ตอนที่ 185 ดับเบิล คิล
เจสันยืนอยู่หน้าสนามประลองที่ดูมีเอกลักษณ์ซึ่งมีความสูงมากกว่า 30 เมตร รวมอย่างน้อยเจ็ดชั้น
แล้วไง? ฉันควรรอหรือเข้าไปข้างใน?
เจสันไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาควรทําอย่างไร…
มาเลียอยู่ข้างในหรือเปล่า
แม้ว่าเจสันจะเข้าไปข้างใน เขาจะไม่รู้ว่ามาเลียอยู่ในชั้นหรือสนามรบไหน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจรอมาเลียและและอาจจะรวมถึงเกร็กด้วย
แต่เกร็กก็ไม่ได้มีความสําคัญสําหรับแผนของเขาและเป็นอุปสรรคมากกว่า เพราะเนื่องจากเขานั้นมีระดับพอๆ กับ เจสันและค่อนข้างที่จะใช้กําลังมากกว่าสมอง และยังต่างกันตรงที่เจสันนั้นมีดวงตามานาที่สามารถมองเห็นแหล่งมานาและจุดความหนาแน่นได้
เขามั่นใจว่าเขาจะเป็นประโยชน์ต่อทีมสํารวจ ตราบใดที่มาเลียและทีมของเธอต้องเสี่ยงภัยในรอยแยกระดับสี่ดาว
ระหว่างรอ เขาคาดการณ์ว่าโอกาสที่มาเลียจะเข้าไปในรอยแยกระดับสี่ดาวนั้นสูงมาก เนื่องจากว่ากันว่ารอยแยกชั่วคราวนั้นมีสมบัติมากกว่าเมื่อเทียบกับรอยแยกถาวร
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเกร็กและการขาดเครดิต เจสันมั่นใจว่ามาเลียจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสนับสนุนครอบครัวของเธอด้วยสุดความสามารถ
สิ่งเดียวที่เจสันไม่รู้ได้ คือความทะเยอทะยานของเพื่อนร่วมทีมของเธอว่าจะมีอยากเข้าไปในรอยแยกชั่วคราวหรือไม่ เพราะเขาไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการสมบัติมากหรือน้อยเพียงใด
หากพวกเขาต้องการเครดิตหรือสมบัติล้ําค่า พวกเขาอาจจะยอมเสี่ยงเข้าไปในรอยแยกระดับสี่ดาว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่สามารถขจัดปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเจสันได้
พวกเขาจะยอมรับฉันไหมนะ? ความสามารถในการต่อสู้ของฉันไม่สูงพอ และพวกเขาคงจะไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนแปลกหน้าที่บอกว่าเขามีความสามารถอันทรงพลังที่ทําให้พวกเขาติดตามสมบัติและวัสดุคุณภาพสูงได้
เจสันคิดพลางครุ่นคิด
ไม่มีอะไรมากที่เขาจะสามารถทําได้เพื่อโน้มน้าวให้เพื่อนร่วมทีมของมาเลียให้เชื่อเขา แต่สิ่งสําคัญอันดับแรกสําหรับเขาที่ต้องทําคือค้นหาว่าพวกเขาจะเสี่ยงภัยในรอยแยกระดับสี่ดาวหรือไม่
เขาจะต้องโน้มน้าวให้มาเลียในตอนแรก ซึ่งไม่น่าจะยากขนาดนั้น เพราะเธอรู้ถึงความสามารถของเขาก่อนที่เขาจะหาวิธีคิดที่จะโน้มน้าวเพื่อนร่วมทีมของมาเลีย
เกือบ 4 โมงเย็น ในขณะที่โรงเรียนเลิก เมื่อนักเรียนสองสามคนแรกออกจากสนามรบ พวกเขาหมดแรงอย่างเห็นได้ชัด
นักเรียนทุกคนสวมชุดนักเรียนชุดเดียวกัน และแต่ละคนก็มีอาการและท่าทางแตกต่างกัน บางคนดูเหมือนจะมั่นใจเป็นพิเศษในขณะที่บางคนดูหดหูใจด้วยรอยฟกช้ําเล็กน้อยที่ปกคลุมร่างกายและใบหน้าของพวกเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้น เจสันยิ้มเบา ๆ ขณะที่เขาคิดว่า มีนักเรียนบางคนที่ตั้งคําถามกับการตัดสินใจของครูเกี่ยวกับคลาสการต่อสู้พิเศษ เหมือนกับว่าเพื่อนร่วมชั้นของเขาไม่พอใจกับพฤติกรรมของทิลล์ที่มีต่อเขาและเซรอน
เจสันได้สแกนผ่านแกนมานาของนักเรียนแต่ละคน และพยายามหาจุดแข็งโดยเฉลี่ยของเด็กนักเรียนภายในโรงเรียนหลัก
อย่างไรก็ตาม ยังไงก็ตาม มันแปลก… เจสันไม่แน่ใจว่าเขาควรจะผิดหวังกับอันดับและขนาดของแกนมานาหรือไม่ความแข็งแกร่งโดยเฉลี่ยของนักเรียนชั้นเกรด 1 ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะอยู่ที่อันดับผู้ชํานาญระดับ 8 โดยมีนักเรียนที่ยอดเยี่ยมเพียงไม่กี่คน
จากนักเรียน 10 คนในกลุ่มของพวกเขา สองคนเป็นนักเรียนเกรด 3 คนอื่นๆ เป็นนักเรียนเกรด 1และเกรด 2 สี่คน
แต่นั่นไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สําคัญที่สุดเพราะใบหน้าของพวกเขาดูคล้ายคลึงกัน ทําให้เจสันคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นพี่น้อง หรือเป็นลูกพี่ลูกน้องกันทั้งหมด
แต่สิ่งที่ทําให้เจสันประหลาดใจยิ่งกว่าเกี่ยวกับนักเรียนชั้นเกรด 3 สองคนนั้น แกนมานาของพวกเขานั้นสูง กว่าของมาเลีย ซึ่งอยู่ในระดับมาสเตอร์ที่ 3 ซึ่งพวกเขาดูเด็กกว่าเธอมากๆ
(เปลี่ยนจากระดับ เป็นทับศัพท์แทนนะครับ จะแทนดังนี้ มือใหม่ – อเด็ป » เอ็กซ์เพิร์ต – มาสเตอร์ , เมกัส – แกรนด์เมกัส )
ถ้าเขาจําไม่ผิด มาเลียก็ถือว่าเก่งมากแล้วเนื่องจากความไวและการควบคุมมานาที่สูงของเธอแต่เมื่อเห็นพี่น้องสองคนที่ดูเหมือนจะอายุราวๆ กับระดับแกนมานาที่สูงกว่า ทําให้เจสันมองดูพวกเขาด้วยความสับสนอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากสัมผัสได้ถึงมานาที่แปรสภาพโดยเฉพาะ เจสันก็มั่นใจยิ่งขึ้นไปอีกว่าทั้ง 10 คนเป็นญาติกันและ อาจไม่ได้มาจากแอสทริกซ์ด้วยซ้ํา เนื่องจากมานาที่สามารถแปรสภาพได้โดยเฉพาะของพวกเขาค่อนข้างหายากในแอสทริกซ์
พวกเขาทั้งสิบคนอาจได้รับพันธะวิญญาณที่สัมพันธ์กับความมืด ทําให้มานาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นเล็กน้อย
บางที่พวกเขาอาจเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน
เจสันสงสัยขณะจ้องมองไปที่กลุ่ม 10 คน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่พวกเขามองข้ามไป
เมื่อพวกเขาหันมาทางเจสัน เจสันไม่ได้แม้แต่จะเพิกเฉยต่อสายตาของเขา ขณะที่เขายังคงจ้องไปที่เด็กหนุ่มที่ดูคล้ายคลึงกันสิบคนที่อยู่ข้างหน้าเขา
พวกเขาตกตะลึงเมื่อเห็นเจสัน เนื่องจากเด็กหนุ่มผมดําที่มีดวงตาสทองของเขาดูหล่อเหลาซึ่งเหาได้ยากแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
นกเค้าแมวสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ที่มีเขาสีดําสนิท ที่เกาะอยู่บนไหล่ของเขา และทั้ง 10 คนไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายแบบนี้มาก่อน
ขณะที่ทั้ง 9 คนจ้องมองที่อาร์เทมิส นักศึกษาชั้นเกรด 3 คนหนึ่งก็ได้มองมาที่เจสัน ขณะที่เธอเลียริมฝีปากซึ่งเจสันสังเกตเห็น ทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
ฉันดูดีขนาดนั้นเลยหรอ
เจสันคร่ครวญในใจ ขณะที่เด็กสาวพูดบางอย่างกับกลุ่มของเธอซึ่งตัดสินใจหันความสนใจมาที่เขา
เขาถอนหายใจ และทักทายนักเรียนทั้ง 10 คนอย่างสุภาพ ขณะที่หญิงสาวเริ่มถามอย่างไร้ยางอายเกี่ยวกับ เรื่องส่วนตัวของเจสัน
เฮ้ นายหล่อมาก ฉันชื่อเจนนิเฟอร์ แดร์… นายมีแฟนรึยัง กําลังรอเธออยู่หรือ อยากไปแฮงเอาท์กับฉันไหม
เจนนิเฟอร์ไม่รู้สึกละอายกับวิธีการที่ตรงไปตรงมาของเธอเลยสักนิด อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆรอบตัวเธอทําได้เพียงถอนหายใจเพราะพวกเขานั้นสนใจเจสันเพราะสัตว์ร้ายของเจสันแต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับเจนนิเฟอร์
ในขณะที่เด็กเกรด 3 กําลังจะพูดอะไรบางอย่าง เจสันก็ได้ยินคนข้างๆ ตะโกนชื่อเขา
เจสัน!? มาทําอะไรที่นี่?
เจสันได้หันไปทางเสียงพร้อมกับนักเรียนสิบคนที่อยู่ข้างๆ เขา และเห็นมาเลียวิ่งเข้ามาหาเขาทันทีมาเลยก็ได้มองเห็นเจนนิเฟอร์และกลุ่มของเธอ
โอ้ เจนนิเฟอร์ ธีโอ… ทําไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่
มาเลียถามและหยุดอยู่ข้างๆ เจสัน
ธีโอ นักเรียนเกรด 3 อีกคนที่อยู่ถัดจากเจนนิเฟอร์กําลังจะตอบ ขณะที่เจนนิเฟอร์โพล่งออกมาอย่างตื่นเต้น
โอ้ย!!! มาเลีย ฉันไม่รู้ว่าเธอมีแฟนที่หล่อขนาดนี้…น่าเสียดายนะ…บอกฉันที่สิว่าจะเลิกกันตอนไหน…555
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มาเลียก็หน้าแดงเล็กน้อย แต่เจสันก็ขัดจังหวะการสนทนาก่อนที่จะดําเนินไปต่อไปในขณะที่เขาชี้แจง
มาเลียเป็นครอบครัวเดียวกับผม เราไม่ได้เป็นแฟนกัน…และผมไม่อยากไปเที่ยวกับคุณ ขอโทษด้วย เจสันกล่าวอย่างสภาพแต่ตรงไปตรงมา