ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 103

ตอนที่ 103

เช้าวันศุกร์แล้ว และทั้งสัปดาห์เจสันก็อ่านหนังสืออย่างมุ่งมั่น และฝึกเทคนิคนรกสวรรค์และฝึกซ้อมกับเกร็ก ในขณะเวลาส่วนใหญ่เจสันมักใช้ไปกับการอ่านหนังสือ

ภายในเวลาเพียง 5 วัน เจสันสามารถอ่านหนังสือกว่า 30 เล็มจบและจดจำมันได้อย่างแม่นยำ ในและวันสุดท้ายเจสันต้องทบมวนพวกมันเล็กน้อย การไปเรียนในตอนเช้ามีประโยชน์อย่างยิ่งซึ่งมีคำถามบางอย่างที่เจสันไม่เข้าใจ และทิลล์สามารถตอบคำถามให้เจสันได้ และช่วยได้มาก

นอกจากนั้น แกนมานาของเจสันก็กำลังพัฒนาเข้าสู่ผู้ชำนาญซึ่งอาจจะใช้เวลาอีก 2-3 วันและมันจะดีมากถ้าเจสันเข้าไปถึงระดับนั้นก่อนที่อาร์เทมิสจะพัฒนาเสร็จ

การเข้าสู้ผู้ชำนาญมันจะช่วยเสริมร่างกายให้กับเจสันโดยรวมรวมถึงสัตว์พันธะของเจสันที่จะได้รับศักยภาพเพิ่มเล็กน้อย

ตอนนี้เจสันมีพลังวิญญาณถึง 13 หน่วย ซึ่งไม่ห่างจากปริมาณที่เจสันต้องการมากนัก แต่เจสันยังต้องระมัดระวังและฝึกฝนเทคนิคนรกสวรรค์ขั้น 2 ต่อไป อย่างขยันขันแข็งวันลบะ 3-4 ครั้งโดยไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว

มีหลายครั้งเจสันเกือบจะทำพลาดจากการถักทอเส้นวิญญาณ แต่เจสันก็สามารถแก้ไขมันได้ทุกครั้ง หลังจากเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ เจสันก็ฝึกเทคนิคนรกสวรรค์เกือบ 20 ครั้ง

สกอร์พอโอเหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อย เพราะกำลังจะพัฒนาเข้าสู่สัตว์ระดับ 5 ดาว ซึ่งต้องใช้พลังวิญญาณในการควบคุมถึง 8-10 หน่วย

ทั้งสกอร์พิโอและอารืเทมสิกำลังจะดึงพลังวิญญาณของเจสันมากขึ้นในคราวเดียว นั้นคือปัญหาของเจสันที่กำลังจะเจอ แต่เจสันก็มั่นใจในความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเขากับสัตว์พันธะ ตราบใดที่เจสันไม่ได้ทำร้ายพวกมัน เจสันก็สามารถควบคุมพวกมันได้ในระดับหนึ่ง

วันนี้เป็นวันสอบความรู้ด้านทฤษฎี แต่จะมีการทดสอบการควบคุมานาก่อนเพื่อดูว่าคน คนนั้นมีความสามารถในการควบคุมมานามากแค่ไหน

หลังจากทดสอบมานา ต่อไปจะเป็นการสอบความรู้ด้านทฤษฎี และจะเป็นการสอบปฏิบัติในขั้นสุดท้าย เจสันค่อนข้างมั่นใจในตัวเอง และเจสันเดินข้าไปในห้องเรียนที่มีหมายเลข 54 ติดอยู่

ทุกครั้งที่เห็นตัวเลข เจสันจะยื้มเล็กน้อย และมองไปรอบๆ เพื่อมองเพื่อนร่วมชั้นของเขา และตอนนี้ก็เช่นกัน เจสันมองเพื่อร่วมชั้นขณะที่พวกเขากำลังอ่านบางอย่างบนหน้าจอโฮโลแกรม ดูเหมือนเพื่อนๆ ของเจสันก็สนใจที่จะเข้าร่วมการทดสอบเพื่อที่จะได้เข้าการอบรมในแต่ละอาชีพแตกต่างกันไป

เจสันเห็นเซรอนที่กำลังหลบอยู่บนโต๊ะ แต่เมื่อเซรอนสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมอง เขาก็ลลืมตาขึ้นและเมื่อพบว่าเป็นเจสัน เซรอนก็กล่าวทักทาย

เจสันได้ตอบกลับ และนั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง และทิลล์ก็ได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับก้อนหินที่มีขนาดเท่าหัวคน หินนี้ใช้ทดสอบมานาและแสงที่เปล่งออกมาจะบ่งบอกถึงศักยภาพในการควบคุม

แสงสีมี 3 โทนสีที่แตกต่างกันซึ่งจะบ่งบอกถึงความสามารถในการควบคุมานา ในขณะที่โทนสีที่อ่อนจะบ่งบอกถึงความสามารถที่ดีกว่าโทนสีเข้ม

สีแดงหมายถึงการควบคุมมานาในระดับต่ำ สีส้มมีค่าเท่ากับการควบคุมมานาระดับกลาง ในขณะที่สีเหลือแสดงถึงการควบคุมมานาขั้นสูง

เมื่อทิลล์วางหินอ่อนไว้ที่ตรงกลางของแท่นแล้ว นักเรียนทั้งหมดก็ได้กล่าวทักทายด้วยความเคารพ

“เอาละ วันนี้เราจะทดสอบการควบคุมมานาของทุกคน พวกคุณทุกคนคงสมัครเข้าร่วมการทดสอบทั้ง 3 อาชีพแล้ว และเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีแค่พวกคุณดังนั้นเราจึงต้องทดสอบความสามารถในการควบคุมมานา เพื่อที่จะได้สามารถเข้าสู่การทดสอบต่อไปได้ เอาละเรียงคิวตามหมายเลขตัวเองเข้ามาได้เลย”

เมื่อทิลล์พูดจบและทุกคนก็เริ่มที่จะลงไปทดสอบมานาตามหมายเลขของตัวเอง และนักเรียนคนแรกที่ลงไปด้วยความมั่นใจ เพราะเขาอยู่ในขั้นผู้ชำนาญระดับ 6 เพียงอายุ 14 ปี ไม่เพียงแต่มีแกนมานาระดับสูง แต่เขายังแข็งแกร่งที่สุดในห้องนี้ และใบหน้าของเขาดูภูมิใจตลอดเวลา

แต่หลังจากที่เข้าไปตรงหน้าลองหินอ่อนและทดสอบมานาด้วยการถือหินอ่อน การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ และทุกคนก็กำลังจับตามอง หินอ่อนได้เรืองแสงสีส้มออกมา

“ระดับกลาง ไม่ผ่านเข้ารอบทดสอบต่อไป”

ทิลล์ประกาศออกมาโดยไม่ไว้หน้าใดๆ และเด็กคนนั้นก็ต้องการคัดค้านการตัดสินใจนี้ ในขณะที่ทิลล์จ้องเขม็น

“คุณไม่อยากให้เพื่อนคนต่อไปของคุณมาทดสอบงั้นหรอ” >>> ตรงนี้หมายความประมาณว่าทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ลงไปซักที คนอื่นรออยู่ อะไรมาณนี้ครับ อธิบายเผื่อใครงง ฮ่าๆ

ทิลล์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ทิลล์เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้ใช้หินมานาจำนวนมาก เพื่อเพิ่มระดับแกนมานาของเขาเอง ทำให้ความสามารถในการดูดซับมานาตามธรรมชาติไม่ได้มีศักยภาพสอดคล้องกับระดับของแกนมานา

เด็กหนุ่มได้ยืนลูกแก้วให้เพื่อนคนต่อไปทันทีและออกจากห้องไป อย่างไรก็ตามเจสันรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะที่ทิลล์ได้ปล่อยจิตสงัหารออกมานิดหน่อยเพื่อข่มขู่ไม่ให้ใครต่อต้านเขา แต่เจสันก็ไม่ได้สนใจอะไร ขณะที่รอจนกว่าจะถึงคิวของตัวเอง เด็กในห้องมีไม่มากนักที่ผ่านเข้ารอบ

เมื่อถึงคราวของเซรอนเจสันก็มองไปที่หินอ่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าความสามารถในการดูดซับมานาของเซรอนนั้นดีขนาดไหน แสงสีเหลืองเข้มส่องสว่าง และเจัสนก็พยักหน้าและนึกได้ว่าเซรอนเองก็เพิ่งที่จะสามารถดูดซับมานาได้เมื่อไม่นานนี้หลังจากที่ได้รับสัตว์พันธะตัวแรก

และเมื่อพิจารราถึงความสำเร็วก็น่าตกใจที่เซรอนสามารถดูดซับมานาและเพิ่มระดับของแกนมานามาได้ถึงขนาดนี้ภายในไม่กี่เดือน

ภายในความคิดของเจสัน เซรอนเป็นเด็กที่ดีที่สุดในห้อง 54 แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเท่าไหร่ ในขณะที่ห้องนี้เต็มไปด้วยพวกที่ไม่เก่ง

ผ่านไป 10 กว่านาที ก็จะถึงตาของเจสัน และเจสันก็ได้มายืนตรงหน้าของหินอ่อน แล้วถือมันขึ้นโดยไม่ลังเล ในขณะที่ทิลล์เองก็อยากรู้อยากเห็นว่าความสามารถในการควบคุมมานาของเจสันนั้นดีขนาดไหน ขณะที่เจสันเปิดดวงตามานาและเปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดออกไป

เมื่อทำเช่นนั้นเจสันได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างและรับรู้ได้ในเวลาเดียวกัน เขาเห็นเชือกพันกันหลาย 10 เส้น และเมื่อคลี่มันออก วินาทีผ่านไปยังไม่มีแสงสีเปล่งออกมาจากหินอ่อน และยิ่งเวลาผ่านไปทุกคนก็เริ่มที่จะมีความอดทนน้อยลงในขณะที่กำลังจ้องมองเจสัน

และนักเรียนบางคนก็ตะโกนว่าเจสันควรวางลูกแก้วลง และบางคนก็เยาะเย้ยขณะที่บางคนก็พยายามให้กำลังใจ แต่เจสันไม่ได้ยินอะไรเลย ทิลล์ที่กำลังสับสน เนื่องจากปกติการทดสอบการควบคุมมานานั้นใช้เวลาไม่นาน

เวลาผ่านไปนานกว่า 1 นาที โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทุกคนเริ่มที่จะหงุดหงิด ในขณะที่เจสันนั้นยังนิ่งเฉยไม่ทำอะไรและไม่รับรู้อะไรเลย

ทันใดนั้นแสงสีทองก๋ส่องประกายออกมาอย่างส่าวงจ้า จากหินอ่อน มันหนาแน่นและมีสีเหลืองทองซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งกว่าเซรอนถึง 2-3 เท่า ซึ่งมันเป็นระดับความสามารถที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนทุกคนไม่สามารถที่จะลืมตาได้

ทิลล์ได้เบิกตากว้างและมองไปที่หินอ่อนและรู้ได้ทันทีว่าเจสันสามารถคลายเชือกมานาที่พันกันออกทั้งหมดภายในไม่ถึง 2 นาที

ทิลล์ใช้เวลาพอสมควรในการเคลียร์ความคิดของตัวเอง และแสงสีทองก็ค่อยๆ จางหายไป ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง

ทิลล์ได้ตั้งสติปละประกาศ

“ขั้นสูง ผ่าน !”

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท