ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 51

ตอนที่ 51

“ มาร์คทำอะไร !

กาเบรียลลาตะโกนอย่างเป็นห่วง ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นว่าลูกสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้ไม่ได้โจมตีเจสันด้วยการโจมตีที่อันตราย

เจสันเริ่มหายใจไม่ออก เพราะร่างเล็กๆ มากมายที่รุนตัวเขา ทำให้กาเบรียลลามองสถานการณ์ทั้งหมดอย่างประหลาดใจ

มาเลียที่ได้เห็นลูกจิ้งจอกตัวน้อย เธอก็เริ่มหวั่นไหวและรีบวิ่งเข้าไปที่พวกลูกจิ้งจอกด้วยความตื่นเต้น

มาเลียค่อยๆ เดินเข้าไปที่ลูกจิ้งจอก แต่เหล่าลูกจิ้งจอกมองเธออย่างหวาดกลัว ราวกลับว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดที่พยายามจะจับพวกมันไป

พวกมันสัมผัสได้ถึงมานาของมาเลีย ซึ้งมากกว่าพลังของเจสันอย่างมาก

ลูกจิ้งจอกรีบพากันวิ่งไปแอบหลับเจสัน โดยคิดว่าเจสันสามารถปกป้องพวกมัน โดยพวกมันแทรกตัวและเบียดกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกมันจะทำได้

แม้แต่เกร็กที่ยืนอยู่ภายนอก ก็มองไปที่ลูกจิ้งจอกอย่างสนใจในคาวมน่ารักและปุกปุยของมัน

เกร็กตัดสินที่จะไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองต่อหน้าเจสันอีกต่อไป และเขาได้เด็นเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดูลูกจิ้งจอกที่แสนน่ารัก

เจสันเห็นการจ้องมองของเกร็กและมาเลีย และเจสันก็หันกลับไปมองที่ลูกจิ้งจอก

`ลูกจิ้งจอกพวกนี้จะรอดไปจากพี่น้องสองคนนี้ไหมหน่ะ !! “

เจสันลุกขึ้นและพูดอย่างผลีผลาม

“เอ่อ หยุดก่อน ตอนนี้ลูกจิ้งจอกพวกนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลย พวกเรามาให้อาหารพวกมันกันเถอะ !”

เจสันได้ดึงพัสดุชิ้นใหญ่ที่เขาได้มาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนมาวางไว้ตรงหน้า โดยไม่สนใจว่าเกร็กและมาเลียกำลังทำอะไรและหยิบขวดนมสูตรพิเศษสำหรับลูกจิ้งจอกออกมา เจสันได้อ่านคำอธิบายอย่างละเอียดก่อนที่จะดำเนิดการต่อ

เจสันได้ถามเกร็กว่าเขาจะสามารถอุ่นนมได้ที่ไหน เกร็กจึงนำทางไป หลังจากสิบนาทีเจสันก็ได้อุ่นนมเสร็จและเริ่มให้อาหารเหล่าจิ้งจอกตัวน้อย

เมื่อพวกมันแต่ละตัวได้กลิ่นที่น่าดึงดูดใจ ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนโลกกำลังสั่นสะท้านเพราะท้องที่มากกว่าร้อยกำลังคำราม

มาเลียและเกร็กสงบลงเมื่อเห็นความโลภในการดื่มนม ทั้งคู่ได้นั่งลงข้างๆเจสันหยิบขวดที่เตรียมไว้เพื่อป้อนลูกสุนัขจิ้งจอก

แม้แต่กาเบรียลลาและมาร์คเองก็ช่วยกันทำ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีเครื่องป้อมนมอัตโนมัติเพราะพวกมันมีมากเกินไป

เวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง ทุกคนเริ่มหมดแรงจากลุกจิ้งจอกและเสียงร้องของพวกมัน โดยเฉพาะมาร์คที่ต้องอดทนกว่าคนอื่น

หลังจากที่ป้อมนมจนครบหมดทุกตัว ลูกจิ้งอกก้เริ่มผล็อยหลับไปด้วยความอิ่มท้อง

ตอนนี้เจสันไม่รู้จะทำอย่างไรและเขาต้องขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเกร็ก

มาร์คเหมือนจะรู้ว่าเจสันต้องการอะไร

มาร์คต้องการให้เจสันขายลูกจิ้งจอกทุกตัวให้กับพวกเขา ซึ่งนี้เองก็เป็นแผนที่เจสันต้องการที่จะทำในตอนแรก แต่เจสันสามารถเห็นความต้องการเงินมหาศาลในดวงตาของมาร์ค ซึ่งทำให้เจสันตกใจกลัวมนตอนแรก

เจสันไม่ต้องการเจรจาให้มากมายนัก เขาขอเพียงแค่กำหนดข้อตกลงง่ายๆ ก่อนที่เขาจะทำการขายลูกจิ้งจอกให้

เนื่อจากเจสันชอบลูกจิ้งจอกพวกนี้มาก เขาจึงลำบากใจที่จะขายพวกมัน แต่เจสันเองก้ไม่สามารถเลี้ยงดุพวกมันได้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เช่น ขาดแคลนเงิน และพลงวิญญาณที่อ่อนแอของเขา

ข้อกำหนดของเจสันคือเขาไม่อนุญาติให้ตระกูลเฟลเลอร์ขายลูกจิ้งจอกเหล่านี้ให้แก่ขุนนางและครอบครัวใหญที่ไม่ดีและมีความเป็นไปได้ที่จะทำร้ายลูกจิ้กจอกเหล่านี้ และคนที่มีประวัติที่ไม่ดีและอารมณ์ร้ายต่อสัตว์พันธะ

“มันจะดีที่สุดถ้าลูกจิ้งจอกเหล่านี้ได้ทำพันธะทำคนที่มีความรักต่อสัตว์พันะะ และได้รับการปฏิบัติต่อวพกมันเหมือนครอบครัว แต่ผมรู้ว่าพวกคุณอาจจะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามลูกจิ้งจอกเหล่านี้จะขายให้เฉพาะขุนนางและครอบครัวใหญ่ที่มีความรักให้กับเหล่าสัตว์พันธะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เกร็ก ก็ยกนิ้วให้กับเจสัน มาเลียและกาเบรียลลาก็ได้มองไปที่เจสันพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน

ใบหน้าของมาเลียเริ่มแดงและมองไปที่ลูกจิ้งจอก กาเบรียลลารู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่ามาเลียรู้สึกภูมิใจในตัวของเจสัน และเริ่มปฏิบัติกับเขาเหมือนคนในครอบครัว

มาร์ครู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

มาร์คไม่ได้สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกสัตว์วิเศษที่เขาจะขายให้กับวกเหล่าขุนนาง เพราะมีเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ทรมาณสัตว์พันธะของตนเองแต่ถึงยังนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าขยะแขยงและไม่เหมาะสม

มาร์คคิดว่าถ้าหากเจสันตกลงขายสัตว์วิเศษเหล่านี้ให้กับเขา เขาจะเดินทางไปทั่วเมืองเพื่อขายสัตว์วิเศษเหล่านี้ให้กับพวกขุนนางและครอบครัวใหญ่โต

แต่ตอนนี้กำไรกว่าครึ่งหนึ่งที่มาร์คคาดหวังไว้ได้หายวับไปกับตา เพราะข้อกำหนดของเจสัน

มาร์คต้องยอมรับข้อกำหนดของเจสัน มิฉะนั้นเขาจะไม่ได้รับเครดิตแม้แต่นิดเดียวในขณะที่เจสันสามารถไปหารัฐบาลและขายลูกสุนัขจิ้งจอกได้ถึงแม้ราคาจะต่ำกว่าที่มาร์คจะจ่ายให้

เจสันมีความสุขที่ได้ยินมาร์คตอบรับข้อเรียกร้องของเขาและรู้สึกราวกับว่าก้อนหินหนัก ๆ ถูกยกออกจากอกของเขา

ลูกจิ้งจอกไม่สามารถออกจากคอกได้และมาร์คก็เริ่มคำนวณราคา มาร์คได้เริ่มเขียนข้อวคามถึงใครบางคน ขณะที่เกเบรียลลาเสนอให้เจสันอยู่ทานข้าวเย็นกับพวกเขา ซึ่งครั้งนี้เจสันตอบตกลง

ในระกว่างที่ทานอาหารไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่เจสันกลับรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอย่างมากขณะทานอาหารร่วมกับตระกูลเฟลเลอร์

เจสันสังเกตุว่า กาเบรียลลานั้นคอยจัดการทุกอย่างในครอบครัว ขณะที่มาร์คยังคำนวณและเขียนข้อความเมื่อทุกคนกำลังทานอาหาร

กาเบรียลลาได้ตบหลังศีรษะของมาร์คเบาๆ มาร์คก็ได้ปิดหน้าจอโฮโลแกรมและนั่งทานอาหารอย่างเชื่อฟัง

เจสันยิ้มให้กับภาพนี้เบา ๆ และเขารู้สึกมีความสุข

หลังจากทานอาหารเสร็จอาร์เทมิสที่กำลังนอนขดอยู่บนตักของเจสัน ได้ร้องเรียกขออาหารของมัน เมื่อเจสันนำแกนสัตว์ป่าทั้งหมดออกมา อาร์เทมิสก้ได้กลืนลงท้องจนหมด และก็หายเข้าไปในวงเวทย์ของมัน

พวกเฟลเลอร์ไม่ได้สังเกตุเห็นว่าเจสันเลี้ยงสัตว์พันธะด้วยแกนมานา ไม่ใช่่นั้นพวกเขาจะต้องตกตะลึงและกระหน่ำถามเขาในเรื่องนี้

แต่เจสันจะไม่ซ่อนความลับของเขาอีกต่อไปกับพวกเฟลเลอร์ หากพวกเขาถาม เจสันก็จะตอบอย่างตรงไปตรงมา

เจสันเบื่อที่จะเก็บความลับ ความสามารถของดวงตาและการกลายพันธุ์ของอาร์เทมิส

แต่น่าแปลกใจพวกเฟลเลอร์ต่างก็ไม่ได้ถามคำถามหล่านี้กับเจสันอีกเลย เจสันมีความสุขที่พวกเขาให้ความเป็นส่วนตัว

หลังจากทานอาหารเสร็จ มารคมองไปที่การแจ้งเตือนที่หน้าจอโฮโลแกรมของเขา

เขาขมวดคิ้ว และกระซิบบางอย่างกับกาเบรียลลา ก่อนที่เธอจะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนและประกาศ

“เราต้องเปลี่ยนกำหนดการของเรา ลูกค้าของเราเขียนถึงเราว่าเขาต้องการนกอินทรีในอีกสองวัน

เนื่องจากลูกค้ากำลังเดินทางไปยังเมืองไซโร เราจะเริ่มการเดินทางของเราเร็วขึ้นเล็กน้อย

เพื่อให้ถึงก่อนเวลานัดหมายของลูกค้า พวกเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่

เราจะนำพวกสัตว์วิเศษไปกับเราและขายพวกมันในเมืองจิโร่ซึ่งเป็นเมืองเกรด B ที่มีลูกค้าคนอื่นๆอยู่และขายที่เหลือในเมืองไซโรจุดหมายปลายทางของเรา

ทั้งสองเมืองจะมีความต้องการอย่างมากสำหรับลูกสัตว์ร้ายและพวกเรามีการติดต่อในการค้าขายสัตว์วิเศษกับเมือง 2 เมืองนี้เป็นปกติอยู่แล้ว “

มาเลียเกร็กและเจสันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แค่พยักหน้าตอบตกลง

การเดินทางจะเริ่มภายในพรุ่งนี้ และเจสันเองก้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขาได้แต่ตั้งตารอ

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน