ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System – ตอนที่ 1220 การพังทลายของการทับซ้อน

ตอนที่ 1220 การพังทลายของการทับซ้อน

ห้องบรรยายอัดแน่นไปด้วยผู้คน มีคนราวๆ 800 คนอยู่ด้านใน

เกือบทั้งหมดที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่เป็นพวกปัญญาชนระดับต้นๆ และพวกนักวิชาการที่มีอำนาจมากที่สุดในสาขาฟิสิกส์พลังงานสูง

ไม่ได้มีเพียงแค่เหล่านักวิจัยจาก ILHCRC แต่ยังมีกลุ่มนักฟิสิกส์ที่มาจากประเทศที่ห่างไกลอื่นๆ ด้วย

ทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน

นั่นก็คือเพื่อจะค้นหาการขยายของมวลพลังงานในผลการทดลองซึ่งอาจล้มล้างแบบจำลองมาตรฐาน…

ตรงแถวหน้าของห้องบรรยายมีชายสูงวัยคนหนึ่งที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีเทานั่งอยู่ข้างศาสตราจารย์วิทเทน

เขาวางไม้เท้าของเขาพิงไว้กับมุมของโต๊ะ จากนั้นก็คลายเกลียวฝาขวดน้ำแร่บนโต๊ะออกแล้วจิบ แล้วเขาก็มองไปที่ยกพื้นบนเวที

 ขอบคุณที่จองที่นั่งไว้ให้ผม ที่นี่คนเยอะมาก… ผมเกือบจะหลงทางอยู่ข้างนอกเสียแล้ว 

ศาสตราจารย์วิทเทนชำเลืองมองชายสูงวัยที่นั่งอยู่ถัดจากเขาแล้วเลิกคิ้ว

 ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมาจริงๆ 

ชายสูงวัยหัวเราะเบาๆ แล้วมองไปที่ยกพื้นบนเวที

 ผมจะพลาดการบรรยายที่น่าสนใจขนาดนี้ได้ยังไงกัน? บางทีวันนี้กฎของฟิสิกส์อาจจะถูกเขียนขึ้นใหม่ และขอบฟ้าของพวกเราอาจจะขยายกว้างขึ้นไปจนถึงมิติใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นมิติที่เราไม่สามารถจะสัมผัสได้… มันจะมีอะไรที่น่าสนใจไปกว่านี้ได้อีกล่ะ? 

คนส่วนมากคงจะประหลาดใจที่ได้ยินชายสูงวัยพูดเช่นนี้

ไม่ใช่เพราะประโยคที่เขาพูดหรอก ทว่าเป็นเพราะตัวของชายสูงวัยผู้ที่พูดออกมาต่างหาก

คนที่นั่งอยู่ข้างศาสตราจารย์วิทเทนจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากศาสตราจารย์ซาอูล เพิร์ลมัทเทอร์ จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอว์เรนซ์เบิร์กลีย์

คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับฟิสิกส์นักอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่

ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลในสาขาฟิสิกส์ ปี 2011 และผู้ที่พิสูจน์ทฤษฎี ‘การเร่งการขยายตัวของจักรวาล’ เขาจึงมีชื่อเสียงทั้งในสาขาฟิสิกส์ดาราศาสตร์และฟิสิกส์พลังงานสูง

วิทเทนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า  ดูเหมือนว่าคุณจะเชื่อในทฤษฎีมิติพิเศษจริงๆ 

 คำถามมันไม่ใช่ว่าผมเชื่อมันหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ว่าเขาจะสามารถให้ข้อพิสูจน์สอดคล้องกันอย่างสมเหตุสมผลสำหรับข้อสรุปของเขาได้หรือเปล่า เราไม่ได้มองข้ามทฤษฎีสตริงในตอนต้นไปด้วยใช่ไหม? แต่ตอนนี้ดูสิว่าเราอยู่ตรงไหน… 

ศาสตราจารย์เพิร์ลมัทเทอร์มองใบหน้าที่เศร้าใจของวิทเทนแล้วยิ้มออกมา แล้วก็เลิกสนใจหัวข้อสนทนานั้นอย่างรวดเร็ว

 จะว่าไปแล้วผมก็อยากจะรู้ว่าคุณคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณไม่ได้แสดงความคิดเห็นของคุณออกมาเลยจนถึงตอนนี้ มันไม่เหมือนตัวคุณเลย…จริงๆ 

 ชู่วว์ 

ศาสตราจารย์วิทเทนขัดจังหวะการพูดของศาสตราจารย์เพิร์ลมัทเทอร์แล้วก็ใช้นิ้วชี้ชี้ไปทางเวที

 คำตอบที่คุณต้องการอยู่ตรงนั้นแล้ว

 มันกำลังจะเริ่มแล้ว 

เมื่อเข็มนาฬิกาเดินมาจนถึงเวลาสิบโมงตรง…

ห้องบรรยายที่เดิมมีเสียงเซ็งแซ่กลับเงียบลงในทันที

เฟอร์นันโดนั่งอยู่ตรงด้านหน้าห้องบรรยายด้วยความรู้สึกประหม่า เขามองไปยังลู่โจวที่ยืนอยู่บนเวที เฟอร์นันโดมีสีหน้าที่ไม่พอใจและเขาอยากจะลุกขึ้นสู้เพื่อศาสนาของเขา

อย่างไรก็ตามเขาก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูน่ากลัวยืนอยู่ไม่ไกลพร้อมกับมีกุญแจมือติดอยู่ที่ข้อมือของเขา เขาไม่กล้าที่จะล้ำเส้น

ลู่โจวซึ่งกำลังยืนอยู่บนเวที มองไปรอบๆ ห้องบรรยายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งว่า

 ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อศาสตราจารย์มิโร

 พวกเราได้สูญเสียนักวิชาการที่ยอดเยี่ยมและชายผู้ยิ่งใหญ่ไป

 ผมทราบดีว่าการเสียชีวิตของเขากระทบต่อผู้คนมากมาย… รวมถึงผมด้วย 

ลู่โจวมองไปรอบๆ สถานที่ จากนั้นเขาก็พลิกกองกระดาษร่างผ่านๆ บนโต๊ะบรรยายแบบมัลติมีเดีย เขาใช้เวลาประมาณสิบวินาทีในการจัดระเบียบความคิดของเขาก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า

 บางทีวิธีการที่เขาส่งผลกระทบต่อผมอาจจะแตกต่างจากหลายๆ ท่าน

 สิ่งที่ดลใจผมไม่ใช่ความรอบรู้ของเขา มันเป็นเรื่องเปราะบางในการเผชิญหน้ากับจักรวาลอันกว้างใหญ่ ความมุ่งมั่นของเราอาจจะอ่อนแอกว่าที่เราได้จินตนาการไว้

 บางทีผมก็ไม่ควรจะใช้คำว่า ‘ความมุ่งมั่น’ ด้วยซ้ำ เพราะเราทุกคนต่างก็ทราบว่า หอคอยฟิสิกส์ที่เราใช้เวลาหลายศตวรรษในการสร้างขึ้นมานั้นใกล้ที่จะพังทลายลง บางทีสิ่งนั้นอาจจะนำความรู้สึกไร้ความหมายมาสู่ความมุ่งมั่นของนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วน 

ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางไวท์บอร์ดแล้วเขียนการคำนวณลงไป

[MN=m0-4c1Mπ2+O(Mπ3)]

ลู่โจวหยุดแล้วก็ได้ยินเสียงกระซิบ

 นี่คือจุดที่ปัญหาได้เริ่มขึ้น

 นี่ยังเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งทั้งหมดด้วย

 เรามักจะหามวลนิวเคลียสโดยใช้การประมาณค่านอกช่วงของไครัลและวิธีการคำนวณควอนตัมดอท ด้วยการช่วยเหลือของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เราจึงสามารถอธิบายแหล่งกำเนิดของมวลในนิวเคลียสส่วนใหญ่ได้

 อย่างไรก็ตามในวันนี้เราก็ยังคงมีสิ่งที่ยังไม่สามารถอธิบายได้… มวล 7% ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ 

หลังจากเขียนตัวเลขนี้ลงบนไวท์บอร์ด ลู่โจวก็มองไปรอบๆ สถานที่บรรยายต่อไปแล้วพูดว่า  ในตอนนี้ จากการทดลองการชนกันของพลังงาน 5 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ ตัวเลขนี้ได้เพิ่มขึ้นมา 53% และเพิ่มไปจนถึง 71% ซึ่งได้กลืนความเข้าใจเรื่องฟิสิกส์ของเราลงไปราวกับว่ามันเป็นสาเหตุ

 เพื่อที่จะอธิบายปรากฏการณ์นี้ เราจึงต้องแนะนำแนวคิดฟิสิกส์แบบใหม่ 

ลู่โจวยื่นมือออกไปแล้วเขียนตัวอักษรลงบนไวท์บอร์ด ซึ่งก็คือ n

จากนั้นเขาก็เขียน ‘+1’ ไว้ข้างๆ มัน

 N คือจำนวนของมิติที่สร้างจักรวาลปัจจุบันของเราขึ้นมา บางคนอาจจะบอกว่ามันคือ 11 แต่บางคนก็อาจจะบอกว่า 13 บางทีในอนาคตอันห่างไกล จำนวนนี้อาจจะขยายออกไปจนไม่มีที่สิ้นสุดขณะที่ขอบฟ้าของเราก็ขยายออกไปด้วย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับตอนนี้…

 สิ่งที่เรากำลังจะอภิปรายกันในวันนี้คือ มิติ n+1 

 มีเส้นแกนเส้นหนึ่งพาดผ่านจักรวาลจากจุดเริ่มต้นไปสู่จุดสิ้นสุด มันเหมือนกับทะเลสาบที่สะท้อนภาพตัวมันเอง มันอยู่นอกขอบฟ้าในที่ที่เราสามารถสังเกตได้ มิติที่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมดได้สิ้นสุดลงที่จุดนี้ 

 ในบางแง่ การดำรงอยู่ของมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเราภายใต้สภาวะปกติ เว้นแต่… บางสิ่งที่อยู่นอกกล่องจะไปสัมผัสกับเส้นนี้เข้า…  

 ถ้าจะให้เจาะจงไปมากกว่านี้ ก็คือพวกมันยื่นออกมา เปิดกล่อง และเฝ้าสังเกตเรา 

ลู่โจวมองไปยังผู้ชมที่กำลังประหลาดใจ วิทเทนและเพื่อนๆ ของเขากำลังครุ่นคิดอยู่เงียบๆ เฟอร์นันโดกำลังเดือดดาลด้วยความโกรธแค้น ลู่โจวหันกลับไปยังการคำนวณบนไวท์บอร์ด

เขาหยุดชะงักไปชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า  เนื่องด้วยมีการสังเกตการณ์จากวอยด์ การทับซ้อนจึงพังทลายลง 

เกิดความโกลาหลที่ขยายวงขึ้นในฝูงชน

ความวุ่นวายทั้งหมดนี้ฟังดูรุนแรง

ในที่สุดใครคนหนึ่งก็อดที่จะถามขึ้นไม่ได้ว่า

 ทำไมต้องเป็น 5 เทระอิเล็กตรอนโวลต์ล่ะครับ? 

 เป็นคำถามที่ดีครับ 

ลู่โจวมองไปยังนักวิชาการหนุ่มที่ยืนขึ้นถามคำถาม เขาดีดนิ้วแล้วมองแบบให้กำลังใจ จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณมือให้นักวิชาการคนนั้นนั่งลง

ลู่โจวมองไปรอบห้องบรรยายแล้วพูดเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

 เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าปัญญาประดิษฐ์มีความเข้าใจในเรื่องความรู้สึกที่แท้จริงหรือไม่? นี่คือแนวคิดที่เป็นนามธรรมแนวคิดหนึ่ง  ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการทดสอบของทัวริงซึ่งทำการพิสูจน์ว่าถ้าโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์สามารถผ่านการทดสอบของทัวริงได้ มันก็สามารถจะเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงได้ ไม่เช่นนั้นแล้วมันก็เป็นแค่เพียงเครื่องจักรเท่านั้น

 ในทำนองเดียวกัน เราจะเลือกมดตัวที่ฉลาดที่สุดจากกลุ่มของมดได้อย่างไร?  

 วิธีการนั้นง่ายมาก แค่ตั้งสิ่งกีดขวางที่จับต้องได้แบบง่ายๆ ไว้ให้พวกมัน 

 ผมรู้ว่านี่อาจจะฟังดูบ้าๆ แต่สิ่งที่ผมอยากจะกล่าวก็คือการทดลองการชนกันที่ระดับพลังงาน 5 เทระอิเล็กตรอนโวลต์เหมือนกับตัวกรอง มันได้กรองอารยธรรมทั้งหมดที่สะสมไว้ในจักรวาลนี้ 

 มวลไม่เคยเพิ่มขึ้น แต่มันย้ายจากมิติ n+1 มาเป็นมิติ n แทน ด้วยการใช้วิธีการที่เรียบง่ายนี้ เราก็จะสามารถแยกความแตกต่างระหว่างมดที่ฉลาดกับมดที่โง่ได้ 

 อีกประการหนึ่งคือ ตัวกรองนี้…  

 คือคำประกาศการดำรงอยู่ของพวกมันต่อพวกเรา 

………….

 

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

ระบบปั้นอัจฉริยะ : Scholar’s Advanced Technological System

    หลังจากทุกข์ทรมาณจากลมแดดขณะทำงานภายใต้ความร้อนที่ร้อนระอุของฤดูร้อน ลู่โจวนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ยากจนแต่ขยันขันแข็งได้กลายเป็นเจ้าของระบบเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้วยความโกงที่ระบบมอบให้ ชีวิตในรั้วมหาลัยของเขาจึงเปลี่ยนไปในข้ามคืน
ปริญญาโท? ง่ายดายยิ่ง
ปริญญาเอก? นั่นไม่ใช่ปัญหา
จากที่ไม่มีใครรู้จัก เขาได้กลายเป็นดาราดังแห่งวงการวิทยาศาสตร์อย่างรวดเร็ว
ด้วยภารกิจที่ระบบมอบให้ เขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางผู้ชนะรางวัลโนเบล
“ระบบ แต้มแลกเป็นเงินได้ไหม?”
“ไม่ได้”
“เชี่ย งั้นนายทำไรได้!?”
“ระบบจะทำให้ท่านกลายเป็นสุดยอดนักวิชาการ
กลายเป็นผู้ปกครองเหนือมวลมนุษย์ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท