ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes – ตอนที่ 178

ตอนที่ 178

ตอนที่ 178 ความแตกแยก

แม้จะยังเช้าอยู่ เจสันก็ยังอยากเข้าไปในห้องตีเหล็ก เพราะเขาต้องการที่จะชําระแร่ให้บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุดและต้องการทํากริชและจารึกอักษรรูน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทําเช่นนั้น พื้นดินด้านล่างได้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะที่น้ําในทะเลสาบได้เกิดการกระเพื่อมเล็กน้อย

ตาของเขารู้สึกพร่ามัวจากการปรากฏขึ้นของมวลมานาที่หนาแน่นในระยะที่ไกลมาก เขามองดูเชนและดาเลียด้วยความสับสน ซึ่งดูเหมือนทั้งเชนและดาเลียก็ตกใจพอกัน

ความหนาแน่นของมานาเพิ่มมากขึ้นทําให้เกิดแรงกดดันที่รุนแรง และเจสันไม่สามารถหันไปทางที่เกิดการผันผวนของมานาได้ ดวงตาของเขาตรวจพบบางสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างยิ่งซึ่งอยู่ห่างจากเขาหลายกิโลเมตร

โดยปกติ เขาไม่สามารถมองเห็นมานาได้ในระยะที่ไกลขนาดนั้น ซึ่งปกติเขาจะสามารถเห็นได้เพียงระยะรัศมีไม่ไกลจากร่างกายของเขา

นี่เป็นเพราะมานาบริสุทธิ์และมีมวลมหาศาล ซึ่งทําให้เจสันตกใจเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ใหญ่กว่าในตอนนี้คือเจสันเห็นจุดเล็กๆ ห่างจากตําแหน่งปัจจุบันของเขาหลายกิโลเมตร ขณะที่เขาพยายามโฟกัส เขาเห็นว่าจุดนั้นกําลังขยายใหญ่ขึ้น ในขณะที่ความหนาแน่นของมานาที่เขารับรู้นั้นดูเหมือนจะหนาขึ้นทุกนาที

 บ้าหน่า 

เจสันโพล่งออกมาและอาจารย์ทั้งสองยของเขาสังเกตเห็นว่าเจสันมองตรงไปในทิศทางที่พวกเขามองเห็นความผันผวนของมานาจํานวนมหาศาล ในขณะที่เชนได้ถามเจสันว่า

 เจ้าเห็นจุดสีน้ําเงิน-ด่าที่มีความหนาแน่นมานาที่หนาแน่นมากๆและมีความบริสุทธิ์สูงไหม 

เจสันได้ตอบขระที่ไม่ได้หันหน้าไปหาเชนเพราะไม่อยากเสียจุดโฟกัสในขณะที่เขาจ้องมองจุดน้ําเงินนั้นอย่างไม่ละสายตา

 ใช่ครับ…และจุดนี้ก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น 

อย่างไรก็ตาม คําตอบของเขาทําให้ทั้งเชนและดาเลียถอนใจลาออก เจสันเริ่มสงสัยและกําลังจะถามในขณะที่เชนซึ่งพูดก่อน

 หากประสาทสัมผัสของข้ายังทํางานได้ดี ตามความผันผวนเหล่านี้และจุดสีดําที่เจ้าเห็นคือการแสดงของรอยแยกชั่วคราว

สิ่งเดียวที่แปลกประหลาดคือตําแหน่งของรอยแยก….มันอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของเขตรอบนอกตรงที่พวกก็อบลิ้นทําลายทุกอย่าง… 

การได้ยินเชนพูด ทําให้เจสันสูดลมหายใจลึก และยังจ้องมองไปที่จุดน้ําเงินที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นซึ่งส่วนภายในดูเหมือนจะซับซ้อนแต่มันก็น่าดึงดูด

หากรอยแยกนี้นี้สูงกว่าระดับห้าดาว เมืองไซโรอาจจะต้องพบกับภัยพิบัติร้ายแรง

เท่าที่เจสันรู้ รอยแยกระดับหนึ่งดาวสามารถเพิ่มพลังให้กับสัตว์ป่าระดับต่ําให้แข็งแกร่งขึ้นได้

แต่รอยแยกระดับ 5 ดาวนั้น จะเพิ่มพลังให้กับสัตว์เวทย์มนต์และเป็นแห่ลงที่อยู่อาศัยของสัตว์ร้ายระดับสูงที่อันตราย

ปัญหาหลักสําหรับสถานการณ์โดยรวมของแอสทริกซ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดรอยแยกระดับเฮล (ระดับความยาก = นรกสุดๆ ยิ่งกว่า 5 ดาว)

สําหรับรอยแยกระดับสูงสุดนั้นถูกเรียกขานกันว่า ขุมนรก เจสันไม่อยากจินตนาการว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวชนิดใดที่อาศัยอยู่ในรอยแยกระดับนั้น

รอยแยกระดับเฮลนั้นแตกต่างจากระดับดาว เนื่องจากไม่ทราบความสามารถและค่าพลังของสิ่งมีชีวิตในนั้นได้เนื่องจากมีสิ่งมีชีวิตระดับผู้พิทักษ์และระดับลอร์ดอาศัยอยู่

และถึงแม้จะมีสิ่งมีชีวิตระดับนั้นอยู่เหล่ามนุษย์ก็ไม่สามารถเข้าไปเพื่อค้นหาสมบัติหรือสิ่งของที่มีค่าหายากจากในนั้น เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่มีระดับผู้พิทักษ์และระดับลอร์ดนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ที่อยู่ในระดับจักรพรรดิ

นอกจากนี้ เขายังพบว่าเชนเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงอิทธิพลที่สุดที่มนุษย์มี ในขณะที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าเขา

เขายังไม่แน่ใจว่าระดับต่อไปจะเรียกว่าอะไร แต่เชนค่อนข้างแน่ใจว่ายังไม่มีตําแหน่งใหม่ที่จะค้นพบซึ่งใครบางคนสามารถสร้างผลึกคริสตัลขนาดใหญ่ภายในแกนมานาได้

ถ้ารอยแยกระดับเฮลยังมีสัตว์ร้ายระดับลอร์ด แล้วรอยแยกระดับอบสล่ะ?

แม้แต่สัตว์ร้ายระดับลอร์ดก็แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ที่ทรงพลังที่สุดเช่นกัน เนื่องจากช่องว่างที่เพิ่มขึ้นในความแข็งแกร่งโดยกําเนิดของมนุษย์และของสัตว์ร้ายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น

เขาไม่ต้องการที่จะจินตนาการถึงความน่าสะพรึงกลัวของรอยแยกระดับอบิส ที่สามารถกวาดล้างมนุษย์ได้จนหมดเกาะคาเนียร์

เชนยังบอกเขาด้วยว่าเคยมีช่วงเวลาที่สัตว์ร้ายระดับลอร์ดได้สร้างความหายนะให้กับคาเนียร์ ต้องใช้ความร่วมมือจากหลายครอบครัวใหญ่เพื่อจัดการสัตว์ร้ายให้ถอยออกไป แต่ไม่สามารถจัดการได้

เจสันรู้สึกประหลาดใจที่ได้ยินเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่ามนุษย์ถูกผลักให้อยู่ใต้ห่วงโว่อาหารหลังจากที่เผ่าพันธุ์อัจฉริยะจากต่างโลกได้เกิดขึ้น เนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถใช้มานาได้ในขณะนั้น

เมื่อคิดถึงเผ่าพันธุ์อัจฉริยะ เจสันสงสัยว่าพวกมันแข็งแกร่งเพียงใด มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์จากหลายเชื้อชาติที่ทําสงครามกับมนุษยชาติในคราวเดียวในขณะที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นพวกนั้นมาก่อนเลย

จากความรู้ของเขา เจสันรู้สึกหวาดกลัว แต่เขาสังเกตเห็นเชนสงบซึ่งอาจเป็นประโยชน์ส่าหรับพลเมืองของแอสทริก

เมื่อได้ยินเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เจสันจึงตัดสินใจเลี่ยงการจ้องมองจากรอยแยกที่ก่อตัวขึ้น

เมื่อสังเกตเห็นว่าศิษย์ของเขามองมาที่เขาด้วยสายตาที่สงสัย เชนเริ่มอธิบาย

 รอยแยกที่เจ้าเห็นน่าจะเป็นเพียงรอยแยกระดับดาวที่มีสัตว์ร้ายระดับสูงแต่ไม่ถึงกับเป็นระดับสัตว์เวทย์มนตย์ ซึ่งมีความสามารถในการต่อสู้หลัก

อย่างไรก็ตาม ข้ายังไม่แน่ใจในตอนนี้ เพราะอยู่ไกลเกินกว่าจะรับรู้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆได้หวังว่าข้าจะคิดถูกเมืองไซโรจะได้รับความเสียหายมากเกินไปหากเป็นรอยแยกระดับห้าดาว  

อย่างน้อย แอสทริกซ์จะรอด ตราบใดที่ไม่มีรอยแยกชั่วคราวระดับเฮล 

ขณะที่เจสันมองตรงเข้าไปในดวงตาของเชน เชนดูอยากรู้เกี่ยวกับรอยแยกชั่วคราว ขณะที่เขาประกาศว่า

 ลองดูสิ ข้าสามารถพาพวกเราทุกคนไปที่นั่นได้… 

เขายังพูดไม่จบ เมื่อประตูมิติขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา โดยเชนจับเจสันและอาร์เทมิสด้วยมานาที่ปล่อยออกมา ขณะที่เขาม้วนตัว โอบรอบเอวของดาเลียเอาไว้

 ไปกันเถอะ!! 

 

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

ดวงตาของเทพเจ้า God’s eyes

จากการสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เขาต้องเอาชีวิตรอดในโลกที่เขามองไม่เห็น … คนตาบอดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเหมือนกาฝากตามทาง

ในสังคมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และจิตวิญญาณในการบังคับให้เติบโต

ความคิดของเขานั้นแตกต่างจากคนรอบข้างในขณะที่เขาไม่รังเกียจที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขาเอง วันที่เขาถูกปลุกดวงวิญญาณของเขา

คือวันที่เขาร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังในขณะที่พระเจ้าเล่นตลกกับเขา เนื่องจากการปลุกดวงวิญญาณของเขาเป็นพรจอมปลอม

ใครๆก็คิดว่าเขานั้นตาบอด จนกระทั่งวินาทีที่เขาเบิกเนตรสีทองของเขาที่กระพริบเป็นประกาย

ที่รอคอยที่จะกลืนกินทุกคนที่กล้าขัดขวางเส้นทางของเขาไปสู่ยอดเป้าหมาย โปรดติดตามเจสันในการเดินทางผจญภัยทั่วโลกอันกว้างใหญ่นี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท