หลังจากที่วางสายลู่โจวจัดกระเป๋าเดินทางต่อ แต่จอภาพเล็กๆ ข้างๆ เขากะพริบ
เสี่ยวไอ [เจ้านาย ตอนที่กำลังวิดีโอคอลอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีคนสอดแนมนะ ( ́◔‸◔’)]
ลู่โจว […สอดแนมเหรอ]
เสี่ยวไอ [ใช่! ตอนที่ข้อมูลของวิดีโอคอลถูกส่งไปที่อเมริกาเหนือ ไอพีแอดเดรสที่รับมีมากกว่าหนึ่ง เสี่ยวไอส่งชุดข้อมูลรหัสไปที่ไอพีและกำลังได้รับคำตอบ มีคนมากกว่าหนึ่งคนกำลังฟังพวกคุณอยู่]
แปลว่าเรากำลังถูกสอดแนมใช่ไหม
“อ้อ เข้าใจแล้ว…”
แม้ว่าลู่โจวคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังตกใจอยู่ดี
ไม่กี่ปีก่อนตอนที่เขากลับมาที่พรินซ์ตัน สภาพแวดล้อมในวงการวิชาการเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่คิดว่ามันจะเสื่อมโทรมไวขนาดนี้
ดูเหมือนว่าการที่เขากลับประเทศจีนเป็นทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว
ถ้าต้องอยู่พรินซ์ตันต่ออีกปี เขาต้องมีปัญหาแน่ๆ โดยเฉพาะกับเอฟบีไอ
เสี่ยวไอ [เสี่ยวไอเจอผู้บุกรุกแล้ว เสี่ยวไอควรติดตั้งประตูหลังเลยไหม]
ลู่โจวพูดทันที “ไม่ ไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องที่เราควรกังวลอยู่แล้ว”
การแฮคเซิร์ฟเวอร์เป็นเรื่องง่าย
แต่การแฮคเซิร์ฟเวอร์ของอเมริกันเป็นเรื่องที่เสี่ยง
ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่ามีสิ่งที่น่าสงสัยถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของพวกเขา ลู่โจวคงไม่เป็นอะไร แต่นักศึกษาของเขาคงอยู่ไม่สุขแน่
แม้ว่าลู่โจวจะมั่นใจในความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของตัวเอง แต่เมื่อเป็นเรื่องของการแฮคข้อมูลหรือการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัล เอฟบีไอและซีไอเอคือราชา
แม้แต่เสี่ยวไอเองก็จัดการกับพวกเขาไม่ได้
การแฮคเซิร์ฟเวอร์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร แต่มันเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า
ลู่โจวนึกถึงสถานการณ์ของเหว่ยเหวินและเงียบไปสักพัก เขาหยิบโทรศัพท์โทรหาผู้อำนวยการหลี่จากกระทรวงป้องกันราชอาณาจักร และอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เขาฟังคร่าวๆ
สำหรับนักวิชาการอเมริกาแล้วเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่
แต่มันอาจจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศจีน
ถ้าพวกเขาสามารถคิดนโยบายที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดพนักงานเก่งๆ พวกเขาก็สามารถคว้าโอกาสนี้ได้และจะมีนักวิชาการจีนมากมายที่พร้อมจะกลับมาประเทศจีน
ดูเหมือนว่าเหว่ยเหวินกำลังอธิบายว่าลัทธิแม็คคาร์ธีกำลังรุ่งเรือง และเสรีภาพทางวิชาการกำลังโดนท้าทาย
ลู่โจวรู้สึกไร้พลัง
…
ต้นเดือนกันยายน
สายการบินจากปักกิ่งไปรัสเซีย
ลู่โจวขึ้นเครื่องและมองดูหวังเผิงเก็บกระเป๋าเดินทางในช่องเก็บสัมภาระ เขาบังเอิญเจอกับบุคคลค่อนข้างที่จะพิเศษ
บุคคลคนนี้ก็นั่งเฟิร์สคลาสเช่นกัน
ทั้งคู่สบตากัน
อย่างน้อยลู่โจวก็ทักทายก่อนพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“บังเอิญจังเลยนะครับ”
ราวกับว่าหวังซื่อเฉิงกลับมาสู่ความจริงอีกครั้ง ปากของเขากระตุกขณะที่ยิ้ม
“…โอ้ใช่ บังเอิญอะไรขนาดนี้…ฮ่าฮ่าฮ่า”
แปลกจริงๆ
เราไม่เพียงแค่ขึ้นเครื่องลำเดียวกัน เรายังได้นั่งติดกันอีกด้วย!
ทำไมตอนที่ขึ้นเครื่องจึงไม่เห็นเขานะ
ถ้าเขารู้ว่าลู่โจวก็ขึ้นเครื่องลำนี้ เขาคงคืนตั๋วและนั่งไปกับเที่ยวบินอื่นแน่ๆ
เปลี่ยนที่นั่งตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว หวังซื่อเฉิงลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งใกล้ลู่โจว
หลังจากที่พนักงานบนเครื่องทำการแนะนำการโดยสาร เขารัดเข็มขัดและปิดตา รอเครื่องบินขึ้น
เขาคิดว่าเขาจะได้หลับอย่างสบายใจตลอดการเดินทาง แต่ลู่โจวก็เริ่มพูดกับเขาก่อน
“นักวิชาการหวัง คุณไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพื่อเข้าร่วมประชุมเหรอครับ”
“ครับ” หวังซื่อเฉิงพูด เขาไม่ได้อยากสนทนาเท่าไหร่นัก แต่เขาก็อดที่จะพูดไม่ได้ “ทาง IMU ขอให้ผมทำการรายงาน 45 นาที ผมก็เลยตัดสินใจไป”
หวังซื่อเฉิงอายุมากเกินกว่าจะทำงานวิจัยคณิตศาสตร์จึงเป็นเรื่องน่าประทับใจที่สมาพันธ์คณิตศาสตร์ระหว่างประเทศยังเชิญให้เขามาทำการรายงาน
มันแสดงให้เห็นว่าวงการคณิตศาสตร์นานาชาติยังไม่ลืมผลงานการวิจัยของเขาทำให้ชายสูงวัยมีความสุข
ลู่โจวยิ้มและพูด “โอ้ ยินดีด้วยนะครับ”
หวังซื่อเฉิงมองหน้าของลู่โจวแล้วรู้สึกรำคาญ
ตอแหลจริงๆ !
ใครๆ ก็รู้ว่านายทำการรายงาน 60 นาที
ก็แค่แสร้งทำเป็นถ่อมตัวใช่ไหมล่ะ
ฮ่าฮ่า ฉันไม่ให้โอกาสนายทำแบบนั้นหรอก!
หวังซื่อเฉิงจงใจที่จะไม่ถามว่าลู่โจวมาทำอะไรที่งานประชุม ICM เขายิ้มและเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วคุณล่ะ งานวิจัยสมมติฐานของรีมันน์ของคุณไปถึงไหนแล้ว”
ลู่โจวดูเศร้าเล็กน้อย
“โชคร้ายไปหน่อยครับ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย”
โชคร้ายจริงๆ นั่นแหละ
เขายุ่งมาตลอดทั้งปี แทบจะไม่มีเวลาทำวิจัยสมมติฐานของรีมันน์เลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาเลือกใช้เวลาทั้งหมดมาทำวิจัยสมมติฐานของรีมันน์ เขาก็อาจจะคิดค้นทฤษฎีดีๆ ขึ้นมาบ้างก็ได้
แต่คำพูดของลู่โจวเป็นเหมือนข่าวดีสำหรับนักวิชาการหวัง
ฮ่าๆ!
เกิดเป็นนายนี่โชคร้ายจัง
แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรที่แก้ปัญหาสมมติฐานของรีมันน์ไม่ได้ แต่ลู่โจวก็คุยอวดต่อว่าถ้าเขาแก้สมมติฐานของรีมันน์ไม่ได้ เขาก็คงไม่ทำรายงาน 60 นาที
ฉันตั้งตารอการรายงานของนายอยู่นะ
หวังซื่อเฉิงแสร้งทำเป็นประหลาดใจขณะที่พูด
“โอ้ จริงเหรอ ผมได้ยินมาว่าคุณจะไม่มีทางทำการรายงานที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะทำผลงานที่โดดเด่นออกมา ผมคิดว่าคุณจะแก้สมมติฐานของรีมันน์ได้เสียอีก แต่เดาว่าคงทำไม่ได้สินะ น่าเสียดายจริงๆ “
หวังซื่อเฉิงจงใจจะยั่วโมโห
แต่การแสดงของเขาดูเหมือนจะดีเกินไป ลู่โจวจึงไม่รู้สึกขุ่นเคืองแม้แต่น้อย
ลู่โจวถอนหายใจและพูด “ครับ น่าเสียดายจริงๆ ผมก็ไม่ได้ตั้งจะมาหรอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้”
“…ทำไมล่ะ”
เพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง หวังซื่อเฉิงรู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เพิ่งพูดไป
อย่างที่คิดไว้ ลู่โจวยิ้มจนแก้มปริ
ยิ้มแบบนี้…
ช่างคุ้นตาสำหรับเขาจริงๆ
“ครับ” ลู่โจวเกาหัวเก้ๆ กังๆ และพูด “พวกเขาอยากมอบรางวัลให้ผม”
หวังซื่อเฉิง “…”
…………………………