อันที่จริงแล้วเสี่ยวถงเขียนวิทยานิพนธ์เพียงเพื่อให้จบการศึกษาเท่านั้น เธอขอให้พี่ชายของเธอช่วยเรื่องแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อการหาทางเลือกที่ดีที่สุด แต่วิทยานิพนธ์กลับลงเอยด้วยการทำให้สาขาเศรษฐศาสตร์ยุ่งเหยิง…
แบบจำลองบิวลีย์ที่ปรับปรุงแล้ว… หรือที่เรียกกันว่า แบบจำลองลู่-บิวลีย์ นั้นเหนือกว่าแบบจำลองบิวลีย์รุ่นก่อนหน้ามาก ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพด้านการคำนวณและความแม่นยำของผลการคำนวณ นี่จึงเป็นประโยชน์อย่างมากต่อนักเศรษฐศาสตร์มหภาคทั่วโลก
และมันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น
สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจไม่ใช่แค่ความยอดเยี่ยมของแบบจำลองลู่ บิวลีย์ แต่ยังมีข้อเท็จจริงอีกอย่างคือศาสตราจารย์ลู่กำลังทำงานวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์!
และเขาก็ได้สร้างผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมออกมาแล้ว!
แบบจำลองบิวลีย์เคยเป็นแบบจำลองที่ทันสมัยสำหรับเศรษฐศาสตร์มหภาคมาโดยตลอด มันเป็นหนึ่งในคอนเซ็ปต์ทางคณิตเศรษฐศาสตร์ที่คลาสสิก
แต่ในตอนนี้ได้มีแบบจำลองที่ทรงพลังยิ่งกว่าปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเข้าแล้ว แล้วพวกเขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ได้ตั้งชื่อแบบจำลองนี้อย่างเป็นทางการ แต่แวดวงวิชาการก็ได้ตั้งชื่อมันเพื่อเขา
นั่นก็คือแบบจำลองลู่ บิวลีย์!
นี่เป็นวิทยานิพนธ์เพื่อจบการศึกษาของเสี่ยวถง แต่จุดสนใจของผู้คนทั้งหมดกลับไปอยู่ที่พี่ชายของเธอ อย่างไรก็ตามถึงเธอไม่ได้รู้สึกไม่เห็นด้วย แต่เธอแทบจะรู้สึกโล่งใจ
เธอรู้ว่าเธอคงไม่มีวันจะผลิตงานวิจัยในระดับนี้ด้วยตัวเองได้
ด้วยเหตุนี้ ในตอนท้ายของวิทยานิพนธ์เธอได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า แบบจำลองทางคณิตศาสตร์โดยส่วนใหญ่แล้วสำเร็จได้เพราะลู่โจว และเธอก็รับผิดชอบในเรื่องทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์และการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นหลัก
อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้วิจัยร่วม ฉะนั้นหลังจากวิทยานิพนธ์ได้รับการตีพิมพ์ เธอจึงไม่ได้ถูกรบกวนใดๆ โดยไม่จำเป็น
แต่ในส่วนของที่ปรึกษาของเธอ ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ ผู้ซึ่งมีชื่อเป็นผู้วิจัยหลักกลับมีอีเมลเข้ามาล้นหลาม
ศาสตราจารย์วัยกลางคนท่านนี้รู้สึกดีใจอย่างมาก
การอนุมัติให้นักศึกษาคนหนึ่งจบการศึกษาโดยให้เขามีชื่อเป็นผู้วิจัยหลักของวิทยานิพนธ์อันยอดเยี่ยมเป็นการแลกเปลี่ยนนั้นเป็นหนึ่งในการแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดที่เขาเคยทำมา!
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือชื่อของเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแบบจำลองลู่ บิวลีย์…
…
ณ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
ห้องทำงานในภาควิชาเศรษฐศาสตร์
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงโมโหใส่ผู้สื่อข่าว BBC ที่น่าสงสารคนหนึ่งว่า
“ผมคิดว่าชื่อแบบจำลองลู่ บิวลีย์ มันไม่ยุติธรรมสิ้นดี! ในฐานะผู้วิจัยหลักของงานวิจัยนี้ ผมคิดว่าชื่อของผมควรจะต้องอยู่ในชื่อแบบจำลองด้วย! นี่มันแย่มาก!”
คนเช่นศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ไม่เคยรู้สึกพอใจอะไรเลย
แม้ว่าศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์จะรู้ว่าวิทยานิพนธ์นี้ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะดีเลิศถึงเพียงนี้ เขาไม่คาดคิดว่าแวดวงเศรษฐศาสตร์มหภาคทั้งหมดจะชื่นชมงานวิจัยนี้อย่างมาก งานวิจัยนี้ดึงดูดกระทั่งความสนใจของผู้มีชื่อเสียงได้มากมาย!
อย่างครุกแมน…
ฟอร์สเตอร์ได้พูดถึงทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การค้าระหว่างประเทศของครุกแมนอยู่บ่อยครั้งในการบรรยายของเขา เขาไม่เคยคาดคิดว่าครุกแมนจะให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับงานวิจัยของเขาในส่วนของไฮไลท์ด้านวิทยาศาสตร์
จริงๆ แล้ววิทยานิพนธ์แบบจำลองลู่ บิวลีย์ มีความโดดเด่นในส่วนของไฮไลท์ด้านวิทยาศาสตร์ที่โด่งดัง นี่เป็นครั้งแรกที่ชื่อของแบบจำลองลู่ บิวลีย์ ปรากฏให้เห็น โลกเศรษฐศาสตร์ทั้งหมดตัดสินใจยอมรับชื่อนี้
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นแต่ก็โกรธจัดด้วยเช่นกัน
ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเขามีส่วนในการทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์!
ผู้สื่อข่าว BBC ได้พยายามทำให้ฟอร์สเตอร์สงบลงแต่ก็ไม่เป็นผล เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำการสัมภาษณ์ต่อ
“แต่คุณฟอร์สเตอร์ครับ จากข้อมูลของนักวิชาการคนหนึ่งจากราชบัณฑิตสภาทางวิทยาศาสตร์ เนื้อหาสำคัญของงานวิจัยคือด้านคณิตศาสตร์ที่ทำเสร็จสมบูรณ์โดยศาสตราจารย์ลู่โจวต่างหาก… คุณได้มีส่วนร่วมในแบบจำลองตรงไหนโดยเฉพาะบ้างครับ?”
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ตะลึงงันไป
“อืม… การมีส่วนร่วมมักจะไม่ได้สะท้อนให้เห็นในตัวงานวิจัยเองหรอก” ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์พูดอย่างกระอักกระอ่วน “คุณรู้ไหมว่าเมื่อมันเป็นงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในด้านทฤษฎี การรวบรวมและตีความข้อมูลก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากอีกสิ่งหนึ่ง การที่จะสามารถทำงานร่วมกับนักวิชาการระดับโลกได้ก็เป็นงานของนักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน!”
เขาพูดถูก
ทักษะด้านสังคมก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์
ยังมีแม้แต่คนที่มีความสามารถด้านการวิจัยต่ำกว่ามาตรฐานแต่ก็ยังสามารถสร้างผลการวิจัยที่ดีได้เพราะเส้นสายของพวกเขา
อย่างไรก็ตามนักวิชาการส่วนมากมีบุคลิกที่ค่อนข้างเก็บตัว ถ้าใครสักคนสามารถเชื่อมโยงนักวิชาการสองคนเข้าด้วยกัน หรือแม้แต่ให้พวกเขาสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน พวกเขาก็อาจจะสร้างความขัดแย้งบางอย่างได้
ยกตัวอย่างเช่น มอนต์โกเมอรี ผู้ซึ่งศึกษาทฤษฎีจำนวน และไดสัน ที่ศึกษาด้านฟิสิกส์ ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อนที่โจวาลา “ปรมาจารย์นักสังคม” ของพรินซ์ตันจะเชื่อมสัมพันธ์พวกเขาเข้าด้วยกัน
แต่…
หลังจากที่ผู้สื่อข่าว BBC ได้ยินคำอธิบายของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ เขาก็มีสีหน้าที่อึดอัดใจ
“แต่จากแหล่งข้อมูลของเรา เหตุผลที่ศาสตราจารย์ลู่เข้าร่วมในงานวิจัยก็เพราะคุณลู่เสี่ยวถง น้องสาวของเขา มีส่วนร่วมในโปรเจกต์นะครับ”
ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์พูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดว่า “พอกันที! ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ และผมก็เป็นคนที่พาเธอเข้าสู่โลกวิชาการ! คุณคิดว่าจริงๆ แล้วใครมีส่วนร่วมมากกว่ากันล่ะ!”
การสัมภาษณ์ยังดำเนินต่อไปในห้องทำงาน
แม้ว่าประตูจะปิดอยู่ แต่เสี่ยวถงก็ยังคงได้ยินคำพูดอันฉุนเฉียวของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ทะลุประตูออกมา
ถ้านี่เป็นเมื่อก่อนเธอคงจะรู้สึกกังวลเล็กน้อย
แต่ตอนนี้เธอเพียงแค่รู้สึกโล่งใจและภูมิใจ
นี่เป็นเวลาที่เธอจะได้บอกลาสถานที่แห่งนี้แล้ว
แอนสลีย์ยืนอยู่ตรงทางเดินด้านนอกเช่นกัน แล้วเธอก็มองมาที่เสี่ยวถงและพูดว่า “ยินดีด้วยที่เรียนจบ… บางทีฉันก็คิดว่าสิ่งที่เธอเลือกถูกต้องแล้ว แต่ก็มีหลายสิ่งที่ฉันพูดไม่ได้”
เสี่ยวถงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธออยากจะพูดอะไร”
แอนสลีย์ยักไหล่แล้วพูดว่า “ดีแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนว่าฟอร์สเตอร์เถียงเหมือนเด็กเล็กๆ”
เสี่ยวถงปัดผมของเธอแล้วยิ้ม
“ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
แล้วแอนสลีย์ก็พูดว่า “เธอได้ตัดสินใจหรือยังว่าเธออยากจะไปที่ไหน?”
“ยังเลย ฉันแค่อยากจะไปพรินซ์ตัน แต่ฉันยังไม่ได้คิดเลยว่าจะสมัครกับอาจารย์คนไหนดี” เสี่ยวถงนิ่งไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ฉันยังไม่รีบ ฉันยังมีวันหยุดให้คิดเรื่องนี้ บางทีฉันอาจจะอ่านพวกงานวิจัยอย่างละเอียด ดูว่าทิศทางการวิจัยด้านไหนที่น่าสนใจ”
“ฉันคิดว่าเธอควรจะคิดให้ถี่ถ้วน อย่าตัดสินใจเร็วเกินไป” แอนสลีย์พูด “อีกอย่าง เธอควรจะรออีกสักพักก่อนจะถามเขาเรื่องจดหมายรับรอง… ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในช่วงที่อารมณ์ดีที่สุด ใครจะรู้ว่าเขาจะทำอะไรลงไป”
เสี่ยวถงพูดอย่างไม่จริงจัง “จริงๆ แล้วจดหมายรับรองไม่สำคัญหรอก บวกกับลักษณะนิสัยของศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์แล้ว… ฉันมีโอกาสจะถูกลอตเตอรี่มากกว่าจะได้จดหมายรับรองของเขาอีก”
เธอไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องจดหมายรับรองมากนัก
แม้ว่าจดหมายจะมีความสำคัญ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญมาก
ด้วยเธอนั้นมีวิทยานิพนธ์ด้านเศรษฐมิติที่ประสบความสำเร็จ อาจารย์ส่วนมากจึงอาจจะพิจารณาใบสมัครปริญญาเอกของเธออย่างแข็งขัน แม้ว่าจะไม่มีจดหมายรับรอง
แอนสลีย์ยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนเธอจะคิดทุกอย่างออกหมดแล้ว งั้นฉันขออวยพรเธอ… สุขสันต์วันตรุษจีนนะ”
“ขอบคุณนะ”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อเธอก็สั่น
“รอเดี๋ยวนะ… ฉันว่าฉันได้รับการแจ้งเตือน”
แอนสลีย์พูดว่า “เอาเลย เปิดเลย”
เสี่ยวถงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วชำเลืองมองการแจ้งเตือนอีเมล เธออ่านหัวข้อแล้วยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
แอนสลีย์สังเกตเห็นสีหน้าของเธอจึงถามขึ้นว่า “มีอะไร?”
“ฉัน…” เสี่ยวถงสงบสติอารมณ์ของตัวเองและพูดว่า “ได้รับจดหมายจากศาสตราจารย์ครุกแมน”
“ครุกแมน? พอล ครุกแมน จากพรินซ์ตันเหรอ?” แอนสลีย์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “โอ้ พระเจ้า! ครุกแมน! ฉันอ่านงานวิจัยของเขาเมื่อสองสามวันก่อน! เขาว่ายังไงบ้าง?”
“เขาบอกว่า…” เสี่ยวถงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อแล้วพูดว่า “เขาเชิญให้ฉันไปเรียนปริญญาเอกกับเขา… นั่นคือสิ่งฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ”
แอนสลีย์ “…???”
……………….