อาทิตย์ที่สามของเดือนพฤษภาคม
ขณะที่อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกต้องเผชิญกับมรสุมมากมาย ข้อความจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกากลับเติมน้ำมันลงในเชื้อไฟ
โฆษกกระทรวงพาณิชย์แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อมวลชน
“หลังจากที่มีการสืบสวนอย่างยาวนานเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ เราได้ตรวจสอบทางกฎหมายกับบริษัทพลังงานทางเลือก 16 แห่งทั่วโลก และปรึกษากับผู้นำทางอุตสาหกรรม”
“เรามีหลักฐานมากเพียงพอที่จะสงสัยว่าสตาร์สกายเทคโนโลยีกำลังสร้างตลาดผูกขาด”
“ยิ่งไปกว่านั้นเราสังเกตเห็นสาขาสถานีชาร์จไฟฟ้าของสตาร์สกายเทคโนโลยีมีวิธีการทางธุรกิจที่มุ่งร้ายตอนที่แข่งขันธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้ากับเทสล่าที่ละแวกกลุ่มเมืองสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซีเกียง พวกเขาหลีกเลี่ยงการค้าเสรีและปิดบังการพัฒนาของอุตสาหกรรม”
“เพราะเหตุนี้ เราจะดำเนินคดีความตามกฎหมายกับมาตรฐาน SH”
“เราได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงว่ามาตรฐาน SH คือหนึ่งในหลักฐานที่สตาร์สกายเทคโนโลยีมีส่วนร่วมในการแทรกแซงการค้าเสรี เคสนี้จะมีการสืบสวนการผูกขาดทางการค้า! “
สื่อมวลชนอยู่ในความโกลาหล
นักข่าวรีบกรูเข้าไปราวกับฉลามกระหายเลือด พวกเขาถ่ายรูปและเก็บทุกการแสดงออกของโฆษกกันอย่างบ้าคลั่ง
มาตรฐาน SH ผิดกฎหมาย!
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาจะทำการสืบสวนการผูกขาดทางการค้ากับสตาร์สกายเทคโนโลยี!
อย่างที่คิดไว้ว่าในที่สุดการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศจีนก็ทำให้สหรัฐอเมริกาตื่นตัวจนได้
ทั้งทำเนียบขาวและสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกาเพิกเฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว
คาดการณ์ได้ว่าอุตสาหกรรมพลังงานทั้งหมดจะมีการเปลี่ยนแปลงสูงสุดเพราะการกระทำของกระทรวงพาณิชย์!
นักข่าวที่อยู่ตรงนั้นจินตนาการออกว่าพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์จะเป็นอย่างไร
หน้าหนังสือพิมพ์จะพูดถึงเรื่องนี้ไปจนถึงเดือนหน้า!
หลังจากการแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ เนื้อหาการแถลงการณ์ถูกปล่อยในโลกออนไลน์
การถกเถียงดุเดือดเกิดขึ้นบนโลกอินเทอร์เน็ต อย่างในเฟซบุ๊ก
เพียงพริบตาเดียว ไม่ว่าจะเป็นวงการวิชาการหรืออุตสาหกรรมหรือวอลสตรีท วาณิชธนกิจ พนักงานออฟฟิศ ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้
[ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วนะที่ทำเนียบขาวจะต้องทำอะไรสักอย่าง!]
[คนพวกนี้ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในทางที่ผิดเพื่อเป้าหมายของตัวเอง! พวกนั้นทำลายระบบทุนนิยม! ]
[ผมว่ามาตรฐาน Qi ก็ดีนะ น่าจะนำมาใช้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แล้วทำไมผมต้องใช้มาตรฐาน SH ด้วย พวกจีนทำตามเราไม่ได้หรือไง]
[เวรเอ๊ย ทำไมเราต้องใช้มาตรฐานของพวกคุณ! ทำไมไม่จดสิทธิบัตรแบตเตอรี่ลิเธียมแอร์ล่ะ!]
[อย่าลืมสิว่าสิทธิบัตรแบตเตอรี่ลิเธียมแอร์จริงๆ แล้วเป็นของเอ็กซอนโมบิล]
[ไร้สาระ! ผมได้ยินมาว่าต้นแบบคณิตศาสตร์ที่ศาสตราจารย์สแตนลีย์ใช่ถูกขโมยมาจากศาสตราจารย์ลู่]
[ตลกจริง ฟังดูเหมือนว่าคุณเองก็อยู่ในวงการวิชาการเหมือนกัน คุณเชื่อแบบนั้นจริงๆ เหรอ]
ดูเหมือนว่ามีคนอยู่สองฝ่ายถกเถียงกัน ฝ่ายหนึ่งเชื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกา ขณะที่อีกฝ่ายเชื่อว่าการยกเลิกบริษัทไฮเทคในต่างประเทศเลวร้ายกว่าการจำกัดสิทธิบัตร
พูดง่ายๆ ก็คือการจำกัดสิทธิบัตรถือเป็นเรื่องปกติ บริษัทไหนก็ตามที่อุทิศตัวให้กับงานวิจัยและพัฒนาจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเอง
เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าพวกเขาเป็นเจ้าของเทคโนโลยีของตัวเองไม่ได้ แล้วพวกเขาจะทำงานวิจัยและการพัฒนาที่ทั้งเสี่ยงและใช้ค่าใช้จ่ายสูงไปเพื่ออะไร
ดังนั้นมันจึงไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะเข้าไปแทรกแซงสิทธิของสตาร์สกายเทคโนโลยีในการใช้สิทธิบัตรของพวกเขาบนพื้นฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรม
แต่เมื่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งแข็งแรงพอที่จะจูงใจประเทศได้ พวกเขาก็ไม่ได้เป็นแค่บริษัทอีกต่อไป
ในอีกแง่หนึ่งก็คือมันเป็นเรื่องของเวลาที่สหรัฐอเมริกาจะทำอะไรสักอย่างกับสตาร์สกายเทคโนโลยี
แม้ว่าจะไม่มีมาตรฐาน SH ในอนาคตก็ต้องมีใครสักคนที่ต้องการหาความจริงอยู่ดี
อเมริกาไม่มีทางยอมให้บริษัทอย่างควอลคอมม์ได้เกิด บริษัทที่ใช้สิทธิบัตรของพวกเขาในการผูกขาดอุตสาหกรรมทั้งหมด
พูดตรงๆ ก็คือการที่ประเทศที่สามอย่างประเทศจีนพยายามเอาชนะอเมริกาในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคือบาปในสายตาของพวกเขา
เพราะแบบนี้บางคนจึงเลือกที่จะเป็นกลางในเรื่องนี้
มาตรฐาน SH เป็นเพียงการเคลื่อนไหวทางการตลาดโดยไม่มีจุดประสงค์ทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง แต่การสืบสวนของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาเพิ่มความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศ…
จากมุมมองของอเมริกาแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
อันที่จริงแล้วนี่คือสิ่งที่คนพากันเป็นกังวล
เมื่อความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น สิ่งที่จะหยุดมันได้คือสงคราม
หนึ่งวันหลังจากการแถลงข่าวของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรมแสดงความเห็นว่าหลังจากตรวจสอบเคสการถือครองสิทธิบัตรเมื่อหกปีก่อน บริษัทที่ซื้อสิทธิบัตรจากเอ็กซอนโมบิลคือบริษัทที่ไม่มีสินทรัพย์ของสตาร์สกายเทคโนโลยีใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสงสัย
อีกอย่างการครอบครองสิทธิบัตรน่าสงสัยว่าจะเป็นสัญญาฉ้อโกง!
อดีตพนักงานที่เอ็กซอนโมบิลที่เซ็นการโอนถ่ายสิทธิบัตรยืนยันว่าเขาได้รับสินบนจากสตาร์สกายเทคโนโลยีจำนวน 500,000 ดอลลาร์
ถ้าข้อหานี้เป็นเรื่องจริง การถือครองสิทธิบัตรเมื่อหกปีที่แล้วนับว่าผิดกฎหมาย
และเป็นไปได้ที่เอ็กซอนโมบิลจะได้สิทธิบัตรโมเลกุลคาร์บอนกลับคืนมา…
โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท…
…
ออฟฟิศเอ็กซอนโมบิล
ศาสตราจารย์สแตนลีย์เปิดประตูและเดินเข้ามา เขาจ้องไปที่วู้ดส์ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด
“บ้าไปแล้วเหรอ? คุณก็รู้ว่าเราขโมย เรายืมข้อมูลจากพวกเขาอย่างลับๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมจีนถึงไม่ตอบโต้เรา แต่เราคือคนที่ขโมยสิทธิบัตรนั่นมา! “
“ผมคิดว่านักวิชาการแบบคุณควรอยู่ในห้องทดลองมากกว่านะ” วู้ดส์ยิ้มและพูด “ไม่ว่าเราจะมีข้อมูลมากขนาดไหน แต่ศาลก็เชื่อเฉพาะหลักฐานเท่านั้น คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม ศาสตราจารย์สแตนลีย์”
วู้ดส์ไม่ได้ใส่ใจ
สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือความสำเร็จ
แต่ศาสตราจารย์สแตนลีย์เป็นนักวิชาการ ไม่ใช่นักธุรกิจแบบเขา
เขาไม่พร้อมที่จะทำเรื่องน่าละอายและเสียชื่อเสียงแบบนี้!
“เรามีหลักฐาน! “
ศาสตราจารย์สแตนลีย์พูดกับวู้ดส์ “คุณไม่เข้าใจ! คนในวงการวิชาการพูดคุยถึงเรื่องแบบจำลองคณิตศาสตร์ที่ใช้ในโมเลกุลคาร์บอนและการประมวลผลข้อมูลก็เกือบจะเหมือนผลงานรางวัลโนเบลในปี 2018 บางคนยังบอกเลยว่าน่าจะมีชื่อผมเข้าชิงรางวัลโนเบลด้วย! “
วู้ดส์ “มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่ดีเลยต่างหาก! ” ศาสตราจารย์สแตนลีย์พูดอย่างโกรธ “เรื่องนี้เกือบจะจบแล้ว แต่เพราะเรื่องสิทธิบัตรทำให้คนขุดคุ้ยเรื่องนี้อีกรอบ! “
วู้ดส์ขมวดคิ้วและพูดอย่างไม่แยแส
“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องวิชาการ แต่คุณไม่ได้ผิดไม่ใช่เหรอ แม้ว่าคนจะพากันสงสัยว่าคุณผิด แต่พวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน”
“ผมก็แค่อยากจะบอกคุณว่าถ้าคุณพูดเรื่องนี้ในศาล คุณไม่มีทางชนะคณะลูกขุนแน่ๆ !”
“นี่คือคดีในศาล ไม่มีคณะลูกขุนหรอก” วู้ดส์ยิ้มและมองไปที่สแตนลีย์ขณะที่พูด “อย่าห่วงเลยเพื่อนยาก…อีกอย่างคุณอยากทำงานที่นี่อีกรอบเหรอ อย่าบอกนะว่าคุณถ่อมาถึงที่นี่เพียงเพราะจะพูดเรื่องน่าเบื่อๆ แบบนี้”
“ผมมันโง่เอง! ผมไม่ควรมาที่นี่เลย คุณเองก็ไม่เข้าใจว่ากำลังพูดอะไรอยู่! ” สแตนลีย์พูดต่อ “คุณพูดผิด คุณคือคนที่ไม่สนใจอะไรเลย”
“คุณทำให้ทุกอย่างมันซับซ้อนไปหมด” วู้ดส์ยักไหล่และพูด “คุณคิดจริงๆ เหรอว่าเราจะเล่นเกมแฟร์ๆ กับพวกเขา ที่นี่คือทำเนียบขาว ไม่มีใครในโลกเอาชนะได้”
วู้ดส์ยิ้มให้ศาสตราจารย์สแตนลีย์
“ไม่สำคัญหรอกว่าสิทธิบัตรเป็นของใคร
“แค่รู้ไว้ว่าพวกนั้นต้องตายก็พอ! “
…………………………