ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ – ตอนที่ 11-2 เยื่อใย
“ไหนบอกว่าเป็นหน้าที่ของชายา”
ดีแต่พูดเพียงเท่านั้น บีพาอันหลับตาลง แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้งภาพเงาบนเบาะรองนั่งก็จางหายไป บีพาอันกำลังนั่งตัวตรงพูดกับขันทีด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
“ช่างเถอะ ที่ถามเพียงแค่เราไม่ชอบใจที่ตารางเวลามีการเปลี่ยนแปลง ต่อไปก็มิต้องเผื่อเวลาให้พระชายามาทำความเคารพยามเช้าอีก”
“ทราบด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ลมเย็นๆ ผัดผ่านศีรษะไป บีพาอันเปิดหนังสือม้วนขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขาที่กำลังกวาดไปบนตัวหนังสือเต็มไปด้วยความดุดัน
***
กโยซึลนอนอยู่บนเตียงตลอดช่วงกลางวัน นานแล้วที่ไม่ได้อยู่เฉยๆ ทั้งวันในห้องของตนเช่นนี้ ตนที่ปกติร่างกายแข็งแรงมาก แม้แต่ไข้หวัดก็ยังไม่ค่อยจะเป็น แต่ทว่าก็มีบางครั้งที่ป่วยจนต้องนอนซมดังเช่นครั้งนี้
“แม้จะไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหน แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้สินะ”
ถึงแม้จะฟังดูขัดแย้งกันอยู่บ้าง ทว่ามันคืออาการที่ตนเป็นอยู่ในตอนนี้ ร่างกายไม่มีตรงไหนที่เจ็บป่วยเลย แต่กลับต้องนอนซมเพราะหัวใจที่เจ็บปวดนั้น มันทรมานกว่าการที่ร่างกายเจ็บป่วยเสียอีก มันอึดอัดใจและหายใจไม่ค่อยออก รังแต่จะร้องให้จนใจจะขาด
กโยซึลเพิ่งจะรู้ว่ามันสามารถเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้ เจ็บปวดอย่างสิ้นหวังกับหัวใจที่ไร้การถูกเอาใจใส่ เจ็บปวดกับหัวใจที่มีแต่ความคิดถึง ซ้ำร้ายยังมีเรื่องมากมายที่มาทำร้ายจิตใจอีก กโยซึลสูญเสียความตั้งใจทั้งหมดของตนไปแล้ว
“เราเกลียดทุกคน เกลียดท่านพ่อที่ส่งเรามายังที่แสนไกลเช่นนี้ เกลียดท่านแม่ที่ไม่ยอมห้าม เกลียดท่านพี่ที่ไม่ยอมคัดค้าน”
ปลอกหมอนเปียกชุ่ม กโยซึลรู้สึกว่าการใช้ชีวิตที่ฮวากุกนั้นช่างเป็นเรื่องที่เลือนรางนัก แม้จะยังไม่ผ่านพ้นไปสักฤดู แต่ความทุกข์ก็ได้เกิดขึ้นมากมายแล้ว
“และยิ่งเกลียดคนที่ใจร้ายใจดำ”
ก่อนหน้านี้ตนทั้งตื่นเต้น และคาดหวัง สงสัยว่าคนที่ตนจะต้องใช้ชีวิตด้วยกันตลอดชีวิตนั้นเป็นใคร ลักษณะเป็นอย่างไร นิสัยเป็นอย่างไร
ทว่าสามีที่ได้เจอจริงๆ นั้น ไม่เคยมีรอยยิ้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว เอาแต่ขู่ตะคอกดุกโยซึลด้วยสายตาที่เยือกเย็นราวน้ำค้างแข็ง แม้ว่าตอนนี้จะยังอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ตาม เขาทำเหมือนกับกำลังเลี้ยงดูเด็ก ทำราวกับว่าตนเป็นเด็กมีปัญหา สำหรับบีพาอันแล้วกโยซึลไม่ใช่ชายา แต่เป็นเพียงเด็กน้อยที่น่ารำคาญคนหนึ่งเท่านั้น กโยซึลที่กลายเป็นเด็กไม่ดีรู้สึกหมดกำลังใจและหวาดกลัว
“แล้วก็ยิ่งเกลียดคนที่อ่อนโยนคนนั้น”
คนที่ยิ้มให้ตนเป็นครั้งแรก ณ อาณาจักรที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ หรืออาจะเป็นเพราะกำแพงระหว่างทั้งสองคนพังทลายลงไปอย่างง่ายดายจึงทำให้ไม่คิดถามอย่างละเอียด ตนนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แค่รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีและทำตัวสบายๆ จึงไปหาเขาบ่อยๆ ลืมแม้กระทั่งสถานะของตัวเองจนพูดพล่อยๆ ออกไปให้โดนตำหนิ
“ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีใจให้เขา”
กโยซึลเองก็ตกใจเช่นกัน ทำไมถึงพูดคำแบบนั้นออกมาได้ คาดหวังให้เขาเป็นฮวางแทจาได้อย่างไร
เพราะตนรู้สึกสบายใจ และยิ้มได้ รวมทั้งยังเอาแต่คิดถึงเขาเสมอ ความรู้สึกเหล่านั้นมันเพิ่มมากขึ้นในขณะที่กโยซึลไม่รู้ตัว นางยังคงสับสนว่าที่ตนทรมานอยู่อย่างนี้เป็นเพราะบีพาอันที่แสนเย็นชา หรือเป็นเพราะรูแฮที่ปกปิดตัวตนของเขากันแน่
“หรือว่าเขาเพียงแค่ล้อเล่น?”
กโยซึลรู้สึกกลัว ปกปิดตัวตนงั้นหรือ นางเริ่มกลัวว่าการกระทำที่เขาทำมาจนถึงตอนนี้จะเป็นการหลอกลวงด้วยเช่นกัน บีพาอันทำราวกับว่าตนเป็นเด็กไม่รู้จักโตถึงเพียงนั้น สำหรับรูแฮแล้วมิใช่ว่าตนก็เป็นแค่ตัวตลกหรอกหรือ ความคิดที่ไม่ดีเหล่านั้นทำให้กโยซึลทุกข์ทรมาน
ตนที่เป็นถึงพระชายาฮวางแทจาแต่กลับไปใช้เวลากับผู้ชายนอกเรือนอย่างสนุกสนาน คอยเฝ้าคิดถึงเขา แล้วยังพูดออกไปว่าคาดหวังให้เขาเป็นฮวางแทจาอีกด้วย
“ทำไมไม่ถามเขาไปกันนะว่าเขาคือใคร”
กโยซึลกำผ้าห่มไว้ในมือแล้วก็เขกหัวตัวเอง เชื่อใจคนที่เคยเจอครั้งแรงอย่างไม่คิดแบบนั้นได้อย่างไรกัน เปิดใจให้เขาอย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไรกัน นี่เป็นนิสัยที่ไม่ดีของกโยซึล นิสัยที่ไร้เดียงสา ชอบคนอย่างไร้เหตุผลจึงทำให้เปิดเผยตัวตนออกมาทั้งหมด
“แล้วทำไมเขาถึงไม่บอกเราตั้งแต่แรก”
หลังจากที่กโยซึลโทษตัวเองอย่างเต็มที่แล้วนางก็เริ่มที่จะขุ่นเคืองคนอื่นต่อ เหตุผลที่เขาไม่ยอมบอก การที่เขาไม่พูดอย่างตรงไปตรงมาคงจะเป็นเพราะว่าตนนั้นไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเท่าไร แม้ว่าตอนนี้กโยซึลจะกำลังสับสนว่าคนที่ทำให้ตนเจ็บปวดใจนั้นคือบีพาอันผู้เย็นชา หรือรูแฮที่ไม่เห็นว่าตนเป็นคนสำคัญ แต่หลักๆ แล้วความคิดของนางก็ดูจะโอนเองไปทางรูแฮเสียส่วนใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ตนเอาแต่คิดเรื่องชายอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องของตนยาวนานถึงเพียงนี้
หมอหลวงนำยาสมุนไพรต้มมาให้กโยซึล เมื่อแม่นมรับยาสมุนไพรต้มมา นางก็มายืนเรียกกโยซึลอยู่ที่หน้าประตู
“พระชายาทรงตื่นบรรทมหรือยังเพคะ”
แม้จะไม่มีเสียงตอบมาจากด้านใน แต่เมื่อแม่นมพยักหน้าให้กับเหล่านางกำนัล พวกนางก็เปิดประตูออก แม่นมเดินก้มหน้าเข้ามาในห้องบรรทม นำถ้วยยาไปวางไว้แล้วหันไปมองที่เตียง กโยซึลตื่นขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงแล้ว นางดูซีดเซียวสวมใส่ชุดตัวในสีขาวอยู่เช่นนี้ดูเหมือนกับแสงไฟดวงหนึ่งที่พร้อมจะหายไปได้ทุกเมื่อ
“ยาสมุนไพรต้มเพคะ ทรงเสวยยานี้ตอนท้องว่างก่อน หลังจากเสวยโจ๊กแล้วจะนำยาตัวอื่นมาให้อีกเพคะ”
“…”
กโยซึลไม่มีคำพูดใด แม่นมที่มองกโยซึลด้วยดวงตาที่สั่นระริกส่งถ้วยยาสมุนไพรให้กับนาง
“เสวยตอนที่ยังอุ่นๆ อยู่นะเพคะ”
กโยซึลรับถ้วยยาสมุนไพรต้มจากแม่นมแล้วค่อยๆ ดื่มเข้าไป ภายในปากขมไปหมด แต่ภายในใจของ
กโยซึลนั้นมันขมยิ่งกว่ายานี้หลายเท่า
“เดี๋ยวหม่อมฉันจะนำโจ๊กมาให้นะเพคะ”
แม่นมเก็บถ้วยยาสมุนไพรที่ว่างเปล่าแล้วถอยหลังเดินออกจากห้องไป หลังจากนั้นไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกับโจ๊กและยาหนึ่งเม็ด กโยซึลไม่พูดอะไรจนกระทั่งกินอาหารเช้าเสร็จ พอถึงตอนเที่ยงอาหารเที่ยงก็ถูกนำมาวางให้ ในมื้อเที่ยงนั้นไม่มียา วันนี้นางกินอาหารไปเพียงแค่นิดเดียว แม่นมรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยเลยทีเดียวที่ในท้องว่างๆ ของกโยซึลเต็มไปด้วยยา หลังจากที่เก็บจานอาหารเที่ยงไปแล้ว กโยซึลที่นั่งอยู่ก็เริ่มเอนตัวลงนอน แต่ซังกุงก็แจ้งขึ้นว่ามีใครบางคนมาเยี่ยม