คณบดีฉินช่วยลู่โจวไว้มากในช่วงที่เขายังเรียนไม่จบ ต่อให้ลู่โจวจะประสบความสำเร็จโดยไม่มีความช่วยเหลือของคณบดีฉิน เส้นทางชีวิตของเขาก็คงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้
ดังนั้นแล้วถึงแม้ลู่โจวจะไม่แน่ใจว่าเขาสามารถพูดชักจูงพวกบอร์ด ICM ได้หรือไม่ เขาก็ตั้งใจว่าจะลองดู
จะว่าไปแล้วสิ่งที่ทำให้ลู่โจวสับสนที่สุดก็คืออะไรทำให้คณบดีฉินมั่นใจจะจัดงานประชุม ICM ตั้งแต่แรก แต่การประชุมนี้จะส่งผลดีกับคณะคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นอย่างมาก
…
ในเมื่อลู่โจวสัญญากับพ่อแม่แล้วว่าเขาจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ เขาจึงตัดสินใจทำงานของเดือนหน้าให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนนี้ มหาวิทยาลัยเองก็เข้าสู่ช่วงสัปดาห์ของการสอบแล้ว เขาจึงกลับมางานยุ่งอีกครั้ง
ปกติแล้วสัปดาห์ของการสอบจะจัดขึ้นช่วงต้นปี จะเป็นเวลาสักสัปดาห์หลังวันปีใหม่ น้อยครั้งมากที่จะมาจัดก่อนวันปีใหม่ ทั้งนักศึกษาทั้งอาจารย์ก็ไม่มีใครชอบการจัดตารางแบบนี้
ปีนี้เป็นปีที่พิเศษกว่าปกตินิดหน่อย นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่จัดตั้งเมื่อไม่นานมานี้ต้องการเพิ่มความเป็นวิชาการและความเชื่อมั่น 4 ประการให้กับการศึกษา
คนจากกระทรวงศึกษาธิการอาจจะอ่านเอกสารจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนพลาดไป เพราะพวกเขาตีความความเชื่อมั่น 4 ประการแบบง่ายว่า ‘ไม่ต้องมีวันหยุดของพวกต่างชาติ’
ดังนั้นแล้วลืมเรื่องตกแต่งแบบคริสต์มาสไปได้เลย ขนาดปาร์ตี้ฉลองวันปีใหม่และงานกาล่าก็ถูกยกเลิกไปแล้ว
แต่ก็ยังมีคนจำนวนน้อยมากๆ เช่น หลัวเหวินเซวียนที่ยังฉลองวันคริสต์มาสอยู่
ไม่ใช่แค่นั้นแต่การสอบในปีนี้ยังจัดในช่วงวันคริสต์มาสอีกด้วย ถึงแม้พวกคนโสดจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พวกอาจารย์ที่วางแผนจะไปเที่ยวมาก่อนหน้าก็ต้องกลับมหาวิทยาลัยไปคุมสอบและตรวจข้อสอบอีก
ถึงแม้ลู่โจวจะไม่สนใจเรื่องงานฉลอง แต่เขาก็ไม่ชอบการจัดตารางแบบนี้เลย
ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยกเลิกงานฉลองด้วยซ้ำ
นี่มันผิดมากๆ
แต่ลู่โจวก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องปัญหาเล็กน้อยพวกนี้หรอก
ไม่ใช่ว่าเขาจะส่งจดหมายไปตำหนิการทำงานได้เสียหน่อย
ถ้าทำได้คงตลกน่าดู
ตอนที่ลู่โจวกำลังกินอาหารอยู่ในโรงอาหาร คณบดีลู่จากคณะคณิตศาสตร์ก็มานั่งลงที่นั่งตรงข้ามเขาแล้วถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เอ่อ…ลู่โจว พรุ่งนี้คุณว่างไหม?”
ลู่โจวรู้ว่าคณบดีต้องการอะไรบางอย่างจากเขา เขาจึงหันไปมองคณบดีด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจ
“มีอะไรเหรอครับ?”
คณบดียิ้มแล้วตอบว่า “เอ่อ…พวกเราต้องการคนมาช่วยคุมสอบน่ะ คุณว่า…”
ลู่โจวส่ายหัว
“ไม่เอาครับ ไม่เอา เหนื่อยไป”
การคุมสอบมันแย่มากๆ
พวกอาจารย์ต้องนั่งอยู่ที่เดิมเป็นชั่วโมงๆ ดูนักศึกษา แล้วก็ฟังเสียงที่ดังมาจากทุกทิศทาง ถึงแม้มหาวิทยาลัยจินหลิงโดยรวมจะไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริตการสอบมากนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนโกงโผล่มาสักคนสองคนเลย จริงๆ เขาจะนั่งอยู่เฉยๆ แล้วไม่สนใจว่ามีใครทุจริตการสอบก็ได้ แต่ตามหลักศีลธรรมแล้วเขาจะไม่ทำอย่างนั้นหรอก…
สั้นๆ เลยก็คือลู่โจวไม่สนใจจะไปดูพวกนักศึกษาปริญญาตรีทำข้อสอบจิ๊บจ๊อยพวกนั้นหรอก ยิ่งให้ไปจับพวกนักศึกษางี่เง่าที่พยายามจะทุจริตข้อสอบจิ๊บจ๊อยพวกนั้นยิ่งไม่น่าสนใจเข้าไปใหญ่
คณบดีลู่อธิบายอย่างรวดเร็ว
“ไม่ ไม่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้ขอให้คุณไปคุมสอบ คือพวกเรามีคนไม่พอน่ะ มหาวิทยาลัยก็เลยอยากให้แต่ละคณะส่งคนไปอย่างน้อยหนึ่งคน คุณเป็นที่ปรึกษาให้นักศึกษาตั้งหลายคนนี่นา คุณให้พวกเขาสักสองคนไปคุมสอบก็ได้ อันที่จริงแล้วถ้าคุณไม่อยากก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมแจ้งเรื่องนี้กับพวกบอร์ดบริหารเอง”
ลู่โจวจะไม่ปล่อยให้คณบดีลู่แจ้งปัญญาจิ๊บจ๊อยนี้กับพวกบอร์ดบริหารหรอก เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นว่า “โอเคครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะส่งนักศึกษาของผมไปก็แล้วกัน คุณส่งข้อมูลเรื่องการสอบมาให้ผมก็พอ”
คณบดีลู่ยิ้มแล้วบอกว่า “โอเคๆ ได้เลย เดี๋ยวผมส่งข้อมูลไปให้คุณทีหลัง…ขอบใจนะ”
ลู่โจว “ด้วยความยินดีครับ”
การตกลงกันเรื่องการคุมสอบจึงลงตัวในที่สุด
หลังจากที่ลู่โจวกินอาหารเย็นเสร็จแล้วเขาก็โทรหาเหอชางเหวิน หลังจากบอกเขาเรื่องคุมสอบแล้ว เขาก็ลุกขึ้นแล้วกลับไปที่ออฟฟิศ
อย่างไรก็ตามพอเขากลับมาออฟฟิศ เขาก็หาเหอชางเหวินไม่เจอ
“เหอชางเหวินไปไหนซะล่ะ?”
“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ” หลินอวี่เซียงตอบ “แต่ฉันจำได้ว่าเขาไปห้องน้ำหลายรอบเลย บางทีอาจจะอาหารเป็นพิษล่ะมั้งคะ”
อาหารเป็นพิษเหรอ?
ลู่โจวเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดีแล้ว
หลังจากนั้น…
ก็กลายเป็นว่าที่เขาสังหรณ์ใจมันถูกจริงๆ ด้วย
เช้าวันถัดมาลู่โจวได้รับสายจากคนที่อยู่ในห้องน้ำ
“ศาสตราจารย์ครับ…ผมพยายามถึงที่สุดแล้ว”
ลู่โจวนิ่งไปสองวินาทีก่อนจะพูดตอบว่า “หมายความว่าอย่างไรน่ะ…ที่ว่าพยายามถึงที่สุดแล้ว?”
เหอชางเหวินพูดด้วยน้ำเสียงอับอายว่า “ผมอาหารเป็นพิษจากมื้อกลางวันเมื่อวาน ผมเข้าห้องน้ำมาทั้งคืนแล้วเนี่ย ตอนนี้ผมก็ยังอยู่ในห้องน้ำอยู่เลย…ผมอาจจะไปคุมสอบไม่ได้!”
ลู่โจวถามอย่างรวดเร็ว “แล้วตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง? หนักไหม? ผมให้คนพาคุณไปโรงพยาบาลได้นะ”
“ไม่ๆ ผมไหวอยู่…”
สายตัดไป แต่ลู่โจวก็ได้ยินเสียงกดชักโครกแทรกเข้ามาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย
ลู่โจวมองจอโทรศัพท์ที่ดำมืดของเขาแล้วเงียบไปพักหนึ่ง
ถ้าท้องเสียก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่าฉันจะให้เขาแบกชักโครกไปนั่งในห้องสอบได้เสียหน่อย
ถ้าทำได้นี่ไม่อยากจะคิด…
ลู่โจวมองไปรอบๆ ออฟฟิศของเขา และเห็นนักศึกษาหานเมิ่งฉี เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ได้หยุดงานวันนี้ เมิ่งฉีมองลู่โจวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
ลู่โจวลังเลนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับสมุดบันทึกในมือ
เธอเป็นนักศึกษาที่ดีเพียงคนเดียวของเขาที่ยังอุตส่าห์มาออฟฟิศเขาในช่วงวันหยุดคริสต์มาส ดังนั้นเขาจะไม่เพิ่มภาระให้เธอก็แล้วกัน
มันก็แค่การสอบเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง
เขาไปคุมเองก็ได้
พอลู่โจวเดินเข้าไปในห้องสอบ ห้องสอบที่เงียบสงบก็เริ่มโกลาหลขึ้นทันที
“ให้ตายเถอะ! เทพลู่เหรอวะน่ะ…”
“บ้าไปแล้ว มีนักวิชาการมาคุมสอบพวกเราด้วย! เวรเอ๊ย โทรศัพท์ฉันอยู่ในกระเป๋า อยากถ่ายรูปอะ”
“เชี่* กระดาษโพยของฉัน…”
ลู่โจวมองทั้งห้องสอบแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองเลขห้องสอบแล้วมองไปทางอาจารย์ที่กำลังทำหน้างงตรงโพเดียม
“อันนี้ห้องสอบทฤษฎีจำนวนใช่ไหมครับ?”
อาจารย์พยักหน้าแล้วพูดด้วยเสียงที่เจือด้วยความเคารพว่า
“ครับ!”
“โอเค ผมมาถูกห้องสินะ” ลู่โจวเดินขึ้นไปยืนตรงโพเดียมที่คุ้นเคยแล้วมองเหล่านักศึกษา จากนั้นเขาก็มองอาจารย์คุมสอบอีกคนแล้วบอกว่า “กำลังจะถึงเวลาเริ่มสอบแล้ว แจกข้อสอบกันเถอะครับ”
“โอเค!”
“…”
ลู่โจวก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกเหมือนอาจารย์ที่คุมสอบอีกคนจะดูตื่นเต้นเกินไปหน่อย…
ไม่นานก็แจกข้อสอบจนครบ
หลังจากที่เสียงกระดิ่งดัง การสอบทฤษฎีจำนวนก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เนื่องจากมีนักวิชาการลู่มาคุมสอบ นักเรียนและแม้แต่อาจารย์ที่คุมสอบก็อยู่ใน ‘โหมดโคตรเกร็ง’ พวกเขานั่งตัวตรง ไม่กระดิก
ลู่โจวมองเหล่านักศึกษาที่กระวนกระวายแล้วอยากจะหัวเราะออกมา แต่เขาก็ไม่อยากจะรบกวนการสอบเช่นกัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในขณะที่นาฬิกาบนกำแพงหมุนไปเรื่อยๆ
ลู่โจวเริ่มรู้สึกเบื่อ เขาหาวแล้วหยิบสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋า เขามีปากกาอยู่ในมือแล้ว จึงเริ่มทำการวิจัยต่อจากที่ค้างไว้เมื่อวาน
อย่างที่คิดไว้ การแก้ปัญหาด้วยตนเองมันน่าสนใจกว่าการนั่งดูคนอื่นแก้ปัญหาเยอะเลย
ลู่โจวกำลังใช้สมาธิอย่างมาก เขาลืมไปเสียสนิทว่าเขามาคุมสอบ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อคนเราทำสิ่งที่ตัวเองชอบ
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว
ลู่โจวหยุดเขียนข้อความ แล้วก็ต้องประหลาดใจว่าเกือบจะหมดเวลาสอบแล้ว
ลู่โจวมองอาจารย์คุมสอบอีกคนที่อยู่หลังห้อง
นี่ฉันเป็นคนเดียวเหรอที่เสียสมาธิ
ถ้าอาจารย์คนสอบอีกคนไม่ทำหน้าที่ด้วยล่ะก็ คงจะไม่แฟร์กับพวกนักศึกษาที่อุตส่าห์ตั้งใจเรียนมาทำข้อสอบแน่ๆ
ลู่โจวกำลังจะลุกขึ้นยืนแล้วขยับแขนชาๆ ของเขา ตอนที่เขาเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ
เขาเห็นเด็กสาวอายุน้อยที่หน้าตาดีคนหนึ่ง เธอนั่งก้มหน้าอยู่ตรงที่นั่งริมหน้าต่าง แขนข้างหนึ่งของเธอแนบชิดกับหัว และผมของเธอก็ทำหน้าที่เหมือนม่านกำบังทำให้เกิดจุดบอดได้
ประสบการณ์สมัยเป็นนักศึกษาของลู่โจวบอกเขาว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้กำลังทำเรื่องดีอยู่แน่ๆ
ถึงแม้ลู่โจวจะไม่เคยทุจริตข้อสอบมาก่อน แต่เขาก็เคยเห็นคนทุจริตมาแล้วมากมาย
เขาลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างเงียบๆ แล้วเริ่มเดินตรงไปหาเด็กสาวคนนั้น
ลู่โจวเดินไปอยู่ข้างหลังเธออย่างเงียบๆ แล้วมองโต๊ะของเธอ
อย่างที่คาดไว้เลย…
หน้าจอโทรศัพท์ของเธอสว่างเสียยิ่งกว่าประภาคารยามค่ำคืนเสียอีก
เขาเห็นนิ้วเล็กของเธอกำลังกดโทรศัพท์อยู่ด้วยซ้ำ
ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว
ลู่โจวกระแอมเบาๆ
“อะแฮ่ม”
นักศึกษาสาวคนนั้นทำท่าเหมือนกระต่ายตกใจ ไหล่ของเธอตั้งขึ้น และเธอก็เกือบจะทำโทรศัพท์หล่นลงพื้น
พอเธอสบสายตากับลู่โจว ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดในขณะที่ละล่ำละลักออกมาว่า “อา..อาจารย์คะ…เอ่อ ไม่ใช่อย่างที่เห็นนะคะ”
ไม่ใช่อย่างที่เห็นเหรอ?
“เฮ้อ…” ลู่โจวถอนหายใจแล้วส่ายหัว “ผมเคยสอนพวกคุณแค่ไม่กี่คาบเองในเทอมนี้ แต่นี่มันจะเกินไปหน่อยมั้ง”
นักศึกษาหน้าตาดีคนนั้นตกใจกลัว เธอเกือบจะเริ่มร้องไห้แล้ว
อาจารย์คุมสอบอีกคนสังเกตเห็นความวุ่นวายแล้วและรีบเดินมาหา
อาจารย์หนุ่มหยิบโทรศัพท์ของเธอออกไปอย่างไม่ไยดี และพูดกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงเคร่งครัด ราวกับต้องการจะทำให้ลู่โจวประทับใจ
“โกงข้อสอบ ปรับศูนย์คะแนน! ทำทัณฑ์บน!”
เด็กสาวพูดออกมาด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “อาจารย์คะ อาจารย์ไม่ทำทัณฑ์บนหนูได้ไหม? แม่หนูเขาเข้มงวดมากเลย แม่จะต้องฆ่าหนูแน่ๆ อาจารย์คะ เราไปคุยกันข้างนอกได้ไหม…”
เธอลุกขึ้นยืนแล้วคว้าแขนลู่โจว พยายามจะเดินออกไปข้างนอก แต่ลู่โจวก็ยังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหน
เขารีบดึงแขนตัวเองกลับมา
“นักศึกษาครับ แม่อาจารย์เองก็เป็นคนเข้มงวดมากๆ เหมือนกัน!”
แต่ด้วยอะไรบางอย่าง ทั้งห้องสอบก็ขำออกมาดังลั่น
ใบหน้าของนักศึกษาสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอพยายามจะอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาเพื่อแก้ตัว
ลู่โจวมองทั้งห้องสอบที่โกลาหลไปแล้วและเริ่มคิดว่า
เวรเอ๊ย!
ข้อสอบปีนี้ต้องง่ายเกินไปแน่ๆ เด็กพวกนี้ถึงเอาแต่ขำกัน
บางที…
ฉันน่าจะตรวจโหดๆ เสียหน่อย
…………………