หอพักพรินซ์ตัน
รถยนต์สีเงินวนอยู่ตรงหัวมุมและจอดลงที่ตรงทางเข้า
ฉินเยว่ดับเครื่องและพูดว่า
“ถึงแล้วครับ”
เสี่ยวถงปลดเข็มขัดนิรภัยและพูดอย่างสุภาพว่า “ขอบคุณที่มารับนะคะ”
ฉินเยว่ยิ้มและพูดว่า “ด้วยความยินดี คุณอยากให้ช่วยยกกระเป๋าไหม?”
เมื่อตอนที่ฉินเยว่เรียนอยู่ที่พรินซ์ตัน ลู่โจวก็ได้ช่วยเหลือเขาไว้หลายเรื่อง ตอนนี้ก็เป็นโอกาสของเขาแล้วที่จะตอบแทนความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตามเสี่ยวถงก็เหมือนกับพี่ชายของเธอ เธอไม่ชอบรับความช่วยเหลือจากคนอื่น เสี่ยวถงจึงปฏิเสธข้อเสนอของฉินเยว่อย่างนุ่มนวลในทันที
“ไม่ต้องหรอก ขอบคุณค่ะ ฉันยกได้”
ฉินเยว่พยักหน้าและพูดว่า “โอเค งั้นถ้าคุณต้องการอะไรก็โทรหาผมได้เลยนะ”
“ได้ค่ะ ไว้เจอกัน”
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
หลังจากกล่าวลาฉินเยว่ เสี่ยวถงก็ตรงไปที่แผนกต้อนรับของหอพักและรับกุญแจห้องของเธอ แล้วเธอก็ลากสัมภาระของเธอทั้งหมดขึ้นไปชั้นบน
เธอได้สมัครเข้าที่พักสำหรับนักศึกษาทางออนไลน์และที่หอพักนี้ก็ตกแต่งไว้เรียบร้อยและพร้อมเข้าอยู่แล้ว
หลังจากเสี่ยวถงเข้ามาในห้องของเธอ เธอก็ใช้เวลาสองชั่วโมงในการเอาของออกจากกระเป๋าและจัดของให้เป็นระเบียบ จากนั้นเธอก็หยิบเอกสารและไปที่แนสซอฮอลล์ ซึ่งเป็นตึกบริหารของพรินซ์ตัน
จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่พรินซ์ตัน
เมื่อสองสามปีก่อนเธอมาที่นี่เป็นเวลาสองเดือนหลังจากเรียนจบชั้นมัธยม หลังจากช่วงปิดเทอมของเธอจบลง เธอก็กลับไปและเริ่มเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยจิน
แล้วในตอนนั้นพี่ชายของเธอก็ยังเป็นศาสตราจารย์ที่พรินซ์ตันอยู่ เธอยังจำผู้ช่วยที่น่ารักและพูดจาอ่อนหวานได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามผู้ช่วยของเขาขี้อายมาก และแม้ว่าเสี่ยวถงจะพยายามพูดคุยกับเธอ แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน
“ฉันสงสัยว่าเธอยังอยู่ที่นี่ไหม”
หลังจากเสี่ยวถงออกจากออฟฟิศฝ่ายบริหาร เธอก็กลับมาที่ห้องพักของเธอ เธอนอนลงบนเตียงแล้วเหยียดแขนขาออก
“ถ้าเพียงแต่ฉันจะหาเธอเจอแล้วผูกมิตรกับเธอ… แต่ก็นั่นแหละ เธออาจจะจำฉันไม่ได้หรือเปล่า? มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว”
เสี่ยวถงเหนื่อยมาทั้งวัน ฉะนั้นไม่นานนักเธอก็เริ่มกรน
หลังจากการเดินทางอันยาวนาน ในที่สุดเธอก็ได้นอนหลับอย่างสบายเสียที
เธอนอนหลับไปอย่างเป็นสุขกระทั่งถึงเวลาเจ็ดโมงเช้าของวันต่อมา แล้วเธอก็หาวก่อนจะคลานลงจากเตียง
จากนั้นเสี่ยวถงก็มองดูปฏิทินบนโทรศัพท์ของเธอก่อนจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำให้ตัวเองสดชื่น หลังจากนั้นเธอก็เปิดคอมพิวเตอร์และส่งอีเมลไปหาศาสตราจารย์ครุกแมน อาจารย์ที่ปรึกษาในอนาคตของเธอ
ระหว่างที่เธอยังเตรียมอาหารเช้าอยู่ เธอก็ได้รับอีเมลหนึ่งฉบับ
“เขาตอบกลับมาแล้วเหรอ?”
เธอคิดว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอน่าจะใช้เวลาสองสามวันในการตอบกลับ เธอคาดไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมง
อีเมลเขียนมาสั้นๆ โดยทั่วๆ ไป ครุกแมนได้ขอบคุณเธอที่เลือกพรินซ์ตันและบอกเธอให้รายงานไปยังออฟฟิศของเขาเมื่อเธอพร้อมที่จะเริ่มศึกษาปริญญาเอก
ที่อยู่ออฟฟิศของเขามีอยู่ในอีเมล
เธอครุ่นคิดว่าเธอควรรออีกสองสามวันและทำความคุ้นเคยกับที่นี่ก่อนค่อยรายงานไปที่ออฟฟิศดีหรือไม่ อย่างไรก็ตามเธอคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเธอไปตอนนี้เลยและสร้างความประทับใจในครั้งแรก
ดังนั้นเธอจึงรีบกินอาหารเช้า ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ และมุ่งออกไป
ด้วยความที่เธอดูเส้นทางเก่ง เธอจึงหาออฟฟิศของศาสตราจารย์ครุกแมนในตึกเศรษฐศาสตร์เจอได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเธอเข้าประตูมาก็มีเสียงดังออกมาจากออฟฟิศ ซึ่งเกือบจะทำให้เธอกลัว
“ยินดีต้อนรับสู่พรินซ์ตัน! คุณคุ้นเคยกับที่นี่หรือยัง?”
เสี่ยวถงถอยกลับไปครึ่งก้าวและดูให้แน่ใจว่าเป็นศาสตราจารย์ครุกแมนจริงๆ ที่กำลังพูดกับเธอ เธอสงบสติอารมณ์และพูดว่า
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมาเรียนที่ต่างประเทศค่ะ ฉันก็เลยค่อนข้างชิน”
ศาสตราจารย์ครุกแมนถามด้วยความอยากรู้ว่า “เคยอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือน? ผมคิดว่าคุณเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินตอนปริญญาตรีแล้วก็เรียนที่ออกซฟอร์ดตอนปริญญาโท… งั้นคุณเคยมาแลกเปลี่ยนที่นี่เหรอ?”
“เอ่อ ก็ไม่เชิงค่ะ… เหมือนมาเยี่ยมญาติมากกว่า?” เสี่ยวถงตอบ เธอคาดไม่ถึงว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอจะรู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้ เธอจึงตกใจเล็กน้อย
“อ้อ” ครุกแมนยิ้มและพูดว่า “งั้นผมคงไม่ต้องกังวลว่าคุณจะหลงทางในมหาวิทยาลัย มันไม่มีขอบเขตที่แยกกันชัดเจนระหว่างเมืองกับบริเวณมหาวิทยาลัย ฉะนั้นมันก็เลยหลงทางกันได้ง่าย… วิสล์ ช่วยให้นักศึกษาคนนี้คุ้นเคยกับที่นี่หน่อย ผมต้องไปโทรศัพท์”
“ได้ครับศาสตราจารย์” วิสล์ตอบ วิสล์เป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่มีกระบนหน้าและสวมแว่นตากรอบหนา เขามองมาที่เสี่ยวถงและพูดว่า “ผมชื่อวิสล์ เป็นนักศึกษาปริญญาเอก ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“… ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันชื่อ ลู่เสี่ยวถง”
วิสล์จับมือทักทายเธออย่างสุภาพและพูดว่า
“ลู่เสี่ยวถง? ตามผมมา”
วิสล์พาเสี่ยวถงไปที่โต๊ะทำงานที่ว่างอยู่ตรงข้างหน้าต่างและเขาก็พูดว่า “นี่คือที่ที่คุณจะต้องทำงาน ถ้าคุณมีคำถามอะไรสามารถถามผมหรือครุกแมน… หรือคนอื่นๆ ในออฟฟิศได้เลย เราจะพยายามช่วยคุณ แต่คุณจะต้องทำด้วยตัวคุณเองเป็นส่วนใหญ่นะ”
เสี่ยวถง: “ขอบคุณค่ะ…”
“คุณควรจะต้องขอบคุณผม เมื่อวานนี้ตอนผมเลิกงานครุกแมนโทรมาและบอกผมให้มาทำความสะอาดโต๊ะทำงานที่ว่างอยู่นี่” วิสล์ยักไหล่และพูดว่า “โดยปกติแล้วนักศึกษาใหม่จะเป็นคนทำความสะอาดโต๊ะ… แต่ครุกแมนดูจะเอาใจใส่คุณมาก”
เสี่ยวถงพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจว่า “ฉันทำความสะอาดเองได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก มันไม่สำคัญอะไร” วิสล์พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ผมจะแนะนำคุณให้คนอื่นๆ ในออฟฟิศได้รู้จัก”
“โอเค…”
วิสล์กำลังจะแนะนำนักศึกษาใหม่ให้คนอื่นๆ ในออฟฟิศได้รู้จักขณะที่ครุกแมนเดินเข้ามาในออฟฟิศพร้อมกับรอยยิ้ม
“คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว! ผมจะจัดการเอง วิสล์ คุณไปทำงานของคุณเถอะ”
“อ้อ… ได้ครับ” วิสล์พูด เขาสับสนเล็กน้อยว่าทำไมศาสตราจารย์จึงกระตือรือร้นเป็นพิเศษ แต่เขายังพยักหน้าและพูดว่า “ผมจะไปทำวิทยานิพนธ์ต่อ… ไว้ผมจะแนะนำคุณให้คนอื่นๆ ทีหลังนะ”
“โอเค ขอบคุณค่ะ”
เสี่ยวถงพยักหน้าและมองมาที่ครุกแมน ผู้ซึ่งกำลังยิ้มอย่างอบอุ่น
ปกติพรินซ์ตันต้อนรับกันแบบนี้เหรอ?
ทำไมฉันไม่เคยได้ยินพี่ชายของฉันพูดถึงเรื่องนี้…
ศาสตราจารย์ครุกแมนเดินตรงมาหาเสี่ยวถงพร้อมกับยิ้มและพูดอย่างสุภาพว่า
“ผมอ่านวิทยานิพนธ์ตอนจบการศึกษาของคุณมาหลายรอบซึ่งเขียนได้ดีทีเดียว แม้ว่าจะมีข้อบกพร่องบ้าง แต่การที่คนอายุเท่าคุณสามารถเขียนวิทยานิพนธ์ได้แบบนี้ช่างน่าประทับใจ คนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้ยังหาได้ยากเลยในสถานที่อย่างพรินซ์ตัน”
เขากระแอมและพูด
“เพราะคุณมีความรู้ทางทฤษฎีมาบ้างแล้ว ผมจะพยายามพัฒนาความสามารถด้านอื่นๆ ของคุณให้ดีขึ้น… จะว่าไปแล้ว เสี่ยวถง คุณเคยเข้าร่วมการประชุมทางวิชาการมาก่อนไหม?”
เสี่ยวถงตอบว่า “ฉันเคยไปกับอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันค่ะ…”
ครุกแมนลูบคางแล้วถามว่า “เป็นการประชุมที่ดีไหม?”
เสี่ยวถงพูดอย่างลำบากใจว่า “ก็ไม่เชิงเท่าไรค่ะ…”
โชคไม่ดีที่ศาสตราจารย์ฟอร์สเตอร์ อาจารย์ที่ปรึกษาคนก่อนของเธอ ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงในสาขาเศรษฐศาสตร์มหภาค ฟอร์สเตอร์จึงไม่ได้ให้โอกาสในโลกวิชาการกับเธอมากนัก เสี่ยวถงจึงไปฝึกงานที่ธนาคารเพื่อการลงทุนใหญ่ๆ แทน
ในตอนนั้นเสี่ยวถงไม่รู้ว่าเธอต้องการจะไปต่อในเส้นทางวิชาการหรือไม่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจในการประชุม เธอเพียงแค่ไปเข้าร่วมการประชุมบางส่วนกับอาจารย์ที่ปรึกษาเท่านั้น
“งั้นก็ยอดเยี่ยม!”
ดวงตาของครุกแมนเป็นประกายราวกับว่าเขามีความคิดสุดบรรเจิด เขาพูดว่า “มีการประชุมเศรษฐศาสตร์มหภาคที่เซี่ยงไฮ้สัปดาห์นี้ การเข้าร่วมการประชุมทางวิชาการเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงวิชาการ และเพียงแค่ได้เข้าไปฟังการนำเสนอก็เป็นประโยชน์แล้ว มีนักวิชาการและนักศึกษาปริญญาเอกไปเข้าร่วมมากมาย ถ้าคุณไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อนผมจะพาคุณไปด้วย”
เสี่ยวถงสังเกตว่าวิสล์ รวมทั้งนักศึกษาคนอื่นๆ ในออฟฟิศ มองมาที่เธอด้วยสายตาที่อิจฉา
ในฐานะนักวิชาการที่ได้รับรางวัลโนเบล ครุกแมนแทบจะไม่ได้เข้าร่วมการประชุมพร้อมกับนักศึกษา เว้นแต่ว่านักศึกษาคนนั้นจะทำการนำเสนอในการประชุม
แต่ในตอนนี้…
เสี่ยวถงเข้ามาอยู่ในออฟฟิศไม่ถึงชั่วโมง แต่เธอกลับได้รับการปฏิบัติแบบ ‘วีไอพี’ แล้ว
ฉันอิจฉาเธอมาก!
เสี่ยวถงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยกับสายตาของทุกคนที่มองมาที่เธอ
“แต่… ฉันยังไม่ได้เตรียมตัว บางทีคุณน่าจะพาคนอื่นไปดีกว่านะคะ”
“ไม่เป็นไร! คุณไม่ต้องเตรียมตัวอะไรทั้งนั้น” ศาสตราจารย์ครุกแมนพูด “วันหนึ่งเธอจะได้เผยแพร่วิทยานิพนธ์ในการประชุมระดับสุดยอด ดังนั้นเธอควรจะทำตัวให้ชินกับขั้นตอนนี้ มันจะเป็นประโยชน์กับเธออย่างมากในอนาคต”
เสี่ยวถงไม่สามารถจะหาข้ออ้างในการปฏิเสธคำเชิญได้
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากจะพลาดโอกาสนี้
อย่างไรก็ตามเธอเพิ่งจะบินจากเซี่ยงไฮ้มาที่นี่ และตอนนี้เธอก็ต้องบินกลับไปพร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ…
เมื่อเสี่ยวถงนึกถึงการต้องนั่งเครื่องบินเป็นเวลา 20 ชั่วโมง เธอก็เริ่มจะปวดหัว…
…………………