ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 872 เธอโอเคไหม

ตอนที่ 872 เธอโอเคไหม

หวังเจิ้งเฟยเป็นนักธุรกิจที่รอบรู้

เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจรจากับลู่โจว แต่ตอนที่เขากำลังจะพูดเขาก็รับรู้ข้อมูลจากสีหน้าของลู่โจวได้ทันที

ดูเหมือนว่าลู่โจวไม่อยากทำงานกับพวกเขาอีกแล้ว และพร้อมที่จะร่วมมือกับบริษัทสารกึ่งตัวนำของจีนที่อื่นๆ

เช่น ยูนิสเปลนเดอร์ที่มีความสามารถทางการผลิตเหมือนกับไฮซิลิคอน

ในตอนนั้นหวังเจิ้งเฟยจึงตัดสินใจ

ถ้าสตาร์สกายเทคโนโลยีร่วมมือกับยูนิสเปลนเดอร์หรือบริษัทสารกึ่งตัวนำที่อื่น กุญแจสู่อนาคตสารกึ่งตัวนำคาร์บอนต้องหลุดจากมือเขาไปแน่ๆ

ถ้าหัวเหว่ยอยากจะมีส่วนร่วมในการปฏิวัติคาร์บอนจริงๆ พวกเขาก็จะต้องซื้อชิปเหล่านี้จากบริษัทสารกึ่งตัวนำในราคาที่สูงกว่ามากๆ ถึงแม้พวกเขาจะมีอำนาจในการควบคุมไฮซิลิคอนทั้งหมด มันก็ไม่มีความหมายอะไร

แม้ว่าไฮซิลิคอนจะเป็นบริษัทลูกอันดับต้นๆ ของหัวเหว่ย แต่ถ้าพวกเขาไม่ไล่ตามเวลาให้ทัน บริษัทอื่นก็อาจเข้ามามีอำนาจได้

ถ้าดูจากภายนอกอาจจะเหมือนว่าหัวเหว่ยกำลังประนีประนอม แต่มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น

พวกเขาจะต้องเสียอะไรบางอย่างไปก่อน แต่ค่าตอบแทนที่ได้ในการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ไฮซิลิคอนแข็งแรงขึ้น ผลิตภัณฑ์ของหัวเหว่ยก็จะประสิทธิภาพในการแข่งกับตลาดสากลได้

สิ่งนี้คุ้มค่ามากกว่าแค่การควบคุมบริษัทที่อาจจะล้าสมัยในอนาคต…

หวังเจิ้งเฟยที่กำลังรู้สึกเศร้า อยู่ดีๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมา

เหตุผลที่เขาตัดสินใจทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะต้องการจะเอาใจนักวิชาการลู่

แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม!

หลังจากที่โมลิน่าออกจากจินหลิงเธอไม่ได้บินกลับพรินซ์ตันทันที เธอเลือกที่จะกลับไปที่บ้านเกิดที่ฝรั่งเศสในวันหยุดยาวแทน

ทุกคนต้องการเวลาพักเพื่อชาร์จสมองและผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย

โมลิน่าเองก็เหมือนกัน

แม้ว่าอาชีพของเธอจะเป็นงานอดิเรกของเธอด้วย แต่อาชีพของเธอก็ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขตลอด

โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่เธอต้องแข่งขันกับนักวิชาการคนอื่น…

การเดินทางไปจีนในครั้งนี้ทำให้สมองของเธอเหนื่อยล้ามาก

เธอรู้สึกว่าอาชีพทางคณิตศาสตร์ของเธอไปไม่ถึงไหนและเริ่มรู้สึกว่าชีวิตนั้นช่างอ้างว้าง

ถ้าไม่ใช่เพราะรูปของศาสตราจารย์อาเบลที่แขวนอยู่ในบ้านคุณปู่ เธอก็อาจยอมแพ้เรื่องการทำงานในสายงานคณิตศาสตร์ไปแล้ว

ชายสูงวัยสวมชุดนอนเคาะประตูห้องนอนของโมลิน่า เขาเปิดประตูและเห็นหลานสาวของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาพูดพร้อมสายตาที่แฝงไปด้วยความกังวล

“หนูยังคิดถึงปัญหานั่นอยู่อีกเหรอ”

“เปล่าค่ะ ค่อยคิดตอนที่กลับไปที่พรินซ์ตัน” โมลิน่าส่ายหัวและพูด “หนูจะไม่คิดเรื่องปัญหาคณิตศาสตร์อาทิตย์นี้”

ชายสูงวัย “พ่อของหนูสอนอยู่ที่เอกอล นอร์มาล ซูเพริเยอ แต่หนูแทบจะไม่ได้เจอเขาด้วยซ้ำ ทำไมหนูไม่มาอยู่ที่นี้เลยล่ะ”

โมลิน่าพูดอย่างไม่ลังเล “บรรยากาศที่พรินซ์ตันเหมาะสมกับหนูมากกว่า ที่นั่นมีนักวิชาการเก่งๆ มากมาย แม้แต่การดื่มชายามบ่ายยังสร้างแรงบันดาลใจให้หนูได้”

ชายสูงวัยพูด “แต่ที่เอกอล นอร์มาล ซูเพริเยอก็มีนักวิชาการเก่งๆ หลายคนเหมือนกันนะ”

โมลิน่าพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แต่หนูไม่ชอบปารีส ปารีสมีแต่ขยะ”

และอีกอย่างเธอไม่อยากเจอพ่อของเธอ

ไม่ใช่เพราะเธอมีปัญหากับเขา แต่พวกเขาไม่ค่อยมีความผูกพันทางอารมณ์ เธอและพ่อของเธอเป็นคนคล้ายๆ กัน คนที่อุทิศชีวิตทั้งชีวิตให้คณิตศาสตร์

เธออาศัยอยู่ที่ชานเมืองปารีสตั้งแต่เด็กๆ และโตมาในบ้านของคุณปู่จนกระทั่งเธอเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่พรินซ์ตัน

สิ่งเดียวที่เธอหลงเหลืออยู่ที่นี่ก็คือความทรงจำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ชายสูงวัยมองดูหลายสาวหัวดื้อและถอนหายใจ

“โอเค โมลิน่า ไม่ว่าจะอย่างไรปู่ก็หวังว่าหนูจะมีความสุข คณิตศาสตร์ไม่ใช่ทุกอย่างหรอกนะ”

“อาจจะ” โมลิน่ามองไปที่รูปของอาเบลและพูด “แต่ไม่ใช่สำหรับหนู มันเป็นเพื่อนหนูมาทั้งชีวิต หนูอยากทำสิ่งที่พวกคุณปู่ทำไม่ได้”

ในเสี้ยววินาทีความเจ็บปวดเผยให้เห็นบนหน้าชายแก่คนนั้น

เขานั่งลงบนโซฟาและถอนหายใจ เขาพยายามพูดให้เธอได้คิดตาม

“บางสิ่งบางอย่างก็ต้องพึ่งพรสวรรค์โดยเฉพาะเรื่องของศิลปะ แม้แต่ศิลปินที่เรียนกับครูคนเดียวกันก็ยังเห็นโลกในมุมที่แตกต่างกัน ซึ่งคณิตศาสตร์ก็เหมือนศิลปะ หนูเข้าใจที่ปู่พยายามพูดไหม”

“ไม่เข้าใจค่ะ” โมลิน่าส่ายหัวและมองไปที่รูปภาพบนผนัง หลังจากนั้นเธอพูดด้วยท่าทีที่สับสน “หนูไม่เข้าใจ หนูเป็นญาติกับอาเบลแล้วทำไมถึงไม่ได้ความเก่งจากเขาบ้าง”

ชายสูงวัยมองไปที่โมลิน่าและลังเลเล็กน้อย

“โมลิน่า มีอยู่เรื่องหนึ่ง ปู่ไม่รู้ว่าควรบอกหนูหรือเปล่า”

“อะไรคะ”

ชายสูงวัยกำลังจะพูดแต่เขาก็ส่ายหัว

“ช่างมันเถอะ ลืมไปซะ”

โมลิน่า: “…”

วันหยุดยาวหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

โมลิน่ารู้สึกเหมือนสมองของเธอได้รับการฟื้นฟูแล้ว เธอนั่งเครื่องไปถึงสนามบินนิวยอร์ก ขึ้นแท็กซี่และเข้าไปดู arXiv ในมือถือ

เธอเห็นงานเขียนมากมายที่เป็นการพิสูจน์เชิงคณิตศาสตร์เกี่ยวกับค่าเอปซีลอน ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนที่ขยายค่าเอปซีลอนได้ถึงหนึ่งต่อหนึ่งหมื่น

วงการคณิตศาสตร์ใช้เวลาเจ็ดวันในการขยายตัวเลขจากหนึ่งต่อ 60 ล้านเป็นหนึ่งต่อหนึ่งหมื่น เป็นการพัฒนาที่ค่อนข้างดี

พวกเขากำลังเข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกที งานวิจัยการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกเป็นที่นิยมมากกว่าวิธีการพิสูจน์เส้นวิกฤตไปแล้ว

โมลิน่าอดไม่ได้ที่จะกดดันตัวเอง

เธอไม่อยากจะยอมรับว่าภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนลู่โจวทำให้วิทยานิพนธ์ที่เธอตั้งใจทำมาหลายปีไร้ความหมาย แต่เธอก็ยอมรับว่าวิธีการวิเคราะห์เส้นโค้งไฮเปอร์เอลลิปติกมีเหตุมีผลมากพอที่จะส่งผลต่อหัวข้อทฤษฎีจำนวนเชิงวิเคราะห์ทั้งหมด

แม้ว่าเป้าหมายของวิทยานิพนธ์สมมติฐานของรีมันน์ที่เธอทำจะต่างออกไป แต่เธอก็ควรอ่านวิทยานิพนธ์ของเขาไว้บ้าง…

โมลิน่าบอกตัวเองว่าเธอก็แค่อยากรู้ว่าคู่แข่งของเธอไปถึงไหนแล้ว แม้ว่าเธอจะคิดว่าผลงานวิจัยของลู่โจวออกมาดี ขนาดไหนแต่เธอก็ไม่อยากยอมแพ้เรื่องวิธีการพิสูจน์เส้นวิกฤต

ใช่ ฉันก็แค่ทำงานวิจัย…

หลังจากที่โมลิน่ากลับไปพรินซ์ตัน เธอวางกระเป๋าเดินทางไว้ในห้อง เธอไม่ยอมเสียเวลาและรีบไปห้องสมุดใกล้ๆ เธอตรงไปที่ห้องประชุมที่เธอและเวร่าได้จองไว้

แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปเธอก็เห็นเวร่านั่งฝันกลางวันอยู่แล้ว

“เธอโอเคไหม” โมลิน่าถาม

แก้มของเวร่าซีด ผมบลอนด์ของเธอดูขาดความเงางาม

เวร่าสังเกตเห็นโมลิน่า เธอจึงยิ้มให้อย่างอ่อนแรง

“ฉันไม่เป็นไร แค่เป็นหวัดเอง”

แต่โมลิน่าไม่เชื่อเลยสักนิด

โมลิน่าจับไหล่ของเวร่าและยื่นหน้าผากของตัวเองไปแตะหน้าผากเวร่า

หน้าผากของโมลิน่าสัมผัสถึงความร้อน เธอรีบยืนขึ้นทันที

“ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”

“ไม่เป็นไร ฉันไปมาแล้ว” เวร่าเลี่ยงที่จะสบตาและพูด “หมอให้ยาฉันมาแล้ว ฉันไม่เป็นอะไรหรอก”

โมลิน่ามองไปที่เธออย่างสงสัยแล้วปล่อยไหล่เธอ

“จริงเหรอ?”

“ใช่”

เวร่ารู้สึกคันคอ เธอจึงหยิบกระดาษทิชชู่และไอออกมา

โมลิน่าไม่ค่อยแน่ใจแต่เธอรู้สึกเหมือนจะเห็นเลือดตรงกระดาษทิชชู่ของเวร่า

เธอโอเคหรือเปล่านะ

โมลิน่าเริ่มเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

เวร่าไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน แต่พวกเขาเริ่มสนิทกันแล้ว

เวร่าไม่อยากให้โมลิน่าเป็นห่วง เธอจึงฝืนยิ้มและพูด

“ไม่ต้องสนใจฉันหรอก เล่ามาว่าที่จินหลิงเป็นอย่างไรบ้าง”

โมลิน่าถอนหายใจและพูด

“เธออยากรู้เรื่องอะไรล่ะ

เด็กสาวตอบอย่างประหม่า “ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา”

“เขาออกจากพรินซ์ตันไปตั้งหลายปีแล้ว เขาสบายดีไหม”

………………………………

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท