามตั้งสติ เธอมองไปที่ดุ๊คและพูด “ไม่ต้องสงสัยเลยข่าวนี้ต้องดังระเบิดแน่พรุ่งนี้”

ดุ๊คจ้องมองไปที่โน้ตบุ๊กเป็นเวลานาน เขาสูดลมหายใจเข้าและพูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“ดีมาก เยี่ยมมาก! “

ดุ๊คตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มคิดว่าพาดหัวข่าวพรุ่งนี้จะเขียนว่าอะไรดี

จีนต้องการสร้างสถานีอวกาศ? พวกเขาทำได้จริงหรือ?

คำคำเดียวที่คิดออกที่สามารถบรรยายสถานการณ์ตอนนี้ได้ก็คือจองหอง พวกจีนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

การประกาศแผนการสร้างสถานีอวกาศบนดวงจันทร์ของประเทศจีนสร้างความฮือฮาให้กับคนทั้งโลก

นิวยอร์กไทมส์ วอชิงตันไทม์ และสื่ออเมริกาต่างๆ รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเทียบกับการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์แล้วข่าวนี้ดึงดูดสายตาผู้คนได้มากกว่า เพราะการสร้างสถานีอวกาศในวงโคจรดวงจันทร์ยากกว่าการส่งยานลงดวงจันทร์หลายเท่า

แม้ว่าอเมริกาจะกำลังทำการวิจัยเรื่องนี้ แต่โปรเจกต์ดวงจันทร์ของพวกเขาก็น่าจะสำเร็จปี 2022

สำหรับคนอเมริกาส่วนใหญ่ พวกเขาคิดว่าแผนการของจีนเป็นไปไม่ได้

พวกเขาคิดว่าประเทศจีนเพิ่งจะส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์หมาดๆ ตอนนี้กลับทำสิ่งที่ดูจะเกินตัวไปหน่อย

สื่อและสำนักพิมพ์ค่อนข้างมีอคติในการทำข่าวนี้ ทำให้บรรดารายการทอล์คโชว์ทั้งกลางวันกลางคืนต่างพากันล้อเลียนประเทศจีน

แม้ว่าคนอเมริกาจะบอกว่าจีนมั่นใจเกินไป แต่ลึกๆ แล้วพอจะมีเหตุผลที่เชื่อว่าจีนอาจทำได้

เพราะสายการบินสกายโกลว์ก็ประสบผลสำเร็จมาแล้ว ขนาดสื่อหัวรุนแรงยังไม่เชื่อสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญนาซาออกมาพูด พวกนั้นเชื่อว่าโปรแกรมดวงจันทร์ที่จีนวางแผนจะต้องล้มเหลว

แม้ว่าโอกาสที่ประเทศจีนจะทำพลาดมีมากถึง 80%

แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือคำวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีนเอง

ลู่โจวไม่รู้ว่าเขาทำให้ใครเคืองหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ

แล้วถ้าเกิดเขาทำจริงๆ แล้วจะทำไม

เพราะคนที่ฉลาดส่วนใหญ่ย่อมไม่โกรธอยู่แล้ว

ส่วนพวกที่ไม่ฉลาด…

ลู่โจวไม่ได้มีธุระอะไรกับพวกเขา

หลังจากที่ลู่โจวกกลับมาถึงจินหลิง เขาก็ยุ่งขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีเวลาจะสนใจกับเรื่องพวกนี้ในอินเทอร์เน็ต

เขานั่งอยู่ในออฟฟิศ ขณะกำลังอ่านเอกสารอยู่ อยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

เขาเงยหน้าขึ้นมองและถาม “ใครครับ”

“ผมชื่อสวี่เหวินห่าว มาจากสถาบันการทดลองชีวเคมี ผมมาพร้อมกับรายงานครับ”

หลัวเหวินเซวียนแทบจะหัวเราะออกมา

อะไรกัน อยู่ในกองทหารหรือไง

ลู่โจวจำได้ว่าเขาเคยขอความช่วยเหลือจากห้องทดลองชีวเคมี เขาเปลี่ยนสีหน้าและพูดขึ้น

“เข้ามา”

ประตูออฟฟิศถูกผลักเปิดออก สวี่เหวินห่าวเดินเข้าไปพร้อมกองเอกสารในมือ

“ศาสตราจารย์ครับ ผลทดสอบที่คุณต้องการอยู่นี่แล้วครับ ส่วนตัวอย่างที่เหลือก็อยู่นี่เหมือนกัน”

ชายหนุ่มวางผลการทดสอบและตัวอย่างที่เหลือบนโต๊ะของลู่โจวด้วยท่าทางที่เอาจริงเอาจัง ลู่โจวรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“…ขอบคุณ”

“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ” สวี่เหวินห่าวยิ้มและเกาหัวตัวเองขณะที่พูด “เอ่อ คุณช่วยเซ็นอะไรให้ผมหน่อยได้ไหม ช่วยเซ็นหนังสือเคมีไฟฟ้าให้ผมที”

อยู่ดีๆ หนังสือเคมีไฟฟ้าก็โผล่มาเหมือนกับเวทมนตร์

ลู่โจวพูด “โอเค…เอามาเลย”

สวี่เหวินห่าวยิ้มและพูด “นี่ครับ”

การเซ็นหนังสือเรียนไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับลู่โจว เพราะเขาต้องเซ็นเอกสารจำนวนมากต่อวันอยู่แล้ว

ลู่โจวเปิดหนังสือเรียนผ่านๆ และเห็นโน้ตที่เขียนด้านใน เขาจึงถามขึ้น “คุณศึกษาเคมีไฟฟ้าด้วยตัวเองเหรอ”

สวี่เหวินห่าวยิ้มและพูด “ครับ ผมกำลังพยายามอย่างมาก! ผมอยากทำงานที่สถาบันวัสดุเชิงคำนวณ”

สถาบันชีวเคมีเคยเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ แม้ว่าที่สถาบันชีวเคมีจะได้รับทุนสำหรับการวิจัยค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่ากับสถาบันวัสดุเชิงคำนวณ

แต่ก็อย่างว่าสถาบันชีวเคมีเป็นหน่วยงานวิจัยที่เพิ่งเปิดใหม่ ส่วนอีกที่ก็เป็นถึงสถาบันวัสดุเชิงคำนวณชั้นนำของโลก ไม่ต้องพูดถึงนักวิชาการบ้านๆ เพราะขนาดดอกเตอร์ชาวต่างชาติยังเข้าสถาบันนี้ยากเลย

คนส่วนใหญ่ที่สถาบันชีวเคมีจะจบปริญญาโทหรือไม่ก็ปริญญาเอก พวกเขาต่างตั้งเป้าหมายที่จะเข้าสถาบันวัสดุศาสตร์เชิงคำนวณ

เพราะวัสดุศาสตร์คล้ายคลึงกับชีวเคมี พวกเขาอยากจะทำงานในสถาบันที่มีกองทุนงานวิจัย

ลู่โจวรู้ว่าสวี่เหวินห่าวกำลังคิดอะไรอยู่ เขาส่ายหัวและยิ้ม แล้วก็เซ็นชื่อของตัวเองลงในหนังสือเรียน

อยู่ดีๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาจึงพูดขึ้น “ผมจำได้ว่าคุณเรียนชีวเคมีใช่ไหม”

สวี่เหวินห่าวไม่คิดว่าลู่โจวจะจำคนธรรมดาๆ แบบเขาได้

เขารู้สึกปลื้มใจ

“ใช่ครับ”

ลู่โจววางปากกาลง เขาคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด

“จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะเข้าสถาบันวัสดุเชิงคำนวณหรอกนะ สถาบันชีวเคมีเป็นกุญแจสำคัญของสถาบันพัฒนาในอนาคต

ดวงตาของสวี่เหวินห่าวเบิกกว้างขณะที่พูด “จริงเหรอครับ”

“ผมจะโกหกทำไมล่ะ” ลู่โจวยิ้มและคืนหนังสือเรียนให้กับสวี่เหวินห่าว ลู่โจวตบไหล่เขาและพูด “ตั้งใจทำให้เต็มที่นะ ผมรอดูความสำเร็จของคุณอยู่”

……………………………………

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท